ALL NEW HONDA CIVIC ‘RS’ พันห้าเทอร์โบขาโหด…เลิกคิดเถอะถ้าจะไล่ตาม!!!
เคยเป็นไหมเวลาเจอของถูกใจแล้วตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ นับวันรอคอยที่จะได้ลองขับ Honda Civic Gen 11 ไม่บ่อยนักที่จะมีความอยากมากล้นขนาดนี้ ตั้งแต่รูปที่เปิดตัวฝั่งอเมริกาพวงมาลัยซ้าย คนไทยต่างลุ้นว่าเวอร์ชั้นบ้านเราจะเป็นแบบไหน ตัดอะไรไปบ้าง ไม่น่าเชี่อว่า ฮอนด้า จะตัดสินใจเปิดตัวบ้านเราได้รวดเร็วขนาดนี้กับเวอร์ชั่นซีดาน 4 ประตู
Honda Civic คือหนึ่งใน “รถนิยม” ที่คนไทยชื่นชอบ ซื้อใช้กันต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ที่จะซื้อรุ่นตระกูลเดิมใช้ซ้ำ ส่วนใหญ่พฤติกรรมผู้บริโภคมักจะอัพเกรดรถใช้ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น จำได้ตั้งแต่สมัยเจนฯ แรกๆ Honda Civic เป็นเพียงรถบ้านธรรมดาที่แสนจะเรียบง่าย คันเล็กกระทัดรัด ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนทุกวันนี้ สมัยก่อนจำได้ตอนฮอนด้าปล่อยเครื่องยนต์ใหม่ VTEC ที่รีดพลังเครื่องบล๊อกเล็กให้แรงระเบิดระเบ้อในรถสายซิ่งของฮอนด้า “แคมกระดิก” ส่งต่อมาถึงรถตลาดรุ่นนี้จนขายดีเป็นพลุแตกในบล๊อก i-VTEC และก็ถึงยุคของการ Downsizing เครื่องให้เล็กแต่ให้กำลังเทียบเท่าเครื่องใหญ่ มันมีหลายวิธีแต่ผู้ผลิตมักจะพุ่งเป้าไปที่โจทย์ของมลพิษ และความประหยัดน้ำมัน “ฮอนด้า” มีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น “ฉันไม่ต้องการความประหยัด ฉันต้องการรถที่ขับแล้วสนุก” สมการที่ลงตัวคงเป็น “เทอร์โบ” มาถึงตรงนี้บอกได้ว่าคนซื้อ Honda Civic ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์แต่เป็นคนชอบเล่นรถเพราะพื้นฐานรถยนต์ที่ดีย่อมต่อยอดได้ดีกว่า
- รับรถที่ศูนย์ฝึกอบรม ฮอนด้า บางชัน พร้อมผ่านขั้นตอนแยงจมูก เพื่อแสดงตนว่าปลอดเชื้อจ้า วันนี้มาเจอเจ้า Civic รุ่นล่าสุดกับรหัสตัวถัง FE ในแบบซีดาน 4 ประตู สำหรับเจนฯ ก่อนหน้าใช้รหัสตัวถังว่า FC
- ทีมงานเตรียมรถ “มั่นใจ” พ่นแบบนี้ไม่เหลือแม้แต่ซาก ยุ่งแถวนั้นยังไม่กล้าอยู่เลย ทดสอบรถช่วงโควิดระบาดมันต้องเซฟตี้
