ในฐานะโมเดลที่พลิกฟื้นแบรนด์ Subaru ให้กลับมาเป็นที่รู้จักในประเทศไทย และแถบอาเซียนอีกครั้ง ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่เจเนอเรชั่นใหม่ของ All-new XV จะถูกคาดหวังสูงขึ้นทั้งสมรรถนะการขับขี่ และความอเนกประสงค์ในการใช้งานของรถคอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์รุ่นนี้

แต่ต้องยอมรับก่อนว่าครั้งแรกที่เห็นรถคันจริงในงานเปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว รูปทรงภายนอกของ All-new XV ดูไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนเท่าไรนัก ตามข้อมูลของ Subaru บอกว่าแนวทางการดีไซน์หลักพยายามรักษาความเป็นคอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์ที่พร้อมลุยทุกสภาพถนน แต่เพิ่มอารมณ์สปอร์ตเข้ามาภายใต้หลักปรัชญาการออกแบบ “Dynamic x Solid” ปรับเปลี่ยนกระจังหน้าเป็นแบบ Hexagonal สัญลักษณ์ยุคใหม่ของแบรนด์ และไฟหน้าที่ดูเฉียบคมเหมือนตาของนกเหยี่ยว เช่นเดียวกับรูปทรงไฟท้ายที่สอดรับกัน รวมทั้งเพิ่มเส้นสายด้านข้างให้มีความดุดัน

แต่หลายคนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ Subaru อาจจะบอกว่าหน้าตาหรือรูปทรงของรถไม่ได้มีความสำคัญในความคิดของพวกเขา ตราบใดที่เครื่องยนต์ Boxer ที่มีชื่อเสียงมายาวนานของแบรนด์นี้มอบสมรรถนะการขับที่สนุกเร้าใจเหมือนเดิม

ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Subaru XV เจเนอเรชั่นที่ 2 อยู่ที่เครื่องยนต์ใหม่ Boxer 2.0 ลิตร (FB 20) ที่มีการปรับเปลี่ยนในหลายจุดสำคัญ ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนใหม่ 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้น้ำหนักเบากว่าเดิม 12 กิโลกรัม แต่ให้กำลังสูงขึ้น 156 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร โดยเคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 10.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 194 กม./ชม.

แต่พอได้ลองขับจริงบนถนนเครื่องยนต์ Boxer 2.0 ลิตร ไม่ได้ตอบสนองดุดันอย่างที่คาดหวัง ในเวลาที่ต้องการกดคันเร่งทำความเร็วแซงรถคันอื่น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะระบบเกียร์ใหม่ CVT 7 สปีด เพิ่มช่วงอัตราทดเกียร์ให้กว้างขึ้น และให้ความสำคัญกับการประหยัดเชื้อเพลิง (14.3 กม./ลิตร; การทดสอบในสภาวะรวมตามมาตรฐาน Eco Sticker)

อย่างไรก็ตามหากเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรแบรนด์อื่น All-New XV ยังให้อารมณ์การขับที่เร้าใจกว่ามาก ส่วนหนึ่งมาจากประสิทธิภาพในการเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD System ที่เป็นอีกหนึ่งจุดขายของ Subaru

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Subaru ถูกติดตั้งในรถยนต์ทุกรุ่นของพวกเขา ทำให้ทุกคนที่มีโอกาสสัมผัสรถยนต์แบรนด์นี้ครั้งแรกจะรู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่างในการควบคุม และประสิทธิภาพในการเกาะถนน รวมทั้งพวงมาลัยที่ควบคุมง่ายของ All-New XV ทำให้อารมณ์การขับใกล้เคียงกับรถยุโรปเหมือนที่ Mazda คู่แข่งร่วมชาติของพวกเขาประสบความสำเร็จกับรถยนต์ในเจเนอเรชั่น Skyactiv ในเวลานี้

อีกความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ All-New XV มาจากการพัฒนาภายใต้โครงสร้างตัวถังใหม่ Subaru Global Platform ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้สูงขึ้นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ซึ่งจะลดการสั่นสะเทือน และเพิ่มสมรรถนะการยึดเกาะถนน รวมทั้งเสียงรบกวนในห้องโดยสาร และความรู้สึกนุ่มนวลระหว่างเดินทาง

นอกจากนี้เพื่อยกระดับความปลอดภัย All-New XV ติดตั้งระบบ X-Mode ที่จะช่วยเหลือการขับบนทางขึ้น-ลงเขาที่ลาดชันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการควบคุมเครื่องยนต์, ระบบขับเคลื่อนล้อ และระบบเบรก รวมถึงการตั้งค่า Hill Descent Control ควบคุมความเร็วให้ลดต่ำลงในการขับบนพื้นที่เนินเขาลาดชัน

ในส่วนที่เป็นจุดขายการใช้งานแบบครอบครัวในฐานะรถครอสส์โอเวอร์เอสยูวี All-New XV มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยความยาวรวม 4,465 มม. (เพิ่มขึ้น 15 มม.), ความกว้าง 1,800 มม. (เพิ่มขึ้น 20 มม.), ความสูง 1,615 มม. และความสูงจากพื้นถนนถึงตัวรถ 220 มม. ทำให้การออกแบบเบาะนั่งผู้โดยสารมีความสบายมากกว่าเดิม รวมทั้งติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual-Zone, ควบคุมระบบความบันเทิงผ่านหน้าจอมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ และหน้าจอแสดงผลร่วม แสดงข้อมูลสำคัญสำหรับการใช้งานที่มารองรับการเล่นดีวีดี และเอ็มพี 3 เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB, AUX, HDMI, Bluetooth หรือ NFC

ในการใช้งานแบบครอบครัว หากต้องขนของที่มีขนาดใหญ่ เบาะแถวที่สองสามารถพับลงในระนาบเดียวกับพื้นห้องเก็บสัมภาระที่รองรับการบรรทุกได้สูงสุด 1,240 ลิตร โดยบริเวณห้องโดยสารมีการเพิ่มช่องเก็บของหลายจุดทั้งด้านหน้า และด้านหลังสะดวกในการใช้งานแบบรถอเนกประสงค์

เรียกได้ว่า All-New Subaru XV มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งคนขับที่อยากได้รถที่มีสมรรถนะการขับที่สนุกเร้าใจ แต่สามารถพาสมาชิกในครอบครัวออกไปเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถือเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหารถคอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์ไว้ใช้งาน

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: ทีซี ซูบารุ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th