ALL NEW HILUX CHAMP กระบะเล็กขวัญใจฟู้ดทรัค ราคาเริ่มต้น 4.59 แสน
ALL NEW HILUX CHAMP เปิดราคา 459,000 บาท ขายไทย มาพร้อม 3 ทางเลือกเครื่องยนต์ ชูจุดเด่น “แข็งแกร่ง ทนทาน” มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ ขายพร้อมตกแต่งปรับเปลี่ยนได้ตามใจเพื่อต่อยอดทางธุรกิจพร้อมจัดไฟแนนซ์จากโชว์รูมให้ทุกคนเป็นเจ้าของได้ง่าย ตั้งเป้าขาย 1,500 คันต่อเดือน พร้อมเปิดรับจองทันที
กระบะเชิงพาณิชย์รุ่นนี้ โตโยต้า ตั้งเป้าให้ “ราคาจับต้องได้” ถูกกว่าราคากระบะตอนเดียวทั่วไป ขนาดกะทัดรัด คล่องตัว สามารถนำไปต่อยอดได้หลากหลายรูปแบบง่ายต่อการดัดแปลง เจาะรูสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริมล่วงหน้าจากโรงงาน เหมาะสำหรับการบรรทุกเบา ดัดแปลงใช้เฉพาะงาน ซึ่งจะแตกต่างจาก HiLux Revo ที่เน้นเจาะตลาดกลุ่มบรรทุกหนักวิ่งทางไกล
ราคาจำหน่าย ALL NEW HILUX CHAMP ในไทย
รุ่นช่วงล้อสั้น ตกแต่งพิเศษ
2.4 ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ราคา 577,000 บาท
รุ่นช่วงล้อสั้น
2.7 เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ราคา 499,000 บาท
2.0 เบนซิน เกียร์ธรรมดา ช่วงล้อสั้น ราคา 459,000 บาท
รุ่นช่วงล้อยาว
2.4 ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ราคา 562,000 บาท
2.4 ดีเซล เกียร์ธรรมดา ราคา 527,000 บาท
รุ่นช่วงล้อสั้น แบบไม่มีกระบะ
2.7 เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ราคา 487,000 บาท
2.4 ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ราคา 536,000 บาท
รุ่นช่วงล้อยาว แบบไม่มีกระบะ
2.4 ดีเซล เกียร์ธรรมดา ราคา 499,000 บาท
- รถกระบะท้ายเรียบพร้อมดัดแปลง พัฒนาโดยคนไทย เพื่อคนไทย สร้างโอกาสตั้งตัว เติบโต ต่อยอดธุรกิจสู่ชีวิตคนไทย เพื่อทุกโอกาสของทุกคนเป็นไปได้ โดยโตโยต้าแจ้งว่าทางเราได้เตรียมรถให้ 70 เปอร์เซ็น ที่เหลือลูกค้านำไปจินตนาการต่อยอดได้
โดยมีทางเลือกรุ่นย่อย 2 แบบ คือรุ่นฐานล้อยาว 2,750 มม. และฐานล้อสั้น 2,750 มม. และมี 2 รูปแบบการบรรทุก คือ กรบะท้ายเรียบ และแบบไม่มีกระบะท้าย ด้านเครื่องยนต์มีให้เลือก 3 แบบ คือเบนซิน 2.0MT ,2.7AT ดีเซล และ 2.4MT&AT ดีเซล โดยชูจุดเด่นเป็นแบรนด์เดียวในตลาดที่มีทางเลือกเกียร์อัตโนมัติ และกระบะท้ายแบบเปิดได้สามทางมีพื้นที่บรรทุกใหญ่กว่าคู่แข่งในตลาด โดยโครงสร้างตัวรถและเครื่องยนต์เดียวกับ Hilux Revo รับรองความทนทาน
ขนาดตัวรถ
เครื่องยนต์เบนซิน | 2.0 เบนซิน เกียร์ธรรมดา ช่วงล้อสั้น | 2.7 เบนซิน เกียร์ธรรมดา ช่วงล้อสั้น | 2.7 เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ
แบบไม่มีกระบะ ช่วงล้อสั้น |
|
ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 4,970 x 1,785 x 1,735 | 4,705 x 1,785 x 1,735 | ||
ความยาวช่วงล้อ (มม.) | 2,750 | |||
ความกว้างช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) | 1,510/1,510 | |||
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.)
