กระแสรถกระบะในบ้านเรายั่งคงฮิตติดเทรน นอกจากนิยมซื้อไปใช้งานบรรทุกของ แต่งยกสูงบุกตะลุยป่าแนวออฟโรดแล้ว ในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นหรือกลุ่มที่ชอบแต่งแนวโหลดเตี้ยโมดิฟายเครื่องก็หันมานิยมรถกระบะกันมากขึ้น วันนี้เรามีกระบะตัวเตี้ยหน้าหล่อมาให้ชมกัน มาดูกันกว่าหน้าตาแบบไหนจะแต่งแล้วมีอนาคตกว่ากัน

1. TOYOTA HILUX REVO Z EDITION

ต้องบอกเลยว่ากระบะของโตโยต้า เมื่อนำไปแต่งแบบโหลดเตี้ยสายซิ่งมันโดนใจวัยรุ่นวันมันส์ไม่น้อยกับToyota Hilux Revo Z Edition

Toyota Revo Z Edition 2021 ใหม่ กระบะตัวเตี้ยที่มีการปรับดีไซน์ด้านหน้าถอดแบบมาจากรุ่น Prerunner และ 4×4 โดยสามารถเลือกได้ทั้งรุ่นตอนครึ่ง Smart Cab และรุ่น 4 ประตู Double Cab อีกทั้งยังสามารถเลือกเกียร์อัตโนมัติได้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น (Entry) ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวสวยงามรับกับกันชนหน้า และกระจังหน้า ดีไซน์ใหม่ได้อย่างลงตัว เสริมโป่งล้อหน้า – หลัง เหมือนตัว Prerunner ยกสูง กระบะท้ายเหมือนตัว Prerunner ยกสูงเช่นกัน

ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งหน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อ T-Connect, พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง, เบาะนั่งปรับพับแยกแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่วางของ (เฉพาะรุ่น Double Cab), กุญแจแบบพับเก็บได้ และปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ Eco/Power เป็นต้น ขณะที่ระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยหัวเข่าฝั่งผู้ขับขี่, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD และเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ทุกตำแหน่ง

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกตกแต่งด้วยชุดแต่ง Razer Package ที่ปรากฏในภาพได้ ซึ่งประกอบด้วย สเกิร์ตกันชนหน้า, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตกันชนท้าย และสติ๊กเกอร์ตกแต่งฝากระโปรงหน้า/ฝาท้ายกระบะ/ด้านข้างตัวรถ

เครื่องยนต์

ดีเซล 2.4 ลิตร (6MT ตัวเตี้ย) ดีเซล รหัส 2GD-FTV ขนาด 2.4 ลิตร 2,393 ซีซี. VN-Turbo กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ / เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

ดีเซล 2.4 ลิตร (6AT ตัวเตี้ย) เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 2GD-FTV ขนาด 2.4 ลิตร 2,393 ซีซี. VN-Turbo กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะราคาจำหน่าย Toyota Hilux Revo Z Edition

รุ่น Smart Cab Z Edition

• 4 Entry ราคา 619,000 บาท
• 4 Entry AT ราคา 669,000 บาท
• 4 Mid ราคา 693,000 บาท
• 4 Mid AT ราคา 743,000 บาท

รุ่น Double Cab Z Edition

• 4 Entry ราคา 699,000 บาท
• 4 Entry AT ราคา 739,000 บาท
• 4 Mid ราคา 763,000 บาท
• 4 Mid AT ราคา 803,000 บาท

2. MITSUBISHI TRITON MEGA CAB

Mitsubishi Triton ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นตัวเตี้ยหน้าใหม่ ขับเคลื่อนสองล้อ โดยมี 3 รุ่นได้แก่ ซิงเกิลแค็บ, เมกะแค็บ และ ดับเบิลแค็บ ซึ่งจะมีการแยกไปอีก 4 รุ่นย่อย และอีก 1 รุ่นย่อยใหม่นั่นก็คือ ซิงเกิลแค็ป 4WD 2.4 GL 6AT เกียร์อัตโนมัติ ออกทำตลาดร่วมกับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะซึ่งมีจำหน่ายในปัจจุบันอยู่แล้ว

