คุ้มมั๊ย? ลองขับ All New Subaru Forester 2.0i-L ประกอบไทย
โมเดลแรกที่กลับมาประกอบในประเทศไทย All New Subaru Forester แบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงจากเครื่องยนต์ Boxer และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive อันเป็นเอกลักษณ์มายาวนานหลายทศวรรษ…
นับตั้งแต่ Subaru เริ่มกลับมาทำตลาดอย่างจริงในประเทศไทยเมื่อราว 7-8 ปีก่อน XV ถูกใช้เป็นโมเดลหลักที่สร้างยอดขายให้พวกเขาจนกลับมาครองใจลูกค้าในบ้านเรา Forester คอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์ถูกวางตำแหน่งให้เป็นโมเดลรองเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากได้เอสยูวีขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อใช้งานแบบครอบครัวขนาดใหญ่
ด้วยดีไซน์ของ Forester เจเนอเรชั่นก่อนที่ค่อนข้างเป็นคนมีอายุ โดยเฉพาะกระจกหน้าขนาดใหญ่ที่ลูกค้าชาวไทยมองว่าเถอะถะเกินไป แต่กลายเป็นถูกใจคนอเมริกันที่เป็นตลาดสำคัญของรถรุ่นนี้ รวมทั้งช่วงแรกเป็นการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทำให้ราคาอยู่ระดับล้านปลายๆ ก่อนจะปรับลงมาเหลือ 1.3-1.6 ล้านบาท ในช่วงไมเนอร์เชนจ์ที่ย้ายมาประกอบที่มาเลเซีย ทำให้คนที่อยากใช้แบรนด์ Subaru เลือกซื้อ XV ที่มีอารมณ์สปอร์ตทันสมัยมากกว่าแทน
อย่างไรก็ตาม All New Subaru Forester ที่เปิดตัวครั้งแรกของโลกในงานนิวยอร์ก อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้โชว์ เมื่อต้นปี 2018 ปรับเปลี่ยนดีไซน์ตัวถังใส่เส้นสายมากขึ้น ถึงจะเก็บกระจกหน้าขนาดใหญ่ไว้เหมือนเดิม แต่ความแตกต่างสำคัญของประเทศไทยคือการที่ Tan Chong International บริษัทแม่ของ Motor Image ตัวแทนจำหน่าย Subaru อย่างเป็นทางการใน 9 ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก เปิดโรงงานประกอบรถยนต์รุ่นนี้อย่างเป็นทางการในบ้านเรา ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ทำให้ All New Forester สามารถตั้งราคาอยู่ระหว่าง 1,030,000-1,130,000 บาท จนทำให้ครอสส์โอเวอร์เอสยูวีแบรนด์อื่นต้องหนาวๆ ร้อนๆ กันเป็นแถว รวมถึงโมเดลยอดนิยมของพวกเขาเอง XV อาจจะได้ผลกระทบจากการที่เพิ่มเงินอีกเพียง 15,000 บาทจากรุ่นท็อป 2.0i-P ก็สามารถขยับขึ้นมาเป็น Forester ที่มีขนาดใหญ่กว่า
เปรียบเทียบราคา All New Forester & Compact SUV ในประเทศไทย (คลิกรูปเพื่อขยาย)
***ราคาของ All New Forester ไม่รวมอุปกรณ์เสริม (Option Pack) ที่จะต้องจ่าย 300,000 บาท ในรุ่น 2.0i-L และ 320,000 บาท สำหรับรุ่น 2.0i-S กับ 2.0i–S ES เพื่อจะได้รับประกันคุณภาพ 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมงระยะเวลา 3 ปี และเซ็นเซอร์ถอยหลัง โดยหากไม่ซื้อเพิ่มระยะเวลารับประกันรถยนต์จะอยู่ที่เพียง 6 เดือนเท่านั้น
Choose as you Like
