ลองขับ All New Suzuki Swift 2018 โดดเด่นมีสไตล์ ขับสนุก ช่วงล่างแน่น แถมประหยัดกว่าเดิม
หลังจากบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัว All New Suzuki Swift โฉมใหม่ เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่นานมานี้ แล้วเจ้าพ่อรถยนต์อีโคคาร์ก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง เพราะเจ้าสวิฟท์ ใหม่คันนี้ มาในฐานะอีโคคาร์เฟส2 ที่มีข้อกำหนดเงื่อนไขมากกว่าเฟส1 ยกตัวอย่างเช่น ต้องผ่านมาตรฐาน EURO5 ต้องมีอัตราประหยัดไม่ต่ำกว่า 23 กิโลเมตรต่อลิตร และต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย ระบบป้องกันล้อล็อค( ABS )ระบบควบคุมการทรงตัว( ESC/ESP/VSC)เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย จึงทำให้เจ้า สวิฟท์ ใหม่ คันนี้จัดเต็มทั้ง รูปลักษณ์ภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ Dual Jet หัวฉีดคู่ และระบบเพื่อความปลอดภัยครบครัน แถมยังมีแพลตฟอร์มใหม่ Heartect ที่ช่วยทำให้น้ำหนักน้อยลง ประหยัดน้ำมัน แข็งแกร่ง และมั่นใจมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ยอดจองที่ผ่านมาเพียงแค่ 2 อาทิตย์ มีลูกค้าจองไปแล้วประมาณ 1 พันกว่าคัน นับว่าเปิดมาได้ดีทีเดียวสำหรับรถยนต์อีโคคาร์คันนี้
สำหรับ All New Suzuki Swift มาด้วยรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมด ออกแนวสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเก่า ด้วยมิติตัวถังที่ สั้นลงกว่า และเตี้ยลงกว่ารุ่นก่อนหน้า ทำให้ฟิลลิ่งการขับขี่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน และในครั้งนี้ ทางซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชน บินจากกรุงเทพ มาเข้าร่วมทดสอบเจ้าซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่คันนี้ กันที่จังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าจะเป็นเพียงระยะทางไม่ไกลมากประมาณ 80 กิโลเตร แต่ครบทุกสภาพถนนครับ ทั้งขึ้น-ลงเขา โค้งซ้ายสลับขวา ทางตรงยาวๆ และวิ่งในเมือง เรามาดูกันว่า ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ คันนี้จะจื๊ดจ๊าด และดีกว่ารุ่นก่อนหน้าขนาดไหน รุ่นที่เรามาทดลองขับในครั้งนี้เป็น รุ่น GLX และรุ่น GLX-NAVI ราคา 609,000 บาท และ 629,000 บาท
เรามาเริ่มวนดูรอบรถกันคร่าวๆก่อนเราดีกว่า รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนใหม่ สปอร์ตมากขึ้น เส้นสายชัดเจน โดยโครงสร้างตัวถังเป็นแพลตฟอร์มใหม่ Heartect ที่เน้นความแข็งแกร่งมากขึ้น และมีน้ำหนักที่เบาลงกว่าเดิม รวมไปถึงการออกแบบภายในที่กว้างขวางและโปร่งกว่าเดิม แม้มิติตัวถังจะเล็กกว่ารุ่นเก่า ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ ปรับระดับสูงต่ำได้ พร้อม Daytime Running Light ดูหรูหราและโฉบเฉี่ยว กระจังหน้าดีไซน์เป็นแบบรังผึ้ง ดูสปอร์ตตัดด้วยเส้นสีแดงยิ่งดูโดดเด่นเข้าไปใหญ่ แต่ผมติดตรงที่การเลือใช้วัสดุตรงกระจังหน้าดูเหมือนเกรดพลาสติกที่ใช้รุ่นก่อนหน้าจะดูดีกว่าหนาและแข็งแรงกว่า มือจับด้านหลังดีไซน์ให้เรียบเนียนไปกับตัวรถ ทำให้รถดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ไฟหลังเป็น LED ที่ดีไซน์ออกมาได้ดูดีหรูหราที่เดียวครับ ภายนอกทั้ง 2 รุ่นเหมือนกันหมดเลยจร้า ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 185/55R16 และ ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ รองรับน้ำมันได้ถึง E20
