6 กระบะไฟฟ้า น่าใช้ โดนใจสายออฟโรด
ในที่สุดเราก็กำลังมาถึงยุคที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป หรือรถที่ต้องเติมน้ำมันกำลังจะหมดไป และถูกทดแทนด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยค่ายรถยนต์หลายค่ายเลิกพัฒนารถน้ำมัน หันมาเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และปล่อยรถยนต์ไฟฟ้าสู่ท้องตลาดกันไม่ขาดสายโดยเฉพาะรถรูปทรงซีดาน และSUV แต่ครั้งนี้เราไม่ได้มาพูดถึงซีดานกับ SUV แต่เราจะเอาใจชาวออฟโรดด้วยการรวมรถกระบะพลังงานไฟฟ้า สายลุยให้ทุกคนรู้จักกัน เพื่อมีโอกาศเข้ามาขายไทยบ้าง
POER EV
POER EV กระบะขุมพลังไฟฟ้า 204 แรงม้า จาก Great Wall Motors ภายนอกของ เน้นความบึกบึนแต่แฝงไปด้วยความหรูหรา ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมช่องชาร์จไฟบริเวณกระจังหน้า ซุ้มล้อตกแต่งด้วยสีเทาตัดกับสีขาวของตัวถัง ติดตั้งไฟท้ายแบบ LED พร้อมประตูท้ายแบบมีบันไดพับเก็บได้ในตัว
ระบบพลังงาน ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 375 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งอย่างหรูหราราวกับเอสยูวี มาพร้อมระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, เซ็นเซอร์ด้านข้าง และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
Ford F-150 Lightning
Ford F-150 Lightning เป็นกระบะขนาดฟูลไซส์ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ใช้โครงสร้างเดียวกับ F-150 รุ่นปกติ ถูกติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 563 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ได้ในเวลาราว 4 วินาทีกลางๆ เมื่อติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Extended-range ซึ่งฟอร์ดระบุว่าสมรรถนะของรุ่น F-150 Lightning เหนือกว่าตัวโหดอย่าง F-150 Raptor เสียอีก
มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ปรับเปลี่ยนได้ 4 โหมด ได้แก่ Normal, Sport, Off Road และ Tow/Haul ขณะที่ชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าถูกปกป้องจากการลุยน้ำหรือการกระแทกขณะขับขี่แบบออฟโรดได้เป็นอย่างดี แบตเตอรี่ของ Ford F-150 Lightning มีให้เลือกทั้งหมด 2 ขนาด ทั้งแบบ Standard-range ที่สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 370 กิโลเมตร และแบบ Extended Range ที่เพิ่มระยะขับขี่ขึ้นเป็น 483 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 100%
Alpha Wolf
Alpha Wolf กระบะขุมพลังไฟฟ้าดีไซน์ย้อนยุคสุดเฉียบ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มเดียวกับรถอเนกประสงค์ JAX CUV โดยมีดีไซน์ใกล้เคียงกับรถรุ่นอื่นๆของค่าย กระบะไฟฟ้า Alpha Wolf คันนี้มีให้เลือกเฉพาะตัวถังแบบหัวเดี่ยว Single Cab รองรับได้ 2 ที่นั่ง เท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระบริเวณฝากระโปรงหน้าเพิ่มเติมได้อีกเนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์นั่นเอง มีการติดตั้งเหล็กกันชนหน้าพร้อมชุดไฟส่องสว่าง โรลบาร์กระบะท้ายพร้อมไฟส่องทาง บันไดข้างทรงกลม และพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าที่คุ้นเคยเป็นพื้นที่ว่างบรรทุกสัมภาระ มีจุดชาร์จที่แก้มซ้ายด้านหน้า กระบะท้ายหลังออกแบบให้รองรับแผงโซล่าเซลล์
สามารถเลือกได้ทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว Single Motor FWD และมอเตอร์คู่ Dual Motor AWD ซึ่งยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดขุมพลังของทั้งสองรุ่น แต่ระบุว่าสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ในเวลาราว 6.2 วินาที และติดตั้งแบตเตอรี่ที่สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 250 – 275 ไมล์ หรือประมาณ 402 – 442 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ะครั้ง
GMC Hummer EV
GMC Hummer EV หลังจากหายจากตลาดรถยนต์ไปนาน GMC Hummer กลับมาอีกครั้งเลิกคบน้ำมัน เพราะรอบนี้กลับมาด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่มีพลังงานเหลือล้น มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ตัว กำลังสูงสุดโดยประมาณ 1,000 แรงม้า แรงบิดสูงสุดโดยประมาณ 11,500 นิวตัวเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ e4WD ดีไซน์ภายนอกเหลี่ยมจัด ที่ดูถึกและบึกบึนเอาไว้ แฝงด้วยความล้ำสมัยอย่างกระจังหน้าเปล่งแสงได้ทั้งชิ้น ส่วนไฟท้ายยังคงเป็นแนวตั้ง พร้อมระบุชื่อรุ่นภายในโคมไฟ ตัวถังเป็นแบบสี่ประตู ตัดสีตัวถังด้วยสีดำบนหลังคาและชายล่างตัวถัง ล้อมีขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง Goodyear Wrangler Territory MT ขนาด 35 นิ้ว