รู้ที่มาที่ไปคร่าวๆ ของ All New Subaru Forester เป็นที่เรียบร้อย ลองเปิดประตูรถมาสัมผัสภายในให้ละเอียดมากขึ้น โดยรถทดสอบที่ถูกส่งมาให้ Grand Prix Online เป็นตัวล่างสุด 2.0i-L แต่อย่างเพิ่งผิดหวัง เพราะความแตกต่างน้อยมากหากเทียบกับรุ่นกลาง 2.0i-S ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 30,000 บาท
ออปชั่นหลักๆ ที่ทำให้คนที่กำลังมอง Subaru Forester เลือกว่าจะซื้อตัวไหนคงหนีไม่พ้นการเปิด-ปิดประตูท้าย หากเป็นรุ่น 2.0i-L ต้องอาศัยแรงตัวเองในการเปิด-ปิด แต่ 2 รุ่นบนจะเป็นระบบไฟฟ้ากดปุ่มอย่างเดียว และสามารถบันทึกตำแหน่งความสูงได้อีกด้วย
ในส่วนของอุปกรณ์อื่นๆ ขนาดล้อจะเป็น 17 นิ้ว ใส่ยางไซส์ 225/60 โดย 2 รุ่นบนจะเป็นล้อ 18 นิ้ว 225/55, ชุดไฟหน้า Forester 2.0i-L จะใช้ LED ปรับระดับอัตโนมัติเหมือนกัน แตกต่างตรงที่ไฟตัดหมอกหน้าจะไม่ใช่ LED เช่นเดียวกับไฟ Day Time Running Light จะเป็นหลอดฮาโลเจน และไฟหน้าไม่ปรับตามทิศทางตามการเลี้ยวของพวงมาลัย, แป้นคันเร่ง-เบรกเป็นสีดำปกติไม่ได้หุ้มอลูมิเนียม และไม่มีสัญญาณเตือนขณะถอยจอด แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะทุกรุ่นจะมีกล้องแสดงภาพด้านหลังติดตั้งมาอยู่แล้ว รวมถึงเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าจุดนี้ต้องยอมรับว่า Subaru ใจถึงที่ใส่มาให้ หากเทียบกับแบรนด์อื่นที่บางครั้งรุ่นล่างเบาะฝั่งคนนั่งต้องปรับมือ
อย่างไรก็ตามใครชอบรถออปชั่นเต็ม อดใจรอรุ่นท็อป Forester 2.0i-S ES ที่จะเป็นการนำระบบความปลอดภัย EyeSight มาใช้งานในรถยนต์ Subaru ที่ขายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถึงจะตั้งราคาไว้ที่ 1,130,000 บาท แต่สิ่งที่ได้มาถือว่าคุ้มค่าทั้งระบบเบรก-จัดการกำลังเครื่องยนต์ก่อนชน, ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากช่องจราจร, ระบบควบคุมความเร็วคงที่แปรผัน-การเตือนรถคันหน้าเคลื่อนตัว และระบบความปลอดภัยเสริมรอบคัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับบนท้องถนนแบบบ้านเรา
เปรียบเทียบขนาดตัวถัง Subaru Forester vs. Subaru XV
Forester | XV | |
ความยาว (มม.) | 4,625 | 4,465 |
ความกว้าง (มม.) | 1,815 | 1,800 |
ความสูง (มม.) | 1,730 | 1,615 |
ความยาวช่วงล้อ (มม.) | 2,670 | 2,665 |
น้ำหนักรถรวมอุปกรณ์มาตรฐาน (กก.) | 1,538 | 1,435 |
ความจุถังเชื้อเพลิง | 63 | 63 |
Drive!
