10 สนามแข่งที่มีเอกลักษณ์
ถ้าให้ลองนับสนามแข่งที่มีอยู่ทั่วโลก แน่นอนว่ามีเยอะมากมายชนิดที่นับกันไม่ไหวอย่างแน่นอน แต่ถ้าตีกรอบให้แคบลง และถามแค่ว่าสนามแข่งที่ไหน ซึ่งนอกจากจะมีชื่อเสียงแล้ว ยังจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง จนทำให้สนามนั้นๆ มีความโด่งดังและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก…โอเคอย่างนี้ค่อยแคบลงมาหน่อย และเราก็สามารถหา 10 สนามแข่งที่ว่านั้นได้
1.Circuit de la Sarthe–France : ถ้าไม่ใช่คอมอเตอร์สปอร์ตพูดชื่อนี้อาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่านี่คือสนามที่เอาไว้ใช้แข่ง Le Mans 24 ชั่วโมง ทุกคนร้องอ๋อแน่นอน นี่คือสนามสุดคลาสสิคที่ใช้ในการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1923 และมีจุดเด่นตรงที่มีบางส่วนของสนามอยู่บนถนนในเมืองด้วย มีระยะทางต่อรอบ 13.629 กิโลเมตรและมีจำนวน 38 โค้ง แต่จุดเด่นที่ทุกคนนึกถึงกลับเป็นทางตรงที่เรียกว่า Mulsanne Straight ซึ่งไกลสุดใจถึง 6 กิโลเมตร พอที่จะความเร็วได้ 405 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามสถิติสนาม ก่อนที่จะมีการทำ Chicane เอาไว้ 2 จุดเพื่อลดอันตรายในการแข่งขัน
2.Circuit de Spa-Francorchamps-Belgium : สนามที่อยู่ในปฏิทินประจำปีของการแข่ง F1 และเป็นที่โปรดปรานของนักแข่งทั่วโลก โดยเฉพาะโค้งขึ้นเนินที่เรียกว่า Eau Rogue ซึ่งมีนักแข่งรุ่นเก่าเคยให้วลีเด็ดเอาไว้ว่า เป็นโค้งที่ทำให้คุณเปลี่ยนจากวัยรุ่นมาเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว…ถ้าคุณสามารถผ่านมันได้นะ
3.Nurburgring Nordschleife–Germany : สนามฝั่งเหนือของ Nurburgring ที่มีชื่อเรียกว่า The Ring หรือ Green Hell ซึ่งในปัจจุบันถูกใช้เป็นสนามทดสอบรถยนต์ และเปิดให้มีคนเข้ามาขับประลองกำลัง รวมถึงการจัดรายการ 24 ชั่วโมงรายการ ADAC Zurich 24-Hour race ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 1925 และมีระยะทางต่อรอบยาวถึง 20.832 กิโลเมตร และเป็นสนามที่ Niki Lauda ประสบอุบัติเหตุในปี 1976 จนเสียโฉม
4.Circuit de Monaco-Monaco : สตรีทเซอร์กิตที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสวยงามและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยในปัจจุบันใช้เป็นสนามแข่งขัน F1 เท่านั้น และเริ่มมาตั้งแต่ปี 1950 ตัวเลย์เอาท์สนามถือว่าเป็นส่วนผสมผสานของโค้งที่แคบและใช้ความเร็วต่ำ เช่นเดียวกับโค้งที่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ ซึ่งวิว 2 ข้างทางแทร็คเต็มไปด้วยอาคารที่สวยงาม
5.Pikes Peak-U.S.A. : สังเวียนบนถนนขึ้นภูเขาสูงในมลรัฐโคโรลาโด ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการแข่งขับรถขึ้นเขา หรือ Pikes Peak International Hill Climb ประจำปีที่โด่งดังทั่วโลก ระยะทางสนามอยู่ที่ 19.99 กิโลเมตร มีโค้งมากกว่า 186 โค้ง โดยมีจุดสตาร์ทอยู่บนความสูงในระดับ1.44 เมตร และไปสิ้นสุดที่ความสูงในระดับ 4.3 เมตรบนยอดเขา Pikes Peak
6.Autodromo Nazionale Monza-Italy : สังเวียนการแข่งขันสุดคลาสสิค และขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 5 สนามของการแข่งขัน F1 ที่แฟนตัวจริงไม่ควรพลาด ซึ่งนับจากการแข่งขันในปี 1950 ที่เข้าสู่ยุคใหม่ของ F1 รายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ไม่เคยหลุดจากปฏิทินการแข่งขัน และถือเป็นสนามที่ใช้ความเร็วสูงและมีรูปแบบของโค้งไม่ซำซับคล้ายกับรองเท้าบู๊ธ แต่ขับยากสุดๆ
7.Silverstone-U.K. : เจ้าของฉายา Home of British Motorsport ซึ่งสนามแห่งนี้รับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 1948 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ตัวสนามมีความยาวต่อรอบ 5.901 กิโลเมตร โดยที่นี่ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่สนามแข่งใน F1 ที่มีเลย์เอาท์แบบคลาสสิค ไม่ใช่เหมือนกับสนามแข่งเกิดใหม่
8.Suzuka-Japan : ว่ากันว่าเลย์เอาท์ของ Suzuka คล้ายกับ Monza แต่ Chicane เยอะกว่า และก็ไม่ใช่เลย์เอาท์ที่สิ่งที่ทำให้คนทั่วโลกจดจำ แต่เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นแบ็คกราวน์หลังสนามต่างหาก ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะมีสนามแข่งใหม่ที่ชื่อว่า Fuji Speedway แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถบีบให้การจัดแข่ง F1 หลุดออกจากมือของ Suzuka ที่มีเหตุการณ์สำคัญๆ ของการแข่ง F1 เกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งที่โด่งดังคือ การชนกันของ 2 นักแข่ง McLaren-Honda อย่าง Ayrton Senna และ Alain Prost
9.Laguna Seca-U.S.A. : สนามที่แม้ว่าจะไม่ได้เป็นหน้าเสื่อในการจัดมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติ แต่ที่นี่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสนามแข่งที่โหดเอาเรื่อง เพราะเต็มไปด้วย 11 โค้ง และพื้นผิวแทร็คที่มีทั้งทางขึ้นเขา ลงเขา โค้งมุมอับที่วัดฝีมือนักขับ โดยทีมี Corkscrew Chicane เป็นไฮไลท์เด่น
10.Indianpolis Speedway-U.S.A. : ถ้าคุณมีโอกาสได้คุยกับคอมอเตอร์สปอร์ตอเมริกัน พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าปีที่แล้วใครคือแชมป์อินดี้คาร์ แต่ถ้าถามถึงแชมป์ Indy500 แน่นอนว่าเกือบทุกคนจะจำได้ เพราะแค่แชมป์สนามนี้สนามเดียว ดีไม่ดีดังกว่าการเป็นแชมป์ประจำปีเสียอีก ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความคลาสสิคและความยิ่งใหญ่ของรายการที่จัดในสนาม Indianapolis Speedway ซึ่งเป็น Oval Track ที่มี Brick Yard เป็นแนวอิฐปูตามยาวตลอดความกว้างของแทร็คตรงช่วงก่อนเข้าเส้นชัยเป็นเอกลักษณ์ของสนาม
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th