การดีไซน์ก็ยังมีความเป็นเอกลักษณ์ Advanced ‘Dynamic Shield’ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งยังมีเส้นสายสุดดุดันของฝากระโปรงหน้า และไฟหน้าดีไซน์ใหม่กับการติดตั้งบนตำแหน่งที่สูงขึ้น บอกเลยว่าทั้งสง่างามและทรงพลัง ภายในห้องโดยสารติดตั้งเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วรุ่นใหม่ รองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto

Mitsubishi Trion 2019 ตัวเตี้ย หน้าใหม่ ทั้งหมดจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.5 ลิตร รหัส 4D56 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบ Intercooler กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 3,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง

Mega Cab แค็ปเปิดได้

• GL 5MT (128ps) 602,000 บาท
• GLX 5MT (128ps) 632,000 บาท

Double Cab 4 ประตู

• GLX 5MT (128ps) 682,000 บาท

3. ISUZU NEW X-SERIES

ด้านอีซูซุก็ไม่ยอมน้อยหน้าใครจัดชุดใหญ่ให้แฟนๆขาซิ่ง โดยปล่อยรุ่น New Isuzu X Series 2020 รุ่น speed ที่มีทั้ง spacecab และcab4 มาให้ลูกค้าได้เลือกเพื่อที่จะตอบโจยท์การใช้งานของแต่ละคน ภายนอกโดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ผู้ชื่นชอบความเร้าใจ หลงใหลชีวิตที่มีสีสัน และต้องการสะท้อนตัวตนสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ด้วยการขับขี่ Isuzu X-Series รุ่น Speed เพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณเรซซิ่งให้แรงถึงขีดสุด…สู่อีกระดับของขุมพลังสปอร์ตที่ไร้ขีดจำกัด

ชุดแต่งดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมกระจังหน้า ชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน และสติกเกอร์คาดหน้า-หลัง พร้อมสัญลักษณ์ X ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเร้าใจ ทรงพลังทุกเส้นสาย ดึงดุดทุกสายตาด้วยเส้น Red Line สีแดงสุดสปอร์ต  ดีไซน์ต่อเนื่องรับกับไฟหน้าและเส้นสปีดสีแดงยาวรอบคัน สปอร์ตเท่ทุกมุมมอง พร้อมสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง ไฟหน้าแบบ Bi-LED เทคโนโลยีสุดล้ำใหม่ ให้พื้นที่ความสว่างมากขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง สามารถปรับความสูงต่ำได้ 4 ระดับ พร้อม Multifunctional Daylight แบบ Built-in ดีไซน์ใหม่ สปอร์ตลงตัว เป็นทั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟหรี่เวลากลางคืน เสาข้างประตูสีดํา Blackout Film เสริมมาดเข้มสไตล์สปอร์ต ในรุ่น Speed Cab4 ล้ออัลลอยดีไซน์ล่าสุดสีเทาดำ ขนาด 16 นิ้ว เท่ ดูดีสไตล์สปอร์ต เบาะนั่งสีดำแดง โอบกระชับ ดีไซน์สปอร์ต ลวดลาย Honeycomb เท่ เต็มอารมณ์ พร้อมสัญลักษณ์ X ที่เบาะคู่หน้า

ดีไซน์ห้องโดยสารใหม่ ด้วยชุดตกแต่งสีดำ Piano Black Style และผิวสัมผัส Soft Touch เดินด้ายสีแดงสุดสปอร์ต ลงตัวกับชุดโครเมี่ยมประดับช่องแอร์และที่เปิดประตูด้านใน พร้อมสัญลักษณ์ X-SERIES บนแถบสีแดงสุดเท่ที่คอนโซลหน้า และชุดตกแต่งแผงข้างประตูสีแดงลวดลาย Honeycomb สุดสปอร์ต ชัดเจนด้วยหน้าปัด Super Vision ดีไซน์แบบ 3D Shape Point พร้อมหน้าจอ Color Display MID เทคโนโลยีล่าสุด และฟังก์ชั่นครบครัน พวงมาลัย Multifunction ดีไซน์หุ้มหนังเดินด้ายแดง พร้อมสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง ควบคุมเครื่องเสียงและสั่งการจากบนพวงมาลัย ช่อง USB ชาร์จไฟ 2 จุด หน้า-หลัง ในรุ่น Speed Cab4 และ 1 จุดในรุ่น Speed ระบบ Bluetooth เชื่อมต่อระบบโทรศัพท์ พร้อมฟังก์ชั่น Bluetooth Audio กระหึ่มไปกับ ISUZU SURROUND SOUND SYSTEM ให้มิติเสียงสมจริงกระหึ่มรอบทิศทาง สูงสุดถึง 6 ลําโพง เติมมิติเสียงให้เต็มอารมณ์สปอร์ตยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์ ดีเซล 1.9 VGS Turbo

