2018 Royal Enfield Classic 500 Pegasus Edition
Royal Enfield แบรนด์สองล้อคลาสสิค ที่มีช่วงเวลาแห่งความทรงจำดีๆ อยู่เสมอ ในฐานะ “ราชันแห่งสงคราม” อาชาฝ่ายสัมพันธมิตรที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ ที่เริ่มประจำการในกองทัพตั้งแต่ปี 1930 ด้วยจักรยานยนต์น้ำหนักเบาเครื่องนต์ขนาด 125 ซี.ซี. รวมถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 WW-II ในช่วงปี 1940 Royal Enfield ยังคงเป็นหนึ่งของสรรพวุธสนับสนุนของ “ฝ่ายพันธมิตร” ที่มีชัย ในฐานะยานยนต์อเนกประสงค์ที่ส่งลงสนามรบในนามของกระทรวงกลางโหม ประจำการใน “หน่วยม้าบิน” หรือที่เหล่าทหารกล้าให้ฉายามันว่า “Pegasus” (เพกาซัส)
Classic 500 Pegasus Edition ได้มีการปรับระบบเบรกและช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลกว่ารุ่นมาตรฐาน เพราะต้องการให้ใช้งานได้นุ่มนวลมากขึ้น แถมมีเสื้อแจ็คเก็ตเท่ห์ๆ ในแบบของหน่วยรบในอดีตให้ได้หล่อกันอีกด้วย โดย Pegasus Edition คาดว่าจะผลิตออกมาราว 1,000 คัน ในสนนราคาค่าตัวรวม 4,999 ปอนด์ (250,000 บาท/ ไม่รวมภาษี) โดยสั่งจองได้ทางออนไลน์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยยอดผลิตราว 190 คัน นั้นถูกออเดอร์ไปที่อังกฤษเรียบร้อยแล้ว
“Pegasus” ใช้พื้นฐานของรถรุ่น Classic 500 ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของ Pegasus Edition ภาพลักษณ์เก่าๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดมาพร้อมโลโก้ “ม้าบิน” สีน้ำเงิน (Blue) บนพื้นสีแดงเข้ม (Maroon) สัญลักษณ์ประจำของหน่วย “พลร่ม” พร้อมตัวเลขบนถังน้ำมัน แบบที่ใช้กันในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมแถบ “สีเหลือง” คาดเป็นเส้นที่กลางแคร้งค์ของเครื่องยนต์ ที่บ่งชี้ว่ารถคันนี้จะถูกส่งลงมาในสนามรบโดย…ร่ม!!! สีหลักที่ได้เลือกสรรค์สำหรับ Pegasus Edition นั้นมี 2 เฉดสีคือ น้ำตาล (Service Brown) และ เขียวทหาร (Olive Drab Green) ซึ่งถือเป็นสีที่ใช้จริงในสงคราม รวมถึงรถรุ่นนี้ใช้ปลอกมือสีน้ำตาล มีแผ่นหนังหมุดทองเหลือง เป็นเข็มขัดรัดกล่องกรองอากาศ ชิ้นส่วนต่างๆ ได้รับการพ่นเคลือบด้วยสีดำ (ลดแสงสะท้อน) อาทิ ท่อไอเสีย และคิ้วของโคมไฟหน้า ขอบล้อ คันสคตาร์ท และสำหรับ Pegasus Edition มีการเพิ่มอุปกรณ์กระเป๋าท้ายให้มา 2 ใบ รูปทรงแบบที่ใช้ในเหล่าทัพ วัสดุมาจากผ้าแคนวาสในแบบที่นิยมใช้กันทั่วไป และไม่ลืมปักเครื่องหมาย “ม้าบิน” สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิ
“เราสร้างรถจักรยานยนต์ที่เสมือนเป็นราชันของสงคราม และนี่คือฮีโร่ ที่พาเราผ่านช่วงที่เลวร้ายของสงครามมาได้ เราใช้เวลากว่า 18 เดือน ในการสร้างโปรเจกท์นี้ ก่อนที่จะทำออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งก็ทำให้เราได้ระลึกถึงเหล่าทหารกล้าที่สู้รบ และสามารถนำชัยชนะกลับมาให้พวกเรา นี่จะเหมือนการเฉลิมฉลองและให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าจะจำ” เป็นคำกล่าวของ Mark Well หัวหน้าฝ่ายออกแบบและเจ้าของโปรเจ็กท์
เรื่อง : สมโภชน์ นันทโรจน์
ขอบคุณข้อมูล : motorcycmagazine.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th