อย่างที่บอกว่า All New Forester ทั้ง 3 รุ่นย่อยมีความแตกต่างแค่อุปกรณ์เสริม แต่หากพูดถึงเรื่องสมรรถนะการขับขี่ Subaru ไม่ยอมให้ราคามาขัดขวางการมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของพวกเขาอย่างแน่นอน
เครื่องยนต์เบนซินลูกสูบนอน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงตรงขนาด 2.0 ลิตร รหัส FB20 ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘กำลังที่มากขึ้น-สมดุลที่เหนือชั้น-เสถียรภาพที่สูงขึ้น-การเข้าโค้งที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม’ ทำให้มีกำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที
ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามข้อมูลอีโคสติกเกอร์ Forester 2.0i-L รวมทั้ง 2 รุ่นบนที่ต้องเติมแก๊สโซฮอลล์ 95 ขับเป็นระยะทาง 100 กิโลเมตรจะใช้น้ำมัน 7.6 ลิตรหรือพูดง่ายๆ คือ 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ระหว่างทดสอบขับจริงด้วยสภาพการจราจรของกรุงเทพมหานครที่แสนสาหัสในช่วงนี้ตัวเลขที่ออกมาอยู่ในราว 10-11 กิโลเมตรต่อลิตรก็ถือว่าพอยอมรับได้
เมื่อออกสู่ถนน All New Forester สามารถเรียกกำลังจากเครื่องยนต์ Boxer ออกมาได้ตามใจต้องการ ระบบเกียร์ Lineartronic CVT ตอบสนองรวดเร็ว พร้อมทั้งระบบ SI-DRIVE เลือกรูปแบบการขับหากเป็นโหมด [I] Intelligent— จะเพิ่มความนุ่มนวลในการขับ และควบคุมเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเรียกง่ายๆ เป็นเหมือนโหมดประหยัด และอีกปุ่มที่อยู่ใกล้กัน [S] Sport— คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากตรงตามตัว รอบเครื่องรถยนต์เพิ่มขึ้นสูงรอที่จะพุ่งทะยานออกไปทันทีที่กดคันเร่ง
อัตราเร่งของ All New Forester ถือว่าขับสนุกตอบสนองในทุกครั้งที่กดคันเร่งลงไป แม้ว่าขุมกำลังจะยกมาจากรุ่นซับคอมแพ็กต์ XV จะไม่ได้ปรับจูนอะไรให้แตกต่าง ยกเว้นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถูกอัพเกรดจาก Symmetrical AWD กลายเป็น Active Torque Split AWD System เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเกาะถนนมากขึ้น และหากใครต้องการความเร้าใจก็แค่ปัดเกียร์เข้าสู่ Manual Mode ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์จาก Paddle Shift บริเวณด้านหลังพวงมาลัยที่จะมีสัญลักษณ์ช่วยบอกให้คนขับรู้ด้วยว่าควรจะเชนจ์เกียร์ขึ้นหรือลดต่ำลงมา
จุดเด่นอีกอย่างของรถยนต์ Subaru ยุคใหม่จะเป็นโครงสร้างตัวถัง Subaru Global Platform ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนของตัวรถ และเสียงรบกวนที่เข้าสู่ห้องโดยสาร เท่าที่ทดสอบด้วยการเปลี่ยนเลนกระทะหันช่วงความเร็วประมาณ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาการโคลงตัวของรถแทบจะไม่รู้สึกเหมือนกับที่พวกเขาบอกไว้จริงๆ และเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในเวลาเดียวกัน รวมทั้งการมีระบบกระจายแรงบิด Active Torque Vectoring ทำให้การเข้าโค้งมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม
อีกความแตกต่างของ Forester 2.0i-L จะเป็นระบบ X-Mode แบบเก่าที่จะควบคุมการส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่ล้อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าการขับแบบปกติ และการตอบสนองของระบบช่วยเหลือที่ติดตั้งมาจะรวดเร็วกว่าปกติในการลุยเส้นทางโหดๆ แต่ไม่สามารถเลือกได้ละเอียดเท่า Special X-Mode เวอร์ชั่นใหม่ที่จะอยู่ใน 2 รุ่นบนของ Forester ที่ขายในบ้านเรา โดยสามารถปรับเลือกการขับตามสภาพถนนที่แตกต่างทั้งหิมะ (Snow), กรวดทราย (Dirt) และโคลน (Mud) ที่อาจไม่จำเป็นหากคุณไม่ใช่สายลุยตัวจริง X-Mode แบบเดิมก็มากเพียงพอ
ตอนนี้อาจจะฟันธงลงไปเลยไม่ได้ว่าควรเลือกซื้อรุ่นย่อยใดสำหรับ All New Subaru Forester จากการที่มีโอกาสทดลองขับเพียงแค่ 2.0i-L แต่เท่าที่บอกได้คือหากคุณคิดว่าการใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ได้ลุยบุกป่าฝ่าดง และพอจะช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ได้มีปัญหากับการปิดประตูท้ายของรถเอสยูวีไซส์กลาง แค่อยากได้สมรรถนะการขับที่ยอดเยี่ยมของ Subaru การตัดสินใจเลือกซื้อตัวล่างสุดก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว
(คลิกเพื่อขยาย) Specification All New Subaru Forester 2.0i-L
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ภาพ พิศวัส พงษ์พุฒิโสภณ
ขอบคุณข้อมูล: ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th