ALL NEW GWM HAVAL H6 PHEV ขับ EV ล้วน กทม.-พัทยา สบายๆ

ALL NEW GWM HAVAL H6 กลับมีครั้งด้วยการปรับปรุงใหม่ อัปเกรดรอบด้าน พร้อมด้วย User Experience (UX) และ User Interface (UI) รุ่นใหม่ ร่วมกับระบบอินโฟเทนเมนต์เต็มรูปแบบ มีสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น ปรับช่วงล่างใหม่ ให้ขับได้มั่นใจมากขึ้น ถือว่าเป็นการปรับให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด จากเสียงคอมเม้นท์จากผู้บริโภคเอง
ยังมาพร้อมไฮไลต์สำคัญกับการเป็นรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอิน-ไฮบริดที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% (โหมด EV) ที่ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ถึง 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ถือว่ามีความอเนกประสงค์ในด้านการใช้พลังงานได้อย่างดี
ในส่วนของการออกแบบ มาพร้อมกับการอัปลุคใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น เพิ่มความสปอร์ตและความสมาร์ต ทั้งกระจังหน้าและกันชนหน้า สี Smoke Chrome ร่วมกับไฟหน้า LED อัจฉริยะแบบรมดำ รวมถึงระบบไฟ Signature Light แบบ Waterfall คิ้วประตู คิ้วฝาท้าย หน้าต่าง ด้านข้างของรถ และราวหลังคาแบบสีเปียโนแบล็ก ระบบไฟท้ายแบบ LED Light Strip แบบรมดำ ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รมดำลายสปอร์ต พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดง (เฉพาะ PHEV รุ่น ULTRA) เปลี่ยนโลโก้ใหม่จากคำว่า “HAVAL” เป็น “GWM” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แบรนด์ภายใต้ “ONE GWM” เหมือนกันทั่วโลก
ภายในห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสที่ใหญ่ขึ้นกับขนาด 14.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay* และ Android Auto* (* ระบบจะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป) ให้ทุกคนในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงเต็มรูปแบบ พร้อมระบบเครื่องเสียง Amor luxury hifi system ลำโพงจำนวน 8 ตำแหน่ง และในรุ่น ULTRA มาพร้อม Sub-Woofer ให้คุณภาพเสียงคมชัดทั่วถึงทั้งคัน
สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ User Experience (UX) และ User Interface (UI) โฉมใหม่ทั้งหมด ผ่าน Coffee OS 3.0 + QUALCOMM Snapdragon 8155 ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจาก GWM ที่ให้การใช้งานและการสั่งการเป็นไปได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และลื่นไหลในทุกการขับขี่ ควบคุมทุกฟังก์ชันผ่านหน้าจอ ทั้งประตูท้ายรถ หลังคาซันรูฟ และอื่นๆ ระบบนำทางของ Huawei Petal Map ช่วยให้การค้นหาเส้นทางแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนหน้าจอสั่งการได้ตามความต้องการ พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใหม่ๆ เข้ามาใช้งานเพิ่มเติมจาก GWM app store ได้อีกด้วย
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 10.25 นิ้ว มาพร้อมระบบนำทางและระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมตัวกรองอากาศ CN95 และช่องแอร์ด้านหลัง รองรับการเชื่อมต่อไวไฟและระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Charger) สูงถึง 50W
ส่วนพวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมเกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณหลังพวงมาลัยง่ายต่อการใช้งาน ประตูหลังเปิด-ปิดไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายในการเปิดและปิดประตูไฟฟ้าให้เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมาพร้อมกับระบบแฮนด์ฟรี* และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า* (* เฉพาะใน PHEV รุ่น ULTRA)
อำนวยความสะดวกในการใช้งานอุปกรณ์เสริมตลอดทั้งเส้นทาง ด้วยช่องต่อ USB Type A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลังรวม 5 จุด และช่องต่อ USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ 1 จุด และจุดชาร์จไฟ 12V 1 จุด
สำหรับ ALL NEW GWM HAVAL H6 มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น HEV) และ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร (รุ่น PHEV) มีระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ซึ่งระบบเกียร์นี้มีจุดเด่นที่สามารถสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น ช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพในทุกความเร็ว พร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มนวลในทุกเส้นทาง รองรับทุกสถานการณ์และทุกสภาพถนนสำหรับครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วน ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่น PHEV มีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ถึง 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium Ion กับความจุแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 27.54 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ไม่ต้องชาร์จบ่อย ทำให้ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหัวชาร์จประเภท CCS Type 2 combo ซึ่งรองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงถึง 41 กิโลวัตต์ รวดเร็วทันใจในการชาร์จกว่ารถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริดในเซกเมนต์เดียวกัน