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร 1,898 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบครีบ VGS และ Intercooler กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

ราคา Isuzu D-max X-SERIES SPEED

2 ประตู : Spacecab

• 9 L DA 6MT 723,000 บาท

4 ประตู : Cab4

• 9 L DA 6MT 814,000 บาท

4. ALL NEW MAZDA BT-50

ALL NEW MAZDA BT-50 เผยโฉมอย่างเป็นทางการในไทยก่อนเปิดตัวช่วงต้นปีนี้ โดย ALL NEW MAZDA BT-50 มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร

รูปลักษณ์ภายนอก ALL NEW MAZDA BT-50 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดการออกแบบ KODO Design เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งมาสด้า เน้นรองรับการใข้งานได้ทุกโอกาสเส้นสายตลอดแนวตัวถังที่ให้ความโค้งมนควบคู่กับความแข็งแรง และไฟท้ายที่ออกแบบให้กลมกลืนกับไฟหน้า มองผ่านๆเหมือนอีซูซุดีแม็กซ์เหมือนกันนะนี่ ก็ไม่แปลกเพราะ ALL NEW MAZDA BT-50 คันนี้มาสด้าจับมือกับอีซูซุโดยมาสด้าใช้โครงสร้างตัวถัง ระบบช่วงล่า และเครื่องยนต์ ของอีซูซุดีแม็กซ์ ส่วนการดีไซน์มาสด้าดีไซน์เอง

มิติตัวถัง ALL NEW MAZDA BT-50 ยาว  5,280 มิลลิเมตร กว้าง  1,870 มิลลิเมตร สูง  1,790 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ wheelbase  3,125 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม พบว่า All NEW BT-50 สั้นลง 85 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 20 มิลลิเมตร เตี้ยลง 31 มิลลิเมตร และ ระยะฐานล้อ สั้นลง 95 มิลลิเมตร

การออกแบบภายในมัการออกแบบแผงหน้าปัดและองค์ประกอบต่างๆ ในแนวนอน ทำให้ได้ภายในที่กว้างขวาง ห้องโดยสารสีทูโทน น้ำตาล – ดำ ตัดกับอุปกรณ์ตกแต่งสีดำเงา Piano Black มาตรวัดเรืองแสง Optitron ตัวอักษรขาว พื้นหลังดำ ตกแต่งด้วยขอบสีเงิน หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี TFT 3 มิติ ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก) หัวเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา หน้าจอแสดงผลระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ช่องชาร์จไฟ USB ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง เช่น ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) รวมถึงเซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง Parking Aid เป็นต้นขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ เช่น ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-launch Assist, ระบบแจ้งเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า และดิสก์เบรกหน้าขนาด 15 นิ้ว และ 17 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย พร้อมระบบเบรกหลังแบบดรัมเบรกทั้งหมด

เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ซึ่งยกมาจาก ALL NEW ISUZU D-MAX

ดีเซล 1.9 VGS Turbo รหัส RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร 1,898 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบครีบ VGS และ Intercooler กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

ดีเซล 3.0 VGS Turbo รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที

จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มีให้เลือกทั้งระบบเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนราคาต้องรอลุ้นตอนเปิดตัวอย่างเป็นางกรอีกทีครับ

