10 รถสุดแพงบนเวทีประมูล
ในเรื่องค่าตัวของรถยนต์สักคัน แต่ถ้าเจาะจงเอาเฉพาะตัวเลขของราคา ซึ่งผู้เป็นเจ้าของใหม่จะต้องจ่ายออกไปเท่านั้น แน่นอนว่า พวกรถเก่าคลาสสิคย่อมสามารถสร้างตัวเลขให้ทะลุ 7 หลักไปได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อต้องผ่านการซื้อขายในแบบประมูล และนี่คือ 10 รถยนต์คลาสสิคที่ว่ากันว่าปิดประมูลด้วยตัวเลขระดับโหด ชนิดที่ไม่รวยจริงทำไม่ได้
1.Ferrari 250GTO : รถสปอร์ตที่ขึ้นชื่อในประเภท ‘Must Have’ สำหรับสร้างความสมบูรณ์ให้กับคอลเล็กชั่นของคุณ แน่นอนว่าจากการผลิตเพียงช่วงสั้นในระหว่างปี 1962-1964 และมีเพียง 39 คันเท่านั้น ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่มันจะแพงชนิดได้โล่ และตัวเลขสุดท้ายที่ประมูลไปจนทำให้ติดอันดับคือ 38.115 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยตอนนี้ก็ 1,300 กว่าล้าบาท โดยเป็นการประมูลเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2014 และคันนี้เป็นรุ่นปี 1962
2.Ferrari 335S : คันที่ติดอันดับที่ 2 นี้มีค่าตัว 35.711 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,250 ล้านบาท และมันไม่ใช่รถบ้านแต่เป็นรถแข่งที่ค่ายม้าป่าลำพองผลิตออกมาเพียง 4 คันเพื่อใช้แข่งในระหว่างปี 1957-1958 โดยอ้างอิงพื้นฐานของรุ่น 315S ใช้เครื่องยนต์วี12 ความจุ 4,000 ซีซี ถูกประมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง เป็นรุ่นปี 1957 ที่ขับเข้าอันดับ 6 ในรายการ Sebring และเข้าที่ 2 ในรายการ Mile Miglia และว่ากันว่าเจ้าของใหม่ที่ประมูลไปคือ Lionel Messi ยอดนักเตะชาวอาร์เจนตินาของ Barcelona
3.Mercedes W196 : รุ่นปี 1954 จบประมูลในปี 2013 ที่ตัวเลข 19.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่มีการปรับอัตราค่าเงินตามเรทใหม่ทำให้ราคาที่จ่ายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วขยับขึ้นมาอยู่ที่ 30.069 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,052 ล้านบาท เป็นรถแข่ง F1 ที่ใช้ในการแข่งขันปี 1954-1955 และขับโดย Juan Miguel Fangio และ Stirling Moss พร้อมคว้าแชมป์มากถึง 9 สนามจาก 12 สนามที่ลงแข่งขัน
4.Ferrari 290MM : รุ่นปี 1956 และปิดประมูลเมื่อปลายปี 2015 ที่ 28.05 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 981 ล้านบาทเป็นรถแข่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขันแรลลี่ Mille Miglia (ดูจากชื่อย่อ MM) และมีเพียง 4 คัน ซึ่งตัวแข่งรุ่นนี้คว้าแชมป์การแข่งขันรายการนี้เมื่อปี 1956 ด้วย
5.Ferrari 275 GTB NART Spider : รถสปอร์ตในตระกูล 275 อาจจะไม่ค่อยเชิญชวนให้เสียเงินได้มากขนาดนี้ เพราะว่ามีผลิตออกมาร่วม 970 คันในระหว่างปี 1964-1968 แต่ที่ทำให้แพงถึง 27.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 962 ล้านบาทในการประมูลเมื่อปี 2013 คือ มันเป็นรุ่นพิเศษที่เรียกว่า NART Spider ที่เป็น One-Off ผลิตเพียงคันเดียวในแบบเปิดประทุนเพื่อส่งให้กับ Luigi Chinetti ดีลเลอร์รายใหญ่ของ Ferrari ในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่ง NART คือตัวย่อของคำว่า North American Racing Team โดยตามปกติแล้วรุ่น NART ส่วนใหญ่เป็นคูเป้และมีการผลิตออกมา 10 คัน
6.Ferrari 275 GTB/C Speciale : เป็นรุ่นปี 1964 และปิดประมูลที่เวทีเดียวกับคันข้างบนในงานประกวดรถยนต์โบราณ Pebble Beach แต่เป็นปี 2014 ด้วยราคา 26.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 924 ล้านบาท โดยรถสปอร์ตรุ่นนี้เป็นเวอร์ชันตัวแรงที่เปิดตัวในปารีส มอเตอร์โชว์ ปี 1964
7.Jaguar D-Type : จริงๆ แล้วหลายคนคิดว่าถ้ามีชื่อของ Jaguar ติดอันดับ รุ่นที่ติดก็น่าจะเป็น E-Type แต่กลับไม่ใช่ เพราะการประมูลในงานที่ Pebble Beach เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา กลายเป็น D-Type กับค่าตัว 21.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 762.3 ล้านบาท และคันที่ประมูลเป็นรุ่นปี 1955
8.Alfa 8C 2900B Lugo Spider : ถูกประมูลเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 19.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 693 ล้านบาทเป็นรถโบราณทรงสวยที่ผลิตในระหว่างปี 1931-1939 และคันที่ประมูลเป็นรุ่นปีสุดท้ายของการผลิต
9.Ferrari 250GT California LWB Spider Competizione : เป็นรุ่นปี 1961 และถูกประมูลเมื่อปี 2015ด้วยราคา 18.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 647.5 ล้านบาท ซึ่งรุ่นนี้ดีไซน์เป็นพิเศษเฉพาะสหรัฐอเมริกา และมีการผลิตออกมาเพียง 9 คันเท่านั้น ใช้เครื่องยนต์วี12 3,000 ซีซี 280 แรงม้าเป็นขุมพลัง
10.Ferrari 375 Plus Spider Competizione : ปิดประมูลเมื่อปี 2014 ด้วยราคา 18.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 644 ล้านบาท และเป็นรุ่นปี 1954 และเป็นคันแรกใน 4 คันที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขัน
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th