สิ่งแรกที่เราต่างลุ้นกันในวันเปิดตัวคือ ฮอนด้า ประกาศราคาขายเท่าไร มีกี่รุ่น…จนแล้วจนรอดมันจะกลายเป็นรถตลาดเหมือนเดิมไหม เมื่อถึงบางอ้อ Honda Civic ราคาคันเป็นล้าน บางครั้งพอเกินตัวเลขหนึ่งล้านหลายคนต้องถอดใจ เพราะไม่มีอีกแล้วรุ่นกระดองเดียวกันแต่เป็นเครื่อง 1.8 ลิตร ที่พอจะได้เชยชมกันบ้าง ฮอนด้า เริ่มขายรุ่น EL 964,900 บาท เป็นรุ่นเริ่มต้น ตามมาด้วย EL+ 1,009,099 บาท และรุ่นท๊อป RS 1,199,900 บาท มีคนถามเยอะรุ่นไหนคุ้ม ถูกและดีไม่มีหรอก RS นั่นแหละเหมาะเพราะลองเอาส่วนต่างมาคิดเป็นราคาอุปกรณ์แต่ละชิ้นดูสิ มันเกินราคาส่วนต่างไปเยอะ แต่ถามมาก็ตอบให้ความคุ้มแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบรูปลักษณ์แบบนี้ออปชั่นไม่ต้อง…อยากสัมผัสเครื่องเทอร์โบซื้อรุ่นเริ่มต้นก็คุ้มแล้ว เชื่อเถอะไม่ต้องให้อินฟูลต่างๆ มาชี้นำบริษัทรถคิดมาหมดแล้วก่อนตั้งราคากับออบชั่นว่าแบบไหนเหมาะและคุ้มกับใคร นอกจากว่าฮอนด้าจะใจดีให้ภายนอกทั้ง 3 รุ่นมาเหมือนกันหมด แล้วค่อยมาดูว่าซื้อรุ่นไหนดี
- บอกแล้วว่าสวยทุกสีจริงๆ ไม่เชื่อดูเลยใครซื้อ RS เอาเป็นว่าสีต้องเข้ากับล้อดำ!!!! เครดิตภาพ ฮอนด้า ประเทศไทย
ก่อนวันมารับรถจำได้ว่าฮอนด้าพยายามชูเรื่องระบบความปลอดภัยเป็นจุดขาย จากนั้นเป็นเครื่องยนต์สมรรถนะ สุดท้ายคือภาพลักษณ์ใหม่ ซึ่งเรื่องแรกไม่ค่อยมีใครอธิบายมากว่ามันดียังไงในชีวิตจริง คนพุ่งเป้าไปที่การกดคันเร่ง การเข้าโค้ง ขับสนุกกว่าคู่แข่งหรือไม่ มันก็เป็นธรรมดา “ความปลอดภัย” คนมักมองข้าม ทั้งที่เป็นเรื่องสมควรลงทุนในการซื้อรถที่สุด แล้วมาดูกันว่า Honda Sensing (ระบบรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด) ที่มีให้ รวมทั้งฟังชั่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามามันดียังไง ถึงตรงนี้เลิกเถึยงกันได้แล้ว ว่า FC หรือ FK ใครสวยกว่ากัน “รถใครๆ ก็รัก” ใจเขาใจเรา
ความเป็น RS หล่อบาดใจ กระชากอารมณ์เอามากๆ ความเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ในครั้งนี้เหมาะสมกับ All-NEW จะให้มีเค้าโครงเดิมมันคงน่าเบื่อต่อให้สานต่อแชสซีส์กันมาก็เถอะ โลโก้ RS ด้านหนามองเห็นเตะตาแสดงออกว่าชั้นแพง ส่วนที่ดูแพงจนหลายคนยอมควักเงินเพิ่มมาเล่นรุ่นท๊อปเพราะไฟหน้าพร้อม Day Time Running Lights แบบ LED ดูเท่ห์กว่าเยอะ รวมทั้งล้ออัลลอย 17 นิ้ว มือจับ กระจกมองข้าง และสปอยเลอร์หลังสีดำ ในด้านการดีไซน์ฮอนด้าเลือกที่จะเอาความเป็นรถญี่ปุ่นออกไปเยอะ ความหวือหวาของไฟหน้า ไฟท้าย แม้แต่เส้นสายที่เคยใช้ทำให้โดดเด่นถูกขัดเกลาออกไปให้ดูเรียบง่ายขึ้น แต่ดูแข็งแกร่งปราดเปรียว ซึ่งผลที่ได้คือความลงตัวที่ดูได้นาน และไม่น่าเบื่อ ส่วนสีที่นำมาขาย แดง ฟ้า ขาว เทา ดำ เงิน สวยทุกสีน่าจะมีสัดส่วนการขายไม่แตกต่างกันเยอะ ถ้าเมื่อก่อนสีขาวคงต้องยืนหนึ่ง ทุกวันนี้คนเลือกสีรถตามความชอบแล้ว ไม่คิดยึดติดในกรอบมาก