5. NEW FORD RANGER XL STREET

Ford Ranger Open Cab รุ่น XL มาตกแต่งใหม่มาในชื่อ Ford Ranger XL Street ต้องบอกเลยว่าหน้าตาของกระบะยี่ห้อนี้เค้าหล่อมากอยู่แล้ว ยิ่งได้กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูตกแต่งตะแกรงสีดำโดยตะแกรงซ้าย-ขวาตกแต่งด้วยขลิบสีแดง พร้อมไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์คมเข้มรับกับกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ ล้ออัลลอยลายเข้มสีดำขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/70 R16 และสติ๊กเกอร์สีขาวขลิบแดงคาดตั้งแต่ฝากระโปรงหน้า หลังคา และฝากระบะท้าย ยิ่งทำให้เจ้า Ford Ranger XL Street คันนี้ดูดีดูหล่อและซิ่งกันเข้าไปใหญ่

ภายในความสะดวกสบายให้ครบครันมีระบบ Infotainment หน้าจอสี Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเมนูและสั่งงานด้วยภาษาไทยสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมลำโพง 6 จุด พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (EPAS) ปรับให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาเมื่อขับความเร็วต่ำและปรับเน้นความแม่นยำเมื่อขับที่ความเร็วสูง มาตรวัดพร้อมแสดงข้อมูลหน้าปัดดิจิตอล Dot-Matrix 2.3 นิ้ว

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ TDCI 2.2 ลิตร (รหัส P4AT) High Power 160 แรงม้าที่ 3,200 รอบ/นาที แรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 385 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที มีระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยในการขับขี่ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และ ช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance) เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ และต่อสายไปที่เบอร์ 1669 เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ราคา

• Ford Ranger XL Street ราคา 669,000 บาท

6. NEW NISSAN NAVARA

NEW NISSAN NAVARA KING CAB CALIBRE 2020 มาพร้อมดีไซน์ภายนอกใหม่ทั้งหมดหน้าตาหล่อเหลาเอาการไฟหน้าโดดเด่นมีสไตล์ด้วย Quad-eye LED ข้างละ 4 ดวง พร้อมDaytime Running Light แบบ2ชั้น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบอินเตอร์ล็อค ใหญ่ และกว้างขึ้น เพิ่มความดุดันรับกับกันชนหน้าได้อย่างลงตัวไฟท้ายLED พร้อมไฟ Signature ดีไซน์ใหม่ดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์ กันชนท้ายพร้อมที่เหยียบดีไซน์ใหม่ ฝาท้ายกระบะพร้อมสปอยเลอร์ด้านหลัง ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่

นิสสัน นาวารา คิงแค็บ ภายในห้องโดยสารจัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว มอบพื้นที่เก็บของให้คุณมากกว่า ทั้งช่องเก็บของหน้ารถ ที่เก็บของใต้ช่องแอร์ คอนโซลกลาง พร้อมด้วยช่องชาร์จ USB ช่วยเติมเต็มความสุขให้กับทุกการเดินทาง

เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) ระบบอัจฉริยะที่จะช่วยให้ผู้ขับมองเห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และนำไปประมวลผล จากนั้นแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอวิทยุ และยังทำงานร่วมกับ เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย และให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างคล่องตัว และระบบเพื่อความปลอดภัยอีกมากมาย

เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผันแบบ VGS เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร (Nm) ซึ่งเครื่องยนต์รุ่นนี้ เป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ และมีให้เลือกเฉพาะรุ่นเกียร์ธรรมดาเท่านั้น

และเครื่องยนต์ YD25DDTTi ขนาด 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร (Nm) โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์รุ่นเดิม

ราคา NEW NISSAN NAVARA KING CAB

• Nissan Navara CALIBRE V 7AT 859,000 บาท
• Nissan Navara CALIBRE V 6MT 809,000 บาท
• Nissan Navara CALIBRE E 7AT815,000 บาท
• Nissan Navara CALIBRE E 6MT 765,000 บาท
• Nissan Navara E 6MT 689,000 บาท
• Nissan Navara SL 6MT 609,000 บาท
• Nissan Navara S 6MT 599,000 บาท

เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th