All-New BMW M5 Touring รถแวกอนสมรรถนะสูงกลับมาอีกครั้งหลังหายไป 14 ปี
BMW เผยโฉม All-New M5 Touring ใหม่บนพื้นฐานของ 5 Series Touring เจเนเรชันล่าสุด G61 ออกมา ซึ่งเป็นการนำเอารถแวกอนสมรรถนะสูงที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความแรงและการใช้งานสำหรับคนรักทั้งความแรงและครอบครัวกลับมาอีกครั้งหลังจากมีรถสมรรถนะสูงที่ใช้พื้นฐานจาก 5 Series E61 เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และเป็นรถแวกอนสมรรถนะสูงบนพื้นฐานของ 5 Series Touring รุ่นที่ 3 แต่เป็นครั้งแรกที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดไฮบริด
All-New BMW M5 Touring ใหม่มีขุมพลังขับเคลื่อนไม่ต่างกับM5 ซีดานที่เปิดตัวออกมาเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยเป็นระบบไฮบริดใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตรเทอร์โบ กำลัง 585 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 145 kW หรือ 197 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตัน-เมตร ให้กำลังรวมจากระบบไฮบริด 727 แรงม้า แรงบิด 1,000 นิวตัน-เมตร ใช้ระบบส่งกำลัง M Steptronic 8 สปีดเพื่อนำกำลังสู่ล้อของรถ
ด้านความเร็วของรถแวกอนสมรรถนะสูงใช้เวลา 3.6 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วจาก 0-200 กม./ชม. ด้วยเวลา 11.1 วินาที ใช้เวลามากกว่าตัวถังซีดาน 0.1 วินาทีและ 0.2 วินาทีตามลำดับ อย่างไรก็ตามรถแวกอนมีความสูงเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 250 กม./ชม. และไปถึง 305 กม./ชม. ได้ด้วยออปชัน M Driver’s Package เหมือนกับ M5ซีดาน
ในส่วนแบตเตอรีที่ให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบลิเธียมไอออนติดตั้งที่ใต้ท้องรถมีความจุ 18.6 kWh ทำให้เดินทางโดยใช้เฉพาะไฟฟ้าได้ถึง 67 กิโลเมตร และทำความเร็วได้สูงสุด 140 กม./ชม. เมื่อไม่ใช้น้ำมันร่วมด้วย โดยแบตเตอรีรองรับการชาร์จไฟฟ้า 11.0 kW ทำให้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 15 นาทีเพื่อชาร์จไฟจาก 0-100 เปอร์เซ็นต์
รถสมรรถนะสูงสำหรับพ่อบ้านหรือคนมีสัมภาระมากขับเคลื่อนด้วยทุกล้อผ่านระบบ M xDrive พร้อมมี Active M Differential โดยมี 3 โหมดให้เลือกผ่าน M Setup คือ 4WD, 4WD Sport และ 2WD ที่ใช้เฉพาะ 2 ล้อหลังของรถขับเคลื่อนพร้อมปิดการทำงานระบบควบคุมการทรงตัว DSC
รถยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีแชสซีส์ M-specific เพื่อให้ทั้งพลัง ความคล่องแคล่ว และความเฉียบคม โดยช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5-ลิงก์ พร้อมมีระบบช่วงล่าง Adaptive M Suspension ควบคุมแดมเปอร์ด้วยอีเล็กทรอนิก และ Active Steering เป็นอุปกรณ์มาตรฐานมากับรถ
ส่วนระบบเบรกของรถใช้ดิสก์เบรกมีครีบระบายความล้อโดยล้อหน้าใช้คาลิเปอร์ 6 ลูกสูบ ขณะที่ล้อหลังเป็นคาลิเปอร์ Floating ลูกสูบเดียว โดยมีเบรก M คาร์บอนเซรามิกเป็นออปชัน ขณะที่ล้อของรถมีขนาด 20 นิ้วที่ด้านหน้าและ 21 นิ้วที่ด้านหลัง
รูปลักษณ์ของรถบ่งบอกความแตกต่างจาก 5 Series Touring เพื่อแสดงถึงสมรรถนะของรถจากด้านหน้าที่มีกันชนหน้าใหม่มีช่องดักลมขนาดใหญ่พร้อมกันชนหน้าไตคู่ BMW M Iconic Glow ส่วนด้านข้างของรถมีพลังด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่ ขณะที่ด้านหลังมีสปอยเลอร์หลังปลายหลังคา ทับทิมสะท้อนแสงแนวตั้งขอบกันชน และ Diffuser 2 ส่วนที่มีปลายท่อไอเสียคู่ทั้งด้านซ้ายและขวา รวมทั้งรถยังมากับหลังคาสีดำ
ห้องโดยสารที่ถูกระบุว่าผสานสไตล์ของรถสปอร์ตเข้ากับความทันสมัยมีอุปกรณ์มาตรฐานทั้งพวงมาลัยหนัง M เบาะ M มัลติฟังก์ชัน และจอ Curved Display โดยใช้หนัง Merino ในการแต่ง นอกจากนี้ยังมีไฟ M-specific พร้อม Welcome Animation ในห้องโดยสาร หลังคากระจกพาโนรามิก เบาะปรับความอุ่นและระบายอากาศได้ และระบบเสียง Bowers & Wilkins Surround Sound เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนการเก็ยสัมภาระของรถสามารถขยายจากความจุ 500 ลิตรได้สูงสุด 1,630 ลิตร
รถจะถูกผลิตที่โรงงาน Dingolfing แล้วเริ่มทำตลาดโลกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 นี้
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th