1964 BMW R27
โมเมนต์ต้นเรื่อง ความผูกพันที่กลับมาย้ำปม “ตั้ม บีเอ็ม”

ห่างหายกันไป 10 ปี กลับมาเจอกันใหม่อีกครั้ง คราวนี้เลยแต่งให้หล่อหน่อย ในลุครถซิ่ง มีหน้ากาก ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

“คันนี้คือรถ BMW คันแรกของผม ผมขี่ไปเรียนสถาปัตยกรรมที่อุเทนฯ ที่ต้องจากกันเพราะเราต้องใช้เงินมาซื้อคอมพิวเตอร์ เพื่อทำทีซีสจบ เราห่างกันไปร่วมทศวรรษ ก่อนโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง จากที่เคยขายไปในราคา “แสนสาม” 10 ปีผ่านไป เราต้องกลับมาซื้อในราคา “สามแสนแปด” แต่ก็ดีใจที่ได้รถในแบบเดิมๆ ที่เราเคยขี่ ทั้งสี และลายเส้น ซึ่งจำได้ว่าลงมือเขียนเอง เจ้าของเก่ารักษารถได้ดีมากๆ เราก็มาใส่ของแต่งเพิ่มไปในแบบที่ชอบ มีหน้ากาก กันล้ม ตะแกรงท้าย กับออปชันแต่งอีกนิดหน่อย และคิดว่าคราวนี้คงจะอยู่กับผมไปอีกนานแสนนาน…” ตั้ม บีเอ็ม

เครื่องยนต์ของ R27 ถือว่าท็อปสุดในรุ่นซิงเกิล 249 ซี.ซี. 18 แรงม้า ทว่า เพิ่ม “ลูกยางแท่นเครื่อง” 4 จุด อุ้มเครื่องยนต์ ลดการสั่นสะเทือนได้ชะงัด เปลี่ยน “จุดบอด” เป็น “จุดขาย” จากรุ่น R26

หลังสงครามโลกครั้ง 2 (WW-II) สิ้นสุดลง ภายใต้ข้อตกลง “Postdam Agreement” ในปี 1945 ที่ลงนามให้ความเห็นชอบโดย รัสเซีย, อเมริกา และอังกฤษ อนุญาตให้ BMW กลับมาผลิตรถจักรยานยนต์ได้อีกครั้ง มันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ ก็ในราวปี 1948 โดยแบบการผลิตจากรถรุ่น R23 รถก่อนสงครามคือแม่แบบของการผลิต ภายใต้แบบการผลิตที่เรียกว่า R24 ที่ยังคงเครื่องยนต์แบบสูบตั้ง ซิงเกิล ขนาด 247 ซี.ซี. ทว่า จุดบอดที่ซัพหลังไม่มี มันเลยไม่ได้สร้างรายได้ให้โรงงานมากนัก กระทั่งแนวคิดระบบซัพแรงแบบ Plunger ได้รับการออกแบบและติดตั้งให้กับรถโมเดล R25 ในปี 1950 และจบด้วยโมเดล R25/3 สำหรับรุ่นสุดท้ายในปี 1953

แต่งหล่อ ใส่ออปชันให้สวยสมใจ ซิ่งนิดๆ ด้วยโม่งคลุมหัวไฟ กันล้ม สปอตไลต์ ไฟเลี้ยวปลายแฮนด์ นาฬิกา ใส่พาร์ทแต่งได้ยุค

1956-1960 BMW R26 : เมื่อโลกก้าวสู่ทศวรรษใหม่ BMW ต้องรีโนเวทครั้งใหม่ให้กับรถ “สูบเดียว” ของโรงงาน R26 ได้รับการออกแบบภายใต้พื้นฐานรถเครื่องยนต์ 2 สูบของโรงงาน (Boxer Twin) R26 มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบสวิงอาร์มหน้า/หลัง (Earles Forks) เพลาขับในปลอกหุ้ม บังโคลนหน้ารูปทรงใหม่ รวมถึงกะโหลกไฟหน้า ที่มีแผ่นสไลด์พลาสติกสีดำสำหรับสวิตช์จุดระเบิด อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ของ R26 กลับทำได้ไม่นุ่มนวล เพราะแกนยึดเครื่องยนต์ถูกร้อยผ่านเฟรมโดยตรง มันสั่นสะท้านไปทั้งเฟรม หลังจากอัปเกรดเครื่องยนต์ขึ้นเป็น 15 แรงม้า (13 แรงม้าใน R25/3)

หน้าสวิงอาร์ม ศัพท์ช่างเรียก (Earles Forks) มันนุ่มนวล กระจายแรง 3 จุด เหมาะสมลงตัวกับเครื่องยนต์ขนาดกลางๆ

ถังน้ำมันได้รูปสีดำ และเดินเส้นพู่กันคู่คือเอกลักษณ์ กลางถังแบ่งช่องเก๊ะเล็กๆ สำหรับเก็บถุงมือและของจุกจิก1960-1966 BMW R27 : …และ…นี่จึงเป็นที่มาของ R27 ซึ่งได้รับการ “แก้ไขข้อบกพร่อง” ของ R26 ในปี 1960 เครื่องยนต์ “ลูกยางแท่นเครื่อง” (Rubber Mount) ได้รับการติดตั้ง และได้ขยายกำลังแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 18 แรงม้า (13 Kw.) ซึ่งถือว่าแรงที่สุดสำหรับเครื่องยนต์แบบซิงเกิล เครื่องยนต์สั่น ทว่า ลูกยางซับ 4 จุด หยุดการสะท้านสะเทือน เข้าสู่เฟรม มันช่วยให้ตัวรถนิ่งขึ้นมาก นี่แหละความ “สุดยอด” ที่เติมเต็มความ “เป็นที่สุด” ให้ R27 ถือเป็นรถ “ขายดี” ด้วยยอดการผลิตถึง 15,364 คัน สำหรับไลน์ผลิตปี 1960-1966 ก็ถือว่าสร้างรายได้ให้ BMW อย่างเป็นกอบ…เป็นกำ…!?!?!

ซัพหลังก็เป็นระบบสวิงอาร์มขับเคลื่อนด้วยเพลา ที่ปรับมาซ่อนในปลอก พัฒนามาจากรุ่น R25 มาเป็นเพลทเปลือยๆ

เบาะยาวมันต้องมีตะแกรงพับทรงนี้ พาร์ทอัปเก๋า แบรนด์ของ Denfield คือชอยส์เดียว

ออปชันที่ต้องมี คือสูบลม ออปชันยามต้องเดินทางไกล ยึดติดเข้ากับเฟรม และสำหรับ R27 กรองอากาศยาว สามารถปรับเปลี่ยนไส้กรองอากาศได้ (R26 กรองสั้นและเปลี่ยนไส้กรองไม่ได้)

เพราะเป็นรถสูบเดียว ท่อเดี่ยว BMW ปรับท่อมาออกทางด้านซ้าย เพื่อให้บาล้านซ์น้ำหนัก เนื่องจากเพลทขับวางไว้ทางขวาของตัวรถแล้ว

STORY : NUIAJS
PHOTO : Kwang GPI.Photo Dep.