(วัดจากจุดต่ำสุดของรถ) |
180 | |||
กระบะภายใน ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 2,312 x 1,711 x 327 | – | ||
กระบะท้าย | พื้นเรียบ เปิด – ปิด 3 ทาง | ไม่มีกระบะ |
- พื้นที่กระบะท้ายขนาดใหญ่ไม่มีซุ้มล้อ
ดีไซน์การออกแบบ
คอนเซ็ปของกระบะรุ่นนี้ คือ แข็งแกร่งทุกมิติ โดดเด่นทุกมุมมอง กับรูปทรงเหลี่ยม Retro Polygon ที่แสดงออกถึงความทรงพลัง และยังผสานเข้ากับหลักการออกแบบทางวิศวกรรม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน เน้นความล้ำหน้าของกระบะยุคใหม่ ไฟหน้าและไฟเลี้ยวออกแบบให้แยกกันอย่างอิสระ เป็นแบบ LED พร้อม DRL ในรุ่นตกแต่งพิเศษ กันชนออกแบบให้แยกกันเป็น 3 ชิ้นง่ายต่อการซ่อมและบำรุงรักษา มุมกันชนออกแบบให้มีองศาลู่เข้าไปด้านหลังเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเลี้ยวในที่แคบ ในส่วนกรอบประตูออกแบบให้แข็งแรงทนทานเปิดได้กว้างขึ้นลงได้สะดวก ตัวถังรถออกแบบเพื่อรองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมและดัดแปลง
- เน้นความโปร่งโล่งในการใช้งาน
ภายในเน้นออกแบบโทนสีดำ ส่วนในรุ่นตกแต่งพิเศษจะได้ภายในสีดำตกแต่งด้วยแถบสส้มรูปทรงห้องโดยสารแบบ Polygon เพิ่มความแข็งแรงให้กับห้องโดยสารพร้อมการเข้า-ออก ที่สะดวกยิ่งขึ้น ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายด้วยการออกแบบให้มีพื้นที่เหนือศีรษะสูงขึ้น ปรับการวางตำแหน่งเสา A ให้ชันขึ้น เพื่อทัศนวิสัยที่เปิดกว้าง และลดจุดบอดขณะเลี้ยว สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยห้องโดยสารโทนสี ดำ-ส้ม พร้อมเลือกใช้วัสดุที่ทนทานง่ายต่อการดูแลรักษา ด้วยเบาะนั่งแถวยาวแบ่งส่วน 60 : 40 ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ เบาะนั่งแบบแยกในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ โดยเบาะนั่งสามารถปรับเอนได้เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน มาพร้อมช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า กระแสตรง DC โวลต์ 1 ตำแหน่ง
- เครื่องยนต์วางไว้ด้านหน้าช่วยให้บำรุงรักษาง่ายกว่า แบบที่วางเครื่องยนต์ไว้ใต้เบาะ
สมรรถนะการขับขี่
เครื่องยนต์ 3 ทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร กำลังสูงสุด 166 แรงม้า (122 กิโลวัตต์) ที่ 5,200 รอบ / นาที เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 139 แรงม้า (102 กิโลวัตต์) ที่ 5,600 รอบ / นาที และเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) ที่ 3,400 รอบ / นาที เหนือกว่ากับระบบเกียร์ที่เลือกได้ทั้ง เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ตอบสนองฉับไว เร่งจังหวะได้ดั่งใจ เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift แรงเต็มสมรรถนะ นุ่มนวล แม่นยำในทุกจังหวะ ขับสบายทุกเส้นทาง
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน | 2.0 เบนซิน เกียร์ธรรมดา ช่วงล้อสั้น | 2.7 เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ ช่วงล้อสั้น | 2.7 เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ
แบบไม่มีกระบะ ช่วงล้อสั้น |
|
รุ่น | 1TR-FE | 2TR-FE | ||
แบบ | 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i | |||
ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) | 1,998 | 2,694 | ||
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) | 86.0 x 86.0 | 95.0 x 95.0 | ||
อัตราส่วนกำลังอัด | 10.4:1 | 10.2:1 | ||
กำลังสูงสุด (PS / รอบต่อนาที) | 102 (139) / 5,600 | 122 (166) / 5,200 | ||
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร / รอบต่อนาที) | 183 / 4,000 | 245 / 4,000 | ||
