5 อันดับรถ B SUV น่าใช้ 2020
B-Segment SUV หรือเรียกสั้นๆว่า B SUV ตลาดเกิดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะด้วยบริษัทรถยนต์หลายค่ายหันมาให้ความสนใจกระโดดลงมาเป็นผู้เล่นในเซ็กเม้นท์นี้กันเกือบทุกค่าย จึงทำให้เราได้เห็นรถรุ่นใหม่เปิดตัวทำตลาดกันอย่างต่อเนื่อง ลักษณะของตัวรถเป็นรถอเนกประสงค์แบบตรวจการณ์ขนาดเล็ก หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าเอสยูวีขนาดเล็ก ซึ่งรถพวกนี้จะมีพื้นฐานมาจากรถยนต์ B Segment นั้นเอง
แรกเริ่มในประเทศไทยยังไม่คุ้นชินกับรถยนต์ประเภท B SUV ซักเท่าไหร่นักจนกระทั่งมีผู้กล้าอย่าง ฟอร์ด และนิสสัน กระโดดเข้ามาเปิดตัวเข้าทำตลาด SUV ขนาดเล็กนี้ก่อนเพื่อน คือ “ฟอร์ด อีโคสปอร์ต” และ “นิสสัน จู๊ค” ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 หรือเมื่อราว 4 ปีก่อน ซึ่งสามารถสร้างกระแสและยอดจำหน่ายได้ดีพอสมควร จึงทำให้อีกหลายค่ายรถยนต์สนใจและเข้ามาแบ่งมาร์เก็ตแชร์ในเซ็กเม้นท์นี้ด้วยอย่างฮอนด้า และมาสด้า ที่ปล่อย ฮอนด้า เอชอาร์-วี และมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2015 นอกจากนี้ยังมีพี่ใหญ่อย่างโตโยต้าที่ปล่อย“โตโยต้า ซี-เอชอาร์” และน้องใหม่อย่าง เอ็มจี เปิด“เอ็มจี แซดเอส” มาแย่งกินเค้กก้อนนี้ด้วย แล้วมันก็เป็นไปตลาดคาดหลังเปิดตัวทุกรุ่นต่างล้วนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายการขาย วันนี้เราจะมาดู 5 อันดับรถ B SUV ใหม่น่าใช้กันครับว่ามีรุ่นไหนแบรนด์อะไรน่าสนใจบ้าง
NEW MG ZS รุ่น X+ ราคา 799,000 บาท
โดดเด่นด้วยสไตล์ความเป็นสปอร์ตและรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และการออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี เพิ่มความสมาร์ทด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด–ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว ภายในอย่างพิถีพิถันด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทน และการใช้วัสดุ SOFT TOUCH ในการตกแต่ง โดดเด่นขึ้นอีกขั้นด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นและหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ (Digital Multi-Function Display) และหน้าจอ touch screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ซึ่งรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และยังคงสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่ Panoramic Sunroof เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด
NISSAN KICKS e-Power คาดราคา 900,000 บาท
Kicks e-Power โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่เปิดตัวในไทยเป็นแห่งแรกของโลก มีเส้นสายด้านหน้าถอดแบบมาจากรถในตระกูลนิสสันอย่าง Nissan Serena e-Power โฉมล่าสุดเวอร์ชันญี่ปุ่น ส่วนในด้านอื่นๆ รอบคันนั้นต้องรอดูกันอีกทีในวันเปิดตัว วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2020 นี้ ภายในห้องโดยสารอาจมีการปรับปรุงจากรุ่นปกติเครื่องสันดาป ด้วยการเพิ่มวัสดุตกแต่งตามจุดต่างๆ ให้มีความทันสมัยลงตัวเข้ากับความเป็นรถรักษ์โลกหัวใจลูกผสม ไฮไลต์เด็ดของครอสโอเวอร์คันนี้หนีไม่พ้น ขุมพลัง e-Power ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร รหัส HR12DE ให้กำลัง 79 แรงม้า (PS) ที่ 5,400 รอบต่อนาที แรงบิด 103 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 4,400 รอบต่อนาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าไปเก็บยังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุพอเหมาะ จากนั้นจึงป้อนพลังไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC synchronous motor รวมทั้งหมดนี้จะทำให้ Kicks e-Power มีพละกำลังขับเคลื่อนสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,008 – 10,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 254 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,008 รอบต่อนาที และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอาจอยู่ราว 20 กม.ต่อลิตรขึ้นไป นอกเหนือหัวใจหลักที่เรียกว่าเป็นเครื่องไฮบริดแต่ให้สมรรถนะแบบรถไฟฟ้า ยังมีบรรดาระบบเชฟตี้ที่จัดให้มาครบถ้วนตามสไตล์นิสสันยุคใหม่ ได้แก่ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ตรวจจับรถยนต์กับคนเดินถนนได้ และระบบความปลอดภัยพื้นฐานอื่นๆ ที่จัดว่าไม่น้อยหน้าคู่แข่งใดในกลุ่มเดียวกัน
TOYOTA C-HR by Karl Lagerfeld ราคา 1,219,000 บาท
