5 เคล็ดลับ ขับรถเที่ยวหน้าฝนอย่างไร ให้ปลอดภัย!
ฤดูฝนนี้ จะออกไปขับรถท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติอย่างไร ให้สนุก ปลอดภัยไร้กังวล เรามาดู 5 เคล็ดลับง่ายๆ ที่เตรียมตัวไว้ก่อนออกเดินทาง คุณจะได้เอ็นจอยไปกับทริปอย่างเต็มที่
เข้าฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว เห็นได้จากท้องฟ้าสีครึ้มทุกเย็นย่ำ ทำให้หลายคนนึกถึงกลิ่นไอดิน กลิ่นฝนท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวชอุ่ม แต่อาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับการเดินทาง โดยเฉพาะการขับรถท่องเที่ยวในวันหยุด ที่อาจต้องพบเจอกับสภาพแวดล้อมที่คาดไม่ถึง ทัศนวิสัยการมองเห็นขณะขับขี่ และความสามารถในการควบคุมรถยนต์ด้วย รวมถึงพฤติกรรมของผู้ขับขึ่เช่น การขับรถเร็วเบนถนนเปียก การจอดรถใกล้รถคันข้างหน้ามากเกินไปจนไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะหยุดรถในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เอง ฟอร์ด ประเทศไทย จึงได้เตรียมข้อแนะนำดีๆ เพื่อช่วยให้การท่องเที่ยวช่วงหน้าฝนปลอดภัยขึ้น
- เตรียมรถให้พร้อม
ผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจเช็ค ดูแลรถยนต์ และเข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ โดยควรให้ความสนใจสิ่งเหล่านี้เป็นพิเศษ
- ใบปัดน้ำฝน เพื่อปัดน้ำฝนไม่ให้บดบังวิสัยทัศน์ซึ่งปกติมีระยะเวลาใช้งานประมาณ 1 ปี
- เช็คน้ำฉีดกระจก เตรียมไว้ในกรณีที่มีดินหรือโคลนกระเด็นใส่กระจกหน้าด้วยเหตุนี้เอง จึงควรเช็คปริมาณน้ำฉีดกระจกและเติมน้ำสะอาดในถังน้ำฉีดกระจกให้ถึงขีดที่กำหนดทุกเดือน
- ตรวจไฟหน้า-หลังรถ ช่วยให้มองเห็นข้างหน้าได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นและให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณ
- เช็คสภาพยาง เพื่อให้ล้อรถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ควรเปลี่ยนยางรถทุก 4-5 ปี เนื่องจากโดยทั่วไปอายุของยางมักจะไม่เกิน 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลิต หรือควรเปลี่ยนยางเมื่อสภาพไม่อำนวยต่อการขับขี่อย่างปลอดภัย เช่น โครงสร้างของยางชำรุด ความลึกของดอกยางต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร เป็นต้น
- วิธีขับรถไม่ให้ไถล
เนื่องจากฝนตกทำให้ถนนเปียกและลื่น รวมถึงการยึดจับของยางกับถนนจะลดลงเมื่อขับเร็วขึ้น ดังนั้น การขับรถเร็วเกินความเหมาะสมในขณะที่ถนนเปียกจะส่งผลให้รถเสียหลักและไถลลื่นได้
โดยควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งไม่ควรขับเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการเหินน้ำของรถ ป้องกันการลื่นไถลและเพื่อที่ผู้ขับจะสามารถควบคุมรถได้
- รับมือกับฝนตกหนักจนมองไม่เห็นถนน
หากฝนตกในช่วง 10 นาทีแรก ควรเริ่มลดความเร็ว หากฝนตกหนักเกินกว่าที่ผู้ขับขี่จะสามารถมองเห็นถนนและข้างทางและไม่สามารถขับรถต่อได้อย่างปลอดภัยได้ ผู้ขับขี่ควรหาจุดจอดรถที่ปลอดภัย และโทรแจ้งสถานการณ์ต่อคนใกล้ชิดหรือคนรู้จัก
- ห้ามเบรกกะทันหัน
ถนนลื่นเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อฝนตก การเบรกกะทันหันบนถนนเปียกอาจส่งผลให้เบรกไม่อยู่ เสียการควบคุมรถ จนเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ผู้ขับขี่จึงควรทิ้งระยะห่างจากรถคันข้างหน้ามากกว่าปกติ หรือราว 2 เท่าของระยะทิ้งห่างเมื่อขับรถในสภาพอากาศปกติ เพื่อให้สามารถหยุดรถได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องเบรกอย่างกระทันหัน และหลีกเลี่ยงการชนคนเดินถนนหรือรถคันอื่นบนท้องถนน
- ขับรถลุยน้ำยังไงไม่ให้รถดับ
เมื่อพบว่าถนนที่ขับไปมีน้ำท่วมขังหรือแอ่งน้ำ ให้สังเกตระดับความลึกของน้ำจากฟุตบาทและสภาพแวดล้อมข้างทาง หรือจากรถคันข้างหน้า เพื่อประเมินความลึกและสถานการณ์ ซึ่งถ้าระดับน้ำไม่สูงมาก คุณสามารถขับผ่านไปได้โดยในเบื้องต้นควรปิดแอร์ และใช้เกียร์ต่ำ แต่ถ้าระดับน้ำสูงเกินและฝืนขับลุยต่อไปก็อาจส่งผลให้น้ำเข้าเครื่องยนต์และเกิดความเสียหายต่อรถได้
นอกจากการขับรถอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษแล้ว การเลือกขับรถที่มีฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยก็สามารถช่วยให้การขับขี่ในสายฝนปลอดภัยยิ่งขึ้นได้ เช่น ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่มาพร้อมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program หรือ ESP) ที่สามารถปรับเบรกและกำลังของเครื่องยนต์ ช่วยรักษาสมดุลของรถในกรณีฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการลื่นไถลออกข้างทาง พร้อมเสริมความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดิน Autonomous Emergency Braking System with Pedestrian Detection ซึ่งสามารถช่วยตรวจจับคนเดินถนนและยานพาหนะด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างเรดาร์และกล้องหน้า โดยระบบเบรกอัตโนมัติจะทำงานทันทีเมื่อประเมินว่าอาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้น ช่วยลดและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและความรุนแรงของอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังสามารถลุยน้ำได้ที่ความลึกสูงถึง 800 มิลลิเมตร โดยห้องเครื่องถูกออกแบบให้สามารถรับมือกับการลุยน้ำลึกได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถลุยผ่านพื้นที่น้ำท่วมได้ในยามจำเป็น
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ภาพ : FORD
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th