5 จุดต้องเช็ค ถ้าไม่อยากโอเวอร์ฮีต กลางแดด
เดือนเมษายน ถือเป็นสัญญาณของการก้าวเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว อุณหภูมิที่สูงขึ้นจากปกติ ทำให้ผู้ขับขี่ทั้งหลายต้องเตรียมตัว และตรวจสอบสภาพรถยนต์ของตัวเองให้พร้อมใช้งาน เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าต้องมายืนเหงื่อแตกอยู่ข้างรถท่ามกลางแสงแดดที่เจิดจ้า
ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนหรือช่วงเวลาไหนก็ตาม ผู้ใช้รถควรจะให้ความสนใจในการดูแลรักษารถยนต์ของตัวเองอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอเพื่อความอุ่นใจในการเดินทาง และยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนและระบบภายในรถยนต์
อย่างไรก็ตาม สำหรับหน้าร้อน ซึ่งในเมืองไทย มีอุณหภูมิของอากาศที่ค่อนข้างสูง และยิ่งสูงมากขึ้นสำหรับอุณหภูมิที่เกิดขึ้นภายในห้องเครื่องยนต์เวลารถยนต์จอดติดอยู่กับที่ท่ามกลางจราจรบนท้องถนน ทำให้ระบบและชิ้นส่วนของรถยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น ดังนั้น จุดใหญ่ๆ ที่ผู้ขับจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษสำหรับในช่วงฤดูร้อน จึงนีไม่พ้นเรื่องระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์
แน่นอนว่าเพราะอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นมากกว่าฤดูอื่น หากระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว ย่อมมีความเสี่ยงทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสะสมจนสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อจอดติดอยู่กับที่
สำหรับจุดที่ควรตรวจสอบของระบบระบายความร้อนก็เริ่มจากจุดที่สามารถตรวจหรือมองเห็นด้วยตาเปล่า ก็มีด้วยกันตามนี้ คือ
1.ฝาหม้อน้ำ ซึ่งจะเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิและแรงดันของน้ำภายในหม้อน้ำให้คงที่ ซึ่งถ้าฝาหม้อน้ำชำรุดหรือเสียจะทำให้เกิดปัญหาความร้อนได้ เพราะไม่สามารถควบคุมแรงดันของน้ำในหม้อน้ำ ทำให้อุณหภูมิของน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนนำไปสู่ความร้อนขึ้นสูงในที่สุด วิธีตรวจสอบสภาพของฝาหม้อน้ำคือ สภาพโดยรวมไม่ควรเป็นสนิม สปริงที่ประกอบอยู่ในตัวฝาสามารถยุบตัวและคืนตัวได้ และขอบยางไม่มีการแตกหรือขาด
2.สภาพของหม้อน้ำไม่มีการรั่วซึม หรือมีสิ่งสกปรกเกาะอยู่ตามครีบของแผงรังผึ้งด้านหน้าของหม้อน้ำซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของน้ำในระบบลดลง โดยอาจจะใช้น้ำแรงๆ ฉีดชำระคราบโคลนหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ด้านหน้าให้หลุดออกไป
3.พัดลมระบายความร้อนทำงานได้ตามปกติ สภาพของพัดลมไม่มีการหักทั้งในส่วนของใบหรือโกร่ง และเมื่อทำงานความเร็วรอบในการหมุนของพัดลมต้องคงที่และสม่ำเสมอ หากเบาลงก็ควรซ่อมหรือเปลี่ยน เพราะอาจจะทำให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพลดลง
4.ท่อยางในระบบสามารถตรวจด้วยผ่านทางสายตา โดยดูจากสภาพโดยรวมว่าไม่มีรอยแตกลายงา เพราะเมื่อเครื่องยนต์ทำงานแรงดันที่เกิดขึ้นในระบบอาจทำให้รอยแตกลายงากลายเป็นการฉีกขาดหรือรั่วได้ และตรวจสอบความยืดหยุ่นของเนื้อยางด้วยการใช้มือบีบเบา ซึ่งท่อยางที่อยู่ในสภาพดีควรจะมีการคืนตัวอย่างรวดเร็ว
5.สายพานที่พาดผ่านปั๊มน้ำควรอยู่ในสภาพที่ตึง และไม่มีรอยแตกลายงาเช่นกัน
สำหรับในส่วนที่ตาไม่สามารถมองเห็นได้ก็มีทั้งสภาพของปั๊มน้ำ วาล์วน้ำ ซึ่งตรงจุดนี้ควรมีการตรวจสอบเป็นประจำทุกปีตามที่ผู้ผลิตกำหนดเอาไว้ และเปลี่ยนเมื่อครบระยะของการใช้งานตามคู่มือ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน
วิธีปฏิบัติก่อนที่จะหน้าร้อนจะมาถึง ก็เริ่มจากการตรวจสอบชิ้นส่วนและระบบที่กล่าวมาข้างต้น การตรวจสอบว่าตัวระบบมีการรั่วซึมจนทำให้น้ำในหม้อน้ำหายไปหรือเปล่า ถ้าไม่มีก่อนหน้าร้อนมาถึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำ ล้างหม้อน้ำ และการเติมสารหล่อเย็นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับหม้อน้ำ และเป็นการป้องกันคราบสนิมที่เกิดขึ้นภายใน
เพราะสนิมเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระบบระบายความร้อนลดลง เพราะคราบสนิมอาจจะไปอุดตันอยู่ตามรูหรือชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบ เช่นเดียวกับการที่สนิมเป็นสื่อนำในการเกิดความร้อนได้ดีกว่าน้ำในหม้อน้ำที่ไม่มีสนิม
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th