ขุมพลังของ GMC HUMMER EV เป็นขุมพลังไฟฟ้า ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ตัว พร้อมแบตเตอรี่ Ultium จำนวน 24 โมดูล กำลังสูงสุดโดยประมาณ 1,000 แรงม้า แรงบิดสูงสุดโดยประมาณ 15,592 นิวตัวเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ e4WD เสริมด้วยระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อ CrabWalk หนึ่งเดียวในระดับที่บังคับเลี้ยวล้อหลังด้วยองศาเดียวกับล้อหน้า ในขณะที่ใช้ความเร็วต่ำ อัตราเร่ง 0 – 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถทำได้โดยประมาณใน 3 วินาที เมื่อใช้ระบบ Watts to Freedom (น่าจะเป็น Launch Control) ระยะทางขับขี่สูงสุดทำได้ไม่น้อยกว่า 560 กิโลเมตร การชาร์จไฟรองรับแบบ DC ขนาด 800 โวลต์ 350 กิโลวัตต์ หรือ อัดไฟเข้าแบตเตอรี่เป็นเวลา 10 นาที เพื่อขับขี่ไปได้อีกราว 160 กิโลเมตร
Rivian R1T
กระบะสายพันธุ์ใหม่จากสหรัฐฯ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่ไม่ใช่จากค่าย Tesla เพราะนี่คือ Rivian R1T ซึ่งถือเป็นคันแรกของโลก ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านการใช้สอยเช่นกระบะทั่วไป แต่ยังมอบสมรรถนะระดับ Supercar ยังมองค้อนกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว มอบอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3 วินาที Rivian R1T มากับเอกลักษณ์ไฟหน้าพร้อม DRL และไฟท้ายคาดยาวตลอดแนว โดยไฟหน้าส่วนที่อยู่กึ่งกลางยังสามารถใช้แสดงสถานะการชาร์จไฟได้ด้วย เส้นสายตัวถังบึกบึน ดูพร้อมลุยด้วยโป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่ ทั้งยังยกสูงด้วย Ground Clearance ระดับ 200 มิลลิเมตร พื้นที่บรรทุกสัมภาระในฝากระโปรงหน้าที่เปิดปิดด้วยไฟฟ้า ความจุ 330 ลิตร มากพอที่จะใส่ถุงกอล์ฟได้ บริเวณซุ้มล้อด้านหลังฝั่งที่ชิดกับตัวถัง เจาะช่องทะลุถึงกันใช้เก็บของได้อีก ความจุ 350 ลิตร ส่วนท้ายกระบะมีช่องเก็บยางอะไหล่ ขนาด 200 ลิตร และช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าขนาด 110 โวลต์
Rivian R1T ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าพร้อมมอเตอร์ 4 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ และมีแบตเตอรี่ 3 ขนาด ให้เลือก โดยสมรรถนะในแต่ละรุ่น มีดังต่อไปนี้
- แบตเตอรี่ ขนาด 105 kWh กำลังสูงสุด 407 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 9 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดินทางได้สูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เป็นระยะทางราว 230 กิโลเมตร
- แบตเตอรี่ ขนาด 135 kWh กำลังสูงสุด 764 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 1,120 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดินทางได้สูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เป็นระยะทางราว 480 กิโลเมตร
- แบตเตอรี่ ขนาด 180 kWh กำลังสูงสุด 710 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 1,120 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 0 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เดินทางได้สูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เป็นระยะทางราว 640 กิโลเมตร
Nikola Badge
Nikola Badge จะขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ล้อ โครงสร้างตัวถังแข็งแกร่ง ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งอย่างทันสมัย มีเครื่องปรับอากาศทั่วถึง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการพัฒนาวงการรถปิกอัพให้ก้าวไปข้างหน้า” เขาเผยสั้นๆ ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า Nikola Badger จะเป็นรถระบบไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่เป็นตัวขับเคลื่อนจะสามารถวิ่งได้ระยะทาง 483 กิโลเมตร บวกกับ ระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน จะได้ระยะทางอีก 483 กิโลเมตร ทำให้รวมแล้วมันสามารถวิ่งทำระยะได้มากเกือบ 1,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว และสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียงแค่ 2.9 วินาที
อย่างไรก็ตามมีข่าวเพิ่มเติมมาว่าทางค่ายอาจตัดสินใจผลิตรถ Nikola Badger ในระบบไฟฟ้าล้วนออกจำหน่ายด้วยเช่นกัน เนื่องจากจะทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลง และสามารถรับน้ำหนักบรรทุกของได้มากขึ้นกว่ารุ่นที่มีสองระบบทั้งไฟฟ้า และเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน รายละเอียดเกี่ยวกับ Nikola Badger รถกระบะพลังงานไฟฟ้าจะมีการเปิดเผยแบบเต็มๆ ในงาน Nikola World 2020 ในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ อดใจรอกันอีกนิด
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th