ระบบจ่ายน้ำมัน | หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI | |||
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) | 55 | |||
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง | เบนซิน |
เครื่องยนต์ดีเซล | 2.4 ดีเซล เกียร์ธรรมดา
แบบไม่มีกระบะ ช่วงล้อยาว |
2.4 ดีเซล เกียร์ธรรมดา ช่วงล้อยาว | 2.4 ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ช่วงล้อยาว | 2.4 ดีเซล เกียร์อัตโนมัติ ช่วงล้อสั้น รุ่นตกแต่งพิเศษ |
2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ แบบไม่มีกระบะ
ช่วงล้อสั้น |
||
รุ่น | 2GD-FTV | 2GD-FTV (High) | |||||
แบบ | 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler | ||||||
ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) | 2,393 | ||||||
ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) | 92.0 x 90.0 | ||||||
อัตราส่วนกำลังอัด | 15.6:1 | ||||||
กำลังสูงสุด
(PS / รอบต่อนาที) |
110 (150) /3,400 | ||||||
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร / รอบต่อนาที) | 343 / 1,400 – 2,800 | 400 / 1,600 – 2,000 | |||||
ระบบจ่ายน้ำมัน | หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่นแบบคอมมอนเรล (แบบ i-ART) | ||||||
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) | 70 | 55 | |||||
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง | ดีเซล |
โครงสร้างแชสซีส์ใช้ร่วมกับไฮลักซ์ รีโว่ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพและความอดทน แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางจุดเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อาทิ ออกแบบแร็คพวงมาลัยใหม่เพื่อทำให้รัศมีวงเลี้ยวแคบลง ล้อและเบรกปรับให้มีขนาดเล็กลงเพื่อเพิ่มความคล่องตัว ย้ายจุดยึดแซสซีส์ใหม่ เตี้ยลง เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุก โดยรุ่นช่วงล้อสั้นหรือ สั้น “Short Wheel Base” จะมีพื้นที่กระบะ 1.7mX2.3m และในรุ่นช่วงล้อยาว “Long Wheel Base” มีขนาด 1.7mX2.65m พร้อมย้ายจุดยึดโช๊คอัพไปไว้ด้านหลังทั้ง 2 ข้างทำให้สามารถติดตั้งส่วนต่อเดิมด้านหลังได้ง่ายขึ้น รัศมีวงเลี้ยวที่แคบเทียบเท่ารถยนต์นั่งขนาดเล็ก สามารถเข้า-ออก ตามซอกซอยได้อย่างคล่องตัว
อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบป้องกันล้อล็อก AB (Anti-lock Brake System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake – force Distribution) ถุงลมเสริมความปลอดภัย 2 ตำแหน่ง โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ช่วยดูดซับแรงกระแทกรอบด้านได้ดีเยี่ยม และเข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงรั้งกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ
โดยทางโตโยต้าเผยว่า “เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สนองความต้องการของลูกค้าชาวไทยให้ได้มากที่สุด ทีมวิศวกรของเราได้ร่วมทำงาน และรับฟังมุมมองเชิงลึกจากผู้ประกอบการดัดแปลงรถยนต์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงปัญหาที่ประสบในปัจจุบัน เพื่อนำมาแก้ไขใน HILUX CHAMP และพัฒนาเป็นโครงสร้างการดัดแปลงที่ง่าย เพื่อให้ผู้ประกอบการดัดแปลงรถยนต์สามารถดัดแปลง HILUX CHAMP ในระยะเวลาที่สั้น และต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อลูกค้าผู้ใช้งาน ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นในที่สุด”
หลังจากการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 จะมีการเริ่มรับจอง ต่อด้วยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ และเริ่มจัดส่งให้กับลูกค้าตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th