ALL NEW MG3 เครื่องใหม่+เกียร์ใหม่ ลงตัวทุกการขับขี่ คุ้มค่า คุ้มราคา
ALL NEW MG3 เครื่องใหม่+เกียร์ใหม่ ลงตัวทุกการขับขี่ คุ้มค่า คุ้มราคา
ถึงคิวของน้องเล็ก MG3 ได้เวลาปรับโฉมใหม่ “แก้ไขจุดด้อยให้เป็นจุดขาย” กับเวอร์ชั่นปี 2018 ที่ต้องบอกว่าอัพเกรดมาตอบโจทย์แฟนๆ MG ได้อย่างถูกที่ถูกทาง ย้อนไปดูเมื่อปี 2015 กับเวอร์ชั่นแรกของรถสีลูกกวาด เวอร์ชั่น 5 ประตู ด้วยราคาที่ย่อมเยาว์ทำให้มันทำตลาดอย่างค่อยๆ เติบโต แต่ก็ได้รับเสียงคอมเม้นท์อยู่ไม่น้อยกับระบบเกียร์แบบ 5 สปีด SeleMatic ที่คนขับต้องเรียนรู้หลักการทำงานและจังหวะให้คุ้นชินถึงจะสนุกกับเกียร์แบบนี้ได้ แต่คนไม่ชอบก็มีเยอะ แน่นอนมันอยู่ในลิสซ์สิ่งที่ต้องเปลี่ยนในโมเดลล่าสุดด้วย ซึ่ง MG3 รุ่นแรกในไทย ยอดขายรวมตั้งแต่เปิดตัวอยู่ที่ 17,000 คัน เลยนะ! ถามว่าทำไมถึงต้องมาคุยเรื่องตัวเลข เพราะทีมงาน MG กระกาศว่าปีนี้เหลือไม่กี่เดือนยอดหมื่นคันมั่นใจขายชิวๆ “นึกในใจมันเจ๋งขนาดนั้นเลยหรือ? งานนี้ต้องมาหาคำตอบกัน”
ALL NEW MG3 มาพร้อมทางเลือกทั้งหมด 5 สี เหลือง-ทิวดอร์ เยลโล่ (Tudor Yellow), แดง-รูบี เรด (Ruby Red), ฟ้า-มารีนา บลู (Marina Blue), ขาว-อาร์กติกไวท์ (Arctic White) และดำ-แบล็คไนท์ (Black Knight) โดยมี 4 รุ่นให้เลือก ได้แก่ รุ่น C ราคา 519,000 บาท, รุ่น D ราคา 549,000 บาท, รุ่น X Sunroof ราคา 589,000 บาท และรุ่น V Sunroof ราคา 629,000 บาท สำหรับรุ่นที่นำมาทดสอบกันคือรุ่น V Sunroof เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เต็มถัง วิ่งบนเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งกระจาน-หัวหิน
ALL NEW MG3 ใช้ดีไซน์ที่ยังมีกลิ่นไอของเดิมอยู่ แต่เชื่อเถอะมันทำให้ความเป็นแบรนด์เป็นที่จดจำได้ง่าย สำหรับเวอร์ชั่นใหม่รุ่นนี้ปรับเปลี่ยนหลายจุดตั้งแต่หน้าจรดท้าย โดยเฉพาะความลงตัวของกระจังหน้าดีไซน์ใหม่และโคมไฟแบบโปรเจ็คเตอร์ที่ทำให้มันดูแตกต่างจากดีไซน์ของรถญี่ปุ่นในท้องตลาดอยู่ไม่น้อย ทีมงาน MG เล่าว่า MG3 เจนนี้ได้ DNA ของรถต้นแบบ MG E-Motion มาใส่ไว้เหมือนเป็นลายเซ็นท์ ใครเห็นจะได้รู้ว่าดีไซน์แบบนี้คือ MG ซึ่งถูกนำมาใช้ในรถรุ่นต่างๆ ต่อไปด้วย แต่สิ่งที่หลงเหลือไว้คือสีแบบทูโทนตัดกันบนล่างที่ไม่ค่อยมีค่ายไหนทำกันมันดูเหมือนรถเปิดประทุนเหร่อ? น่าจะใช่แต่ลูกเล่นเหล่านี้คือความกล้าที่จะต่าง ไม่ต้องไปตามใคร ถือเป็นเรื่องดีนะใครชอบแบบนี้ อีกอย่างที่ทำให้มันขายได้คือรูปทรงแบบแฮชแบคพิมพ์นิยม แม้ใครบอกว่าตลาดบ้านรถรถซีดานยังไงก็ขายดีกว่าใช่ไม่เถียงแน่ แต่รถ 5 ประตูวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานชอบเพราะมันดูสปอร์ต และสะดวกสบายในการขนสัมภาระมากกว่า