Toyota C-HR by Karl Lagerfeld Limited Edition 2020 ใหม่ รุ่นพิเศษพร้อมชุดแต่งจากแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง เริ่มวางจำหน่ายแล้วในไทย เคาะราคา 1,219,000 บาท โตโยต้าประเทศไทยจับมือแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดัง Karl Lagerfeld จากประเทศฝรั่งเศส เปิดตัว Toyota C-HR by Karl Lagerfeld ใหม่ จับกลุ่มผู้ชื่นชอบแฟชั่นที่กำลังมองหารถครอสโอเวอร์ เน้นความเข้มขรึมด้วยตัวถังภายนอกสีขาว-ดำ โดยใช้พื้นฐานจากรุ่น HV Hi ดีไซน์ภายนอกของ Toyota C-HR by Karl Lagerfeld ประกอบด้วย หลังคาสีขาวมุกพร้อมราวหลังคาสีดำ, กระจกมองข้างสีขาวมุก, ไฟตัดหมอกหน้า LED, สเกิร์ตข้างสีขาวมุก, สเกิร์ตข้างสีขาวมุก, สปอยเลอร์กันชนหน้า-หลังสีขาวมุก ตกแต่งด้วยสีดำ, สติ๊กเกอร์ด้านข้างสีขาวมุกพร้อมสัญลักษณ์ Karl Lagerfeld, สัญลักษณ์ Karl Lagerfeld ท้ายรถ และล้ออัลลอยสีดำเงาขนาด 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยแผงคอนโซลสีขาวพร้อมสัญลักษณ์ Karl Lagerfeld, เบาะนั่งหุ้มหนังเกรดพรีเมียมสีทูโทนขาว-ดำ พร้อมสัญลักษณ์ Karl Lagerfeld และบันไดข้างดีไซน์พิเศษ ด้านขุมพลังถูกติดตั้ง เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่แบบนิกเกิลเมทัลไฮดราย ให้กำลังรวมสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อ Toyota C-HR by Karl Lagerfeld จะได้รับ C-HR by Karl Lagerfeld Limited Edition Set ประกอบด้วย กระเป๋าเดินทาง, กระเป๋าถือ, หมวก และพวงกุญแจ รวมมูลค่า 50,000 บาท
HONDA HR-V รุ่น RS 1,11,9000 บาท
มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัยทั้งภายนอกและภายใน ด้วยกันชนหน้า-หลัง และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED เบาะนั่งเสริมความสปอร์ตด้วยดีไซน์ใหม่ พร้อมยกระดับเทคโนโลยีเพื่อควารมปลอดภัยไปอีกระดับ เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายขณะเปลี่ยนเลน (Honda Lanewatch), ระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System) และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ทั้งยังแนะนำรุ่น RS ที่จะมาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตรอบคัน Honda New HR-V มาพร้อมเครื่องยนต์ ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า มาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้อัตราการประหยัดน้ำมันและตอบสนองทุกการขับขี่อย่างดีเยี่ยม รองรับพลังงานทางเลือก E85 ผสานกับเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียม เพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง
MAZDA CX-3 1.5 XDL ราคา 1,189,000 บาท
รูปลักษณ์ภายนอกปรับปรุงใหม่เติมเต็มเส้นสายด้วยชิ้นโครเมี่ยม ด้านหน้า กระจังหน้าดีไซน์ใหม่เส้นกระจังหน้าแนวนอนที่มีมิติมากขึ้น ชายกันชนหน้ารวมไปถึงรอบคัน ที่เพิ่มเติมชิ้นโครเมี่ยม (บริเวณใต้ไฟตัดหมอก) ให้รถยนต์ดูเต็มและมีลูกเล่นมากขึ้น บริเวณบันไดข้างรถยนต์ มีการขยายชายดำด้านให้ใหญ่มากยิ่งขึ้น เพิ่มเติมความบึกบึนและดุดัน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ทูโทนลวดลายใหม่ ส่วนด้านท้ายมีการเปลี่ยนแปลงชุดโคมไฟใหม่ให้เป็นดีไซน์เดียวกันกับรุ่นพี่อย่าง CX-5 ซึ่งเป็นไฟแบบ LED เพิ่มเติมซันรูฟมาให้ สำหรับภายในมีการปรับเปลี่ยนแผงคอนโซลใหม จากเดิมช่องแอร์กลางลากยาวตั้งแต่กลางคอนโซลจรดช่องแอร์ซ้าย แต่รุ่นใหม่เปลี่ยนให้ช่องแอร์สั้นลง พร้อมเปลี่ยนวัสดุหุ้มแดชบอร์ดเป็นแบบหนังพิเศษให้ผิวสัมผัสที่หรูหรามากขึ้นเพิ่มเติมมิติช่องแอร์ด้วยเส้นสีแดง บริเวณช่องแอร์กลมด้านข้าง ในส่วนแผงควบคุมระบบปรับอากาศ ยังเป็นแบบ Auto แต่ดีไซน์ให้มีลักษณะมือหมุนเพื่อความเป็นรถสปอร์ตเช่นเคย ทางด้านคอนโซลกลางมีการขยับชุดปุ่มควบคุม Center Commander ให้มาด้านหน้ามากขึ้น เพื่อให้ใช้งานง่ายกว่าเก่า เหตุที่สามารถขยับมาได้เพราะรุ่นใหม่ได้ปรับเบรกมือแบบปรกติเป็นปุ่มกดแบบไฟฟ้าแทน ทำให้มีพื้นที่เหลือมากกว่าเก่า มาพร้อมการติดตั้งที่พักแขนกลางมาเรียบร้อยพร้อมบุด้วยหนัง เบาะนั่งหนังมีการดีไซน์ใหม่ เบาะคู่หน้าแม้จะเป็นตัวท็อป แต่ก็ยังไม่มีระบบไฟฟ้ามาให้ การดีไซน์ใหม่นั่งสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเบาะหลังดีไซน์ใหม่ มีความโปร่งและสบายมากขึ้น เครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลัง 105 แรงม้า พร้อมแรงบิด 270 นิวตันเมตร พร้อมส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th