- จุดที่พูดถึงกันเยอะคือ “รังผึ้ง” บางคนบอกมันแหวกแนวดี บางคนก็ไม่ชอบ เดี๋ยวนี้เรื่องของวัสดุไปไกลมาก ปั้มขึ้นรูปอะไรก็ได้หมด
All New Honda Civic Gen 11 ภายในรโหฐาน “ใหญ่” กว้างสบาย ให้โทนสีดำตั้งแต่เพดานตัดกับดายสีแดงเข้มที่ไม่แตะตามาก อุปกรณ์ต่างๆ จัดวางแบบง่ายเน้นการใช้งานของผู้ขับขี่ ผมก็คนหนึ่งเมื่อขึ้นเล่นบนรถคันนี้พบกับความใหม่เหมือนต้องแนะนำตัวกันพักหนึ่งเห็นฮอนด้าบอกว่าจัดศูนย์ถ่วงรถใหม่ให้ต่ำลง รวมถึงฐานล้อที่ขยับเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทางตัวเลขนิดหน่อยแต่ในการออกแบบน่าจะทำให้มีพื้นที่เพิ่ม ตำแหน่งที่นั่งดูต่ำลง ให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท้องถนนมากขึ้น เหมือนกับรถสปอร์ตเลย ไม่น่าเชื่อว่า Honda Civic ตั้งแต่รุ่นก่อนเป็นรถที่มองเห็นฝากระโปรงหน้าเวลาขับขี่ (หลังจากยุคที่มองไม่เห็นจำกัดไ้ด้ไหมปรับตัวกันเป็นอาทิตย์) แต่สำหรับบางคนมันเหมือนได้ขับรถสปอร์ตกระโปรงหนายาวๆ แบบนั้นเลย “รู้สีกดี” คงต้องชมกับหน้าปัดใหม่ใหญ่ดี ขนาด 10.2 นิ้ว แถมมีลูกเล่นเพียบ ทั้งระบบความบันเทิงในรถ และระบบความปลอดภัย Honda Sensing แต่ที่สนุกคือหน้าจอตรงกลางแสดงกราฟฟิกแบบน้องๆเทสล่าเป็นรูปรถเราและรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าพร้อมแสดงสากเบือบันเรือรบในแบบรูปภาพเข้าใจง่ายทันสมัยสุดๆ
- กราฟฟิกหน้าจออัพเกรดไปอีกระดับ ลูกเล่นเพียบ ด้านซ้ายตรงวัดรอบแสดง ระบบความบังเทิง ส่วนด้านขวาเป็นระบบความปลอดภัย และตรงกลางมีรูปรถ เวลาเบรกมีไฟเบรกขึ้น เปิดไฟหน้าในรูปก็เปิดด้วย หรือมีรถบรรทุกวิ่งข้างหน้าจะมีรูปขึ้นด้วย
- เดี๋ยวนี้แค่วางโทรศัพท์ก็ชาร์จได้โดยไม่ต้องมีสายให้วุ่นวายในรถยนต์
ส่วนต่อมาที่เป็นไฮไลท์คือคอนโซลหน้าทั้งหมด เหลามาดีไม่ใหญ่แบบเกินความจำเป็นจนต้องเสียพื้นที่ในห้องโดยสาร ตัวหน้าจอเครื่องเสียงขนาด 9 นิ้ว คงคอนเซ็ปดาร์กโหมดมองเห็นชัดเครียใสมากยังแม้จะเจอแดดแรง ฮอนด้าโฆษณาว่ามันเชื่อมต่อไอโฟนแบบไม่ต้องใช้สายได้ เป็นความโชคดีของคนใช้ Apple Car Play ในรถคันนี้ ส่วน Android เสียใจด้วยไปเปลี่ยนเครื่องใหม่ซะ…ไม่ต้องขนาดนั้นเพราะซอฟแวร์ที่มาด้วยมีลูกเล่นไม่น้อยเลยนะ รวมทั้งแผนที่นำทางให้ใช้ในตัว RS และมีเมนูย่อยใหม่ๆ เช่นคู่มือรถที่ตอบทุกเรื่องการใช้งานจัดหมวดหมู่เข้าในง่าย เช่น สัญญาณเตือนไฟต่างๆ คืออะไร หรือ Trip ระยะทาง ค่าเฉลี่ยประหยัดน้ำมัน เรียกดูได้ที่จอเครื่องเสียงด้วย (ยังมีความสามารถอีกเพียบเดียวจะยาวไป) และรับรู้ได้ว่าฮอนด้าตั้งใจให้มีปุ่มกดแบบปรกติใส่มาด้วย ไม่ใข่ทัชสกรีนอย่างเดียว มันใช่ง่ายสำหรับคนบางกลุ่ม และสำหรับคนขับ ปุ่มแอร์ดิจิตอลมือหมุนดีสุด ไม่ต้องละสายตาจากถนน อีกอย่างที่มีประโยชน์นอกจาก USB 2 จุดด้านหน้า และ 2 จุด ด้านหลัง (ตรงที่ดราม่าว่าไม่มีแอร์หลัง) คือที่ชาร์ไฟแบบ Wireless Charger มือถือรุ่นใหม่สบายเลย รถรุ่นนี้ทุกอย่างเป็นไฟฟ้าหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย เบรกมือ นี่ยังไม่รวมความแปลกของก้านปัดน้ำฝนที่รวมหัวฉีดไปด้วย ส่วนเบาะที่นั่ง นุ่มสบายปีกไม่แข็ง หัวหมอนนุ่มกำลังดี ไม่มีตรงไหนให้ติ โดยเฉพาะด้านหลังนั่งสบายมาก ด้วยพื้นที่ทั้งช่วงเขา ช่วงหัว ทัศนวิสัยโปรงโล่งกำลังดี อาจติดแต่ไม่มีแอร์หลัง กับซันรูฟหล่อๆ สิ่งหนึ่งที่ดีมากคือการเก็บเสียงห้องโดยสาร จากการที่วิศวกรแก้ไขจุดด้วยเดิมด้วยโฟมต่างๆ ให้มากขึ้นแน่นขึ้น ส่งผลให้ทั้งเสียงลม และเสียงยางผ่านถนน เงียบมาก
- Honda Sensing แม้จะไม่มีเรดาห์เหมือนรุ่นก่อน แต่กล้องตัวใหม่ทำงานได้ดีไม่แพ้กันในการตรวจจับ รถยนต์ คน หรือเส้นถนน แถมมีมุมกล้องที่กว้างขึ้นสองเท่า และยังวิเคราะห์อุปสรรค ตรวจจับได้รวดเร็วมากขึ้น (ไม่ด้อยกว่ารุ่นเดิม)
- ฮอนด้าให้กุญแจมาสองแบบๆ แรก Smart Key ไม่มีปุ่มสตาร์ทในรุ่น RS เพราะสามารถใช้ App Honda Conect ในมือถือควบคุมรถได้หมดยันสตาร์ทรถ เปิด-ปิด ประตู ส่วนกุญแจดอกที่สองหน้าตาธรรมดามีปุ่มสตาร์ทให้มาด้วย
ครั้งนี้เรามีเวลาหนึ่งวันกับ All New Honda Civic Gen 11 แต่อยากจะเน้นไปที่การทดสอบระบบความปลอดภัย Honda Sensing กับถนนประเทศไทย “รอดไม่รอด” ฮอนด้ายกระบบจากรุ่นก่อนมาเพิ่มเติมระบบใหม่ โดยใช้การตรวจจับจากกล้องด้านหน้ารถ ที่สามารถระบุ ได้ตั้งแต่ รถยนต์ จักรยานยนต์ และคนเดินถนน เราเริ่มจากระบบง่ายๆ อย่างระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติที่เป็นแบบแปรผันตามความเร็วรถคันหน้า คันหน้าช้าลงเราช้าด้วย คันหน้าเร่งเราไปด้วย ตามความเร็วที่เรากำหนด อันนี้ยังดูธรรมดา แต่มันช่วยเตือนการชน