รุ่นนี้ที่นำมาแนะนำกันเป็น ALL NEW MG3ตัวท๊อปรุ่น V ได้ล้อแม็กสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว ส่วนสุดท้ายที่ชอบมากแต่ไม่ได้ใช้คือเจ้า “ซันรูฟปรับไฟฟ้า” พร้อมเฉดปิดกันแดด ไม่ต้องไปติดฟิล์มให้วุ่นวายเหมือนพวกกระจกพาโนรามิกในรถหรู ส่วนใช้ต่อไปยาวๆ จะเป็นไงตอนนี้ยังไม่รู้ แต่เชื่อว่าหลายอย่างแบรนด์นี้น่าจะทำการบ้านมาหนักพอดู ซึ่งถ้าใครอยากได้ทั้งล้อแบบนี้ และซันรูฟมองไปที่รุ่น X (รองท๊อป) และ V (ท๊อป)
เปิดประตูสำรวจภายใน ALL NEW MG3 สร้างความตื่นเต้นไม่น้อยกับลูกเล่นของคอนโซลหน้า จนถึงกับต้องอ้าปากค้าง ทุกสิ่งอย่างก่อนชื่นชมมันต้องดูที่งบประมาณด้วยรถราคา 5-6 แสน กับสิ่งที่ได้ถือว่าทำได้ดี แต่คงต้องปรับเรื่องของแผงประตูข้าง และจุดวางแก้วน้ำให้มันสะดวกกับการใช้งานจริงมากขึ้น ทั้งเรื่องขนาดของแก้วน้ำและองศาของช่องใส่ ด้านเบาะนั่งเป็นแบบหนานุ่มลายโมเดิร์นกราฟฟิกเข้ากันกับคอนโซน โอบกระชับดี ยิ่งตำแหน่งที่นั่งด้านหลังสะดวกสบายกว้างมาก โดยเฉพาะพื้นที่เหนือศรีษะ ให้ทัศนะวิสัยโปรงโล่ง เบาะหลังยังพับได้แบบ 60:40 ปรับได้ตามการใช้งาน อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทุกคนชอบ กับหน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ ใช้บริการผ่าน App เลือกเพลงจัดอัลบัมเองได้ จากทั่วโลก ส่งเสียงผ่านลำโพงถึง 6 ตัว ติดตั้งกล้องมองหลังมีเส้นกะระยะและสัญญาณเตือน
ไม่ลืมไปลองระบบ I-Smart สั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย “ฮัลโล เอ็มจี” สั่งระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง โทรออก และระบบนำทาง ซึ่งต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยคำสั่งการใช้งานอยู่พักหนึ่งกว่าจะเล่นได้คล่อง และย้ำว่า I-Smart ใน MG3 อัพเกรดฟังชั่นใหม่บนแผนที่นำทางกับการใช้งานหาร้านอาหารสุดเลิศผ่าน App WONGNAI หรือใช้งาน AGODA หาที่พัก โรงแรมระหว่างทาง รวมทั้ง Online Music ผ่าน Live Stream นอกจากนี้รถยังเชื่อมต่อกับมือถือของผู้ใช้งานผ่าน App ให้คุณสั่งเปิดปิดล๊อกรถได้ หรือเช็คสถานะน้ำมัน แบตเตอรี่ ระยะทางที่ขับได้ ตำแหน่งปัจจุบันของรถ เป็นต้น เจ๋งกว่ากันขโมยที่ติดกันก็คือเจ้า I-Smart นี่แหละท่านผู้อ่าน
I-Smart ของ MG ยังสามารถพัฒนาไปได้เรื่อยๆ จากการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ คล้ายๆ กับ APP ในมือถือ มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
ส่วนไฮไลท์ที่รอคอยของ ALL NEW MG3 กับเครื่องยนต์ใหม่ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร 112 แรงม้า ที่ยกมาจากรุ่นพี่ รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 ถ้าเทียบกับเครื่องเดิมเวอร์ชั่นแรกได้แรงม้าแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิมนิดหน่อย ชี้ชัดก็ 6 ตัว มาพร้อมเกียร์ใหม่แบบอัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode ลองขับแล้วต้องบอกว่ามันใช่มากการพัฒนารอบนี้ถือว่าดีทีเดียว กลายเป็นรถที่ขับสนุก ด้วยเกียร์ที่ลงตัว ให้ความจัดจ้านในแบบที่คุ้นเคย เรียกกำลังเป็นมาโดยเฉพาะในย่านความเร็วสูงแถมลื่นไหลดีเป็นบ้านตั้งแต่รอบกลางจนถึงปลาย แป๊ปเดียวไปถึง 160 กม./ชม. ส่วนช่วงออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไม่ถือว่าอืด ถามว่าเกียร์ลูกนี้ทำไม MG ถึงไม่ใช่ CVT แบบค่ายญี่ปุ่น อันนี้ตอบได้เลยถ้าคุณถามหาความคุ้มค่า ทั้งเรื่องการดูแลรักษา และความแข็งแรงเกียร์แบบ TORQUE CONVERTER ตอบโจทย์ที่สุด บางอย่างได้ของล้ำๆ มาสนุกช่วงแรก แต่ผ่านระยะทางการใช้งานค่าใช้จ่ายไม่สนุกด้วยนะ ใช้รถต้องมอง 5 ปี ถ้าไม่คิดขาย ไม่ต้องล้ำหน้าบ้างก็ได้ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองแบบไม่เป็นทางการเพราะกดคันเร่งตลอดทาง ทำได้ที่ 14 กม./ลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้กับทางต่างจังหวัด ส่วนในเมืองยังไม่มีตัวเลขทดสอบในทริ๊ปนี้
สิ่งที่สนับสนุนกับความสนุกของการขับขี่คือระบบช่วงล่างที่เซ็ตมาได้ฟิวลิ่งแบบสปอร์ตค่อนข้างหนึบ ซึ่งอาจไม่สะดวกสบายนักสำหรับคนนั่งไกลๆ แต่ถ้าอยากได้รถไว้ขับสนุกลืมเรื่องนี้ไปซะ ส่วนเบรกยังไม่เป็นดิสก์ 4 ล้อ ด้านหลังเป็นดรัมเบรกเหมือนเดิมตามราคาที่ได้ ซึ่งมันก็ใช้งานได้ดีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ระบบเจ๋งๆ ไปอยู่ที่ด้านความปลอดภัยใส่มาให้เยอะมากระดับรถเป็นล้านยังต้องหันมามอง ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว ป้องกันล้อหมุนฟรี ออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันการลื่นไถล ฯลฯ
“สรุปแล้ว ALL NEW MG3 รุ่นนี้เป็นพัฒนาการที่โดดเด่น จากการปรับจุดด้วยของรถที่เคยมี เพื่อตอบโจทย์ตามคำเรียกร้องได้อย่างรวดเร็ว เสริมด้วยเทคโนโลยีที่โดดเด่นเหมาะกับยุคสมัย และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ เครื่องกับเกียร์ชุดนี้ถือว่าเข้ากันได้ดี เหมาะกับสภาพการใช้งานของคนไทย คุ้มค่า คุ้มราคา เสียอย่างเดียวพวงมาลัยหนักไปนิดไม่สะดวกในเมืองแน่ ฝาก MG ลองเซ็ตกันดู”
SPECIFICATION
เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 1,498
อัตราส่วนกำลังอัด 11.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) 112/6,000
แรงบิดสูงสุด (นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที) 150/4,500
ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode
ระบบช่วงล่าง หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชั่นบีม
ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดรัมเบรก
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 45
ขนาดล้อและยาง 195/55 R16
น้ำหนักรถ (กก.) 1,190
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th