ALL NEW GWM HAVAL H6 รุ่น HEV เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยการปรับเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ที่ถูกพัฒนาจากการรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ตอบโจทย์ความต้องการขับขี่ของชาวไทยมากยิ่งขึ้น มอบการขับขี่ที่มั่นคง มั่นใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสบายในทุกสถานการณ์
ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และพื้นหิมะ โดยรุ่น PHEV ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อีก 2 ระบบ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (น้ำมัน + ไฟฟ้า) และโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนอีกด้วย
ALL NEW GWM HAVAL H6 มีมิติตัวรถที่มีความยาว 4,703 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,886 มิลลิเมตร ความสูง 1,730 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,738 มิลลิเมตร ระยะความสูงใต้ท้องรถ 170 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,631 / 1,640 มิลลิเมตร (HEV / PHEV) อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 61 ลิตร ในรุ่น HEV และ 55 ลิตร ในรุ่น PHEV
ยังไม่พอ ALL NEW GWM HAVAL H6 ทั้ง 3 รุ่น ยังเหนือชั้นไปอีกระดับกับกล้อง 540 องศา พร้อมเสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะกว่า 31 รายการ ไม่ว่าจะเป็น กล้องแสดงภาพความละเอียดสูงรอบทิศทาง 540 องศา (กล้องรอบคันและด้านใต้ท้องรถ) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) และอื่น ๆ อีกทั้งยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ถือว่าจัดเต็มแบบที่ไม่ต้องหาที่ไหนเพิ่มเติมอีกแล้ว
ส่วนการได้ลองขับในครั้งนี้ ได้ลองในรุ่น PHEV ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจมาก เพราะมีระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ไกลที่สุดในเซกเมนต์ ถึง 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium Ion กับความจุแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 27.54 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ถือว่าใหญ่มากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม PHEV
โดยการขับเป็นการขับจากโชว์รูม GWM สุวรรณภูมิ ลาดกระบัง ไปเมืองพัทยา แถวๆ พัทยาใต้ ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร เห็นระยะทางแบบนี้เลยวางแผนการขับเป็นการใช้โหมด EV ล้วนๆ เพื่อขับไปพัทยากันเลย จะได้รู้ว่าระยะทางตามสเปค 150 กิโลเมตร จะสามารถขับใช้งานได้จริงหรือไม่
สิ่งที่ต้องชมนั่นคือ การปรับจูนช่วงล่างที่ทำออกมาได้ดีมาก เมื่อทำความเร็วสูงจะรู้สึกถึงความนุ่ม กระชับ ไม่ย้วย มีกระด้างเล็กน้อย รวมๆ แล้วถือว่าเป็นช่วงล่างที่นุ่ม แน่น ใช้ได้ ทำความเร็วเข้าโค้งได้มั่นใจมากขึ้น ส่วนอัตราเร่งถือว่าจัดจ้านพอตัว อารมณ์ในการขับเหมือนกับการขับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนๆ ในโหมด EV ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ให้ได้ยินกันเลย ซึ่งความเร็วส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 80-120 กม./ชม. หน้าจอแสดงผลการขับตลอดช่วงเวลาที่ขับเป็นเพียงการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เท่านั้น มีการรีชาร์จพลังงานกลับไปอยู่เป็นระยะ
ถือว่าเป็นรถที่ขับในเมืองมีความคล่องตัวมาก พวงมาลัยชุดใหม่ที่ติดตั้งเข้ามา ให้อารมณ์เหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้าเลย หน้าจอขนาด 14.6 นิ้ว ใช้งานได้ง่ายมาก เพราะด้วยระบบปฏิบัติการและ UI ใหม่ ที่เป็นของ Huawei ใช้งานได้สะดวกเข้าใจง่าย การเปิดแผนที่นำทางทำได้ดีมาก ค้นหาเส้นทางได้ง่ายขึ้น หน้าจอคมชัด และจอใหญ่ขนาดนี้ ทำให้มองดูแผนที่ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
เมื่อขับไปถึงปลายทางระยะทางหน้าจอแสดง 127 กิโลเมตร แต่ยังเหลือแบตเตอรี่ให้สามารถขับได้ไกลอีก 7 กิโลเมตร ถือว่าตัวเลขในการใช้งานจริงค่อนข้างใกล้เคียงกับสเปค 150 กิโลเมตร แบบนี้ถือว่าถ้าขับใช้งานในชีวิตประจำวัน ไปทำงาน เที่ยวในตัวเมือง ระยะทางต่อ 1 วัน ไม่เกิน 100 กิโลเมตร ถือว่าวันนั้นไม่ได้ใช้น้ำเลยสักหยด
ส่วนขากลับ ไม่ได้แวะชาร์จไฟกลับเข้าตัวรถ ลองขับดูด้วยโหมด Hybrid อารมณ์การขับเปลี่ยนไปค่อนข้างชัดเจน เป็นอารมณ์ของการขับรถที่มีเครื่องยนต์ขึ้นมาทันที ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ แต่เมื่อขับด้วยความเร็วต่ำจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสลับไปโดยที่เราไม่รู้สึกเลยว่าตอนนี้รถกำลังใช้พลังงานจากส่วนไหนอยู่ เมื่อขับกลับมาถึงโชว์รูม GWM สุวรรณภูมิ ลาดกระบัง เช็คดูตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองสรุปอยู่ที่ 22 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าเป็นตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดใช้ได้เลย ด้วยเงื่อนไขการขับ ขนาดตัวถังและน้ำหนักตัวถัง ตัวเลขนี้ถือว่าคุ้มมาก
เหลือเพียงแค่ราคาเปิดตัวเท่านั้นว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ รอไม่นานนี้ เพราะจะเปิดราคาภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายนนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th