และระบบช่วยเบรกให้ด้วยถ้าเราชิดมากเกินไปโดยไม่ตั้งใจ แถมมีระบบช่วยเตือนถ้าเราอยู่ในโหมด Cruise ถ้าคันหน้าขยับจากจุดหยุดนิ่ง และเรายังไม่ขยับ รถมันจะตะโกน “ไปแล้วเพื่อน”อ้อไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนที่ชอบที่สุดคือ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง แทบจะปล่อยมือให้มันเด้งไปมาในเลนเราได้ (ลองแบบปลอดภัยนะ) มีการหน่วงพวงมาลัยเตือน พร้อมส่งเสียงและไฟเตือนบนหน้าจอด้วย “ฉลาดดี” แถมยังทำงานได้สมูทแอนซิวมาก คนขับจะได้ไม่ตกใจมาก ส่วนระบบอื่นๆ ยังมีอีกเยอะครบทุกฟังก์ชั่นที่รถคันละล้านควรมี ยันระบบเตือนกินกาแฟ (ตรวจพบคนขับเหนื่อย) ส่วน Honda LaneWatch ที่แสดงภาพเหมือนกระจกมองข้างด้านซ้ายบนจอวิทยุ ไว้ดูมุมอับได้ แต่กล้องยังแสดงภาพไม่ชัดเครียมาก ทำให้ไม่มั่นใจเท่าที่ควร เชื่อว่าถ้าเป็นเจ้าของคงชินกับมันแล้วกะระยะได้ดีขึ้น
- เครื่องยนต์พัฒนาต่อยอดจาก Honda Accord ยกมาหมดรวมทั้งเทอร์โบด้วย ซึ่งวิศวกรฮอนด้าแจ้งว่าการพัฒนาเครื่องยนต์บล๊อกนี้มีไทม์ไลน์เริ่มต้นจาก Honda Civic Gen 10 และส่งต่อให้ Honda Accord จึงเป็นที่มาว่าทำไมมาจากแอคคอร์ด และมีการปรับเพิ่มเติม รวมทั้งเกียร์ CVT ที่เซ็ตให้เหมาะสมกับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น ลดการขึ้นรอบ CVT ตอบสนองเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น รวมทั้ง Crank Shaft (เพลาข้อเหวี่ยง) ที่ใหญ่ขึ้น หมดปัญหาเทอร์โบมาช้าเหมือนรุ่นก่อนแล้วนะ
มาถึงสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร VTEC TURBO แค่ชื่อก็ดูแรงแล้วนะเธอ แถมอัพเกรดหลายอย่างทั้งลูก ก้าน ข้อ ประมาณนั้น ให้มีกำลังสูงสุดถึง 178 แรงม้าที่ มากกว่าเดิม 5 ตัว รวมถึงแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 240 นิวตันเมตร ที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอลเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนได้ถึง E85 ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (แสดงผล 7 สปีด) มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 แบบ ECON Mode โหมดประหยัด Normal Mode โหมดขับขี่ปรกติ และ Sport Mode จัดจ้านมาเร็ว โดยทั้งหมดระบบ ECU ของรถจะเข้ามาควบคุม เครื่องยนต์ เกียร์ ลิ้นปีกผีเสื้อ รวมถึงแอร์ในโหมดประหยัด ตอบสิ่งที่รู้สึก All New Honda Civic Gen 11 แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าอย่างรู้สึกได้ชัดมาก แม้ตัวเลขความเปลี่ยนแปลงพละกำลังเล็กน้อย ขับสนุกกว่าเดิม “แรงกว่า”แถมยังมีการส่งกำลังของเกียร์ที่ฉลาดสุขุมขึ้น ให้ความรู้สึกดีกว่า CVT ลูกเดิม ไหลลื่นต่อเนื่องมีกำลังให้ใช้ตั้งแต่รอบต้นๆ ความเร็วไหลขึ้นตลอดจนเผลอแตะสองร้อยเอาง่ายๆ แต่สิ่งที่พบคือเสียงเครื่อง และเกียร์แทบไม่ครวนครางเลย เป็นเสียงแบบกดเป็นมา “ฉันยังเหลือได้อีกเยอะ” เคยเห็นบางคันไหมที่กดคันเร่งจนเครื่องครางร้องแบบจะตาย ไม่มีเลยในรถคันนี้พันห้าจริงป่าว!!! ลองเล่นเกียร์ที่พวงมาลัย “ฉลาดเว๊ย” กดเปลี่ยนตามนิ้วแบบนี้ถึงเหมาะกับราคาหน่อย
- บทสรุปของช่วงล่างรุ่น RS แตกต่างจากสองรุ่นล่าง EL และ EL+ แต่มีชิ้นส่วนพาร์ทเดียวกัน เพียงแค่ปรับให้เหมาะสมกับขนาดล้อที่แตกต่างกัน
All New Honda Civic Gen 11 สิ่งที่ต้องชมคู่กันคือช่วงล่างในตัว RS ไม่ว่าจะเป็นความเร็วสูงนุ่มนวลแน่น เอาอยู่ เป็นความรู้สึกที่วิ่งเป็นร้อยแต่เหมือนรถวิ่งอยู่หลักสิบ “เคยเป็นไหม”นั่นเพราะช่วงล่างดี ทำให้เวลาอัดแรงๆ ความเร็วสูงเราจะมั่นใจว่าควบคุมได้ ช่วงล่างนิ่ง เดี๋ยวหาว่าโชว์แต่ทางตรง คอสะพานไปโดดมาแล้ว ไม่กระด้าง และไม่ย้วย แทบไม่ต้องไปแต่งอะไรเลยมันก็สปอร์ตตามคำโฆษณา การบังคับควบคุมทำได้ดีมากพวงมาลัยเซ็ตน้ำหนักมาดี เบรกก็ดีส่งผลให้เรามั่นใจได้เพราะไม่มีอาการหน้าทิ่ม ซึ่งสรุปได้ว่าฮอนด้าไม่ได้เซ็ตอัพช่วงล่างให้สปอร์ตจ้ามากเพราะจะทำให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันกระด้างไป หรือไม่ได้เซ็ตให้นิ่มมาก อันนั้นจะเวียนหัวไป เซ็ตไว้กลางๆ ค่อนไปทางหนึบ ใช่งานขับในเมืองหรือต่างจังหวัดสบาย แถมอยากสนุกก็รองรับได้ แถมเก็บเสียงดีชะมัด จนเสียงท่อดูผู้ดีมาก
- ในด้านตัวเลขความเร็วสูงสุดจาก 0-100 กม./ชม. ในรุ่น RS ทำได้ 8.3 วินาที ส่วนรุ่น EL และ EL+ ทำได้ 8.2 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ล๊อคไว้คือ 200 กม./ชม (ตัวเลขจากฮอนด้า)
ส่วนอัตราสินเปลืองที่เคลมไว้ 17 กม./ลิตรคงยากที่จะไปถึง ต้องเป็นพวกนักขับประหยัด ชีวิตจริงวันนี้ขับปรกติทำได้ 13-14 กม./ลิตร ซึ่งถ้าขับซัดตลอด มีเลข 8-9 ให้เห็นแน่นอน แต่ใครละจะอดใจได้มีรถแบบนี้ไว้ใช้งานจะมีห่วงคันเร่ง ยางแท่นเครื่อง ก็ใช่เรื่อง จริงไหมทุกคน มีโอกาสจะมารีวิว All New Honda Civic Gen 11 รุ่น EL+ ภาคต่อให้