เรามาดูขนาดของ ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ คันนี้กันเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้ามันเป็นเป็นอย่างไร ฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร กว้างกว่ารุ่นก่อนหน้า 20มิลลิเมตร ช่วงล้อหน้ากว้าง 1,520 มิลลิเมตรกว้างกว่าเดิม 30 มิลลิเมตร ล้อหลังกว้าง 1,525 มิลลิเมตร กว้างกว่าเดิม 30 มิลลิเมตร ความยาว 3,840 มิลลิเมตร สั้นกว่ารุ่นก่อน 10 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,753 มิลลิเมตร กว้างกว่ารุ่นก่อน 40 มิลลิเมตร ความสูง 1,495 มิลลิเมตร เตี้ยกว่ารุ่นก่อนหน้า 15 มิลลิเมตร
เปิดประตูมาดูภายในมั้งดีกว่า ออกแบบใหม่ทั้งหมดโทนสีดำได้อารมณ์สปอร์ต ห้องโดยสารกว้างขวางกว่ารุ่นก่อน นั่งสบายกว่า คอนโซลกลางด้านหน้าเบนเข้าหาคนขับ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย แหมม เหมือนรถยุโรปบางรุ่นเลย พวงมาลัยแบบสามก้านแบบ D-Shape คล้ายรถยุโรประดับหรูแถมช่วยให้เพิ่มพื้นที่วางขามากขึ้น พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และ ครูสคอนโทรล ช่องแอร์บริเวณกลางคอนโซลแบบวงกลมให้อารมณ์รถสปอร์ต ช่องแอร์ด้านข้างยังคงเป็นสี่เหลี่ยมเช่นเดิมมีการออกแบบใหม่ให้ขนาดเล็กลง และยาวขึ้น มาตรวัดออกแนวสปอร์ตตกแต่งด้วยเส้นสีแดงดูแล้วซิ่งมากทีเดียวพร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ดูดีกว่าเดิมเยอะเลย
เบาะนั่งก็ถูกดีไซน์ใหม่ขยายปีกรับสรีระมากขึ้นนั่งสบายกระฉับตัวดี ส่วนระบบเอนเตอร์เทรนเม้นท์นั้นเจ้ารุ่น GLX-NAVI มาพร้อมจอขนาด 7นิ้วรองรับความบันเทิงได้หลากหลายและฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ มีระบบนำทางด้วย แถมด้วย Apple Car Play ส่วนตัวรุ่น GLX ไม่มีจอนะจ๊ะเป็นวิทยุ CD MP3 WMA พร้อมระบบ Bluetooth ใครอยากได้จอก็ต้องเพิ่มเงินไป 2 หมื่นนะจ๊ะ ต่างกันแค่นี้จร้าสำหรับทั้งสองรุ่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอ LCD ออกแบบเป็นทรงกลม 3 วงดูเท่ห์ไม่เบา ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ดูภายในคร่าวๆจนหน่ำใจเราออกไปขับกันเลย
เริ่มออกเดินทางจากโรงแรม FLORA CREEK ซึ่งตั้งอยู่บนเขาแถวอำเภอสะเมิง แน่นอนเรามาลองทางขึ้น-ลงเขากันเลยว่า ออกมาก็เจอทางลงเขาเลย แถมมีโค้งซ้าย-ขวาสลับกัน โค้งลึก โค้งกว้าง เจอหมดครับแต่ระบบช่วงล่างของ สวิฟท์ ใหม่ คันนี้ ที่ถูกออกแบบมาให้เชื่อมต่อกันทำงานคู่กับโช็คอัพแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง ในด้านหน้า และแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง ซึ่งได้ถูกปรับเซ็ทมาใหม่ ทำออกมาได้ดีเยี่ยมมากครับเพราะทำให้การเค้าโค้งด้วยความเร็วสูงตอนลงทำได้อย่างมั่นใจ เนียนกริบครับ แน่น หนึบมากครับ แถมตัวรถยังไม่มีอาการโคลงให้ได้สัมผัส เข้า-ออกโค้งได้แบบสบายๆเลย แต่ถ้าลงมาเร็วสูงมากและเข้าโค้งไปเลยบางจังหวะอาจจะเกิดอาการโอเวอร์สเตียร์แต่ระบบ ESP ของเจ้าคันนี้ช่วยเราได้ครับดึงรถกลับมาอยู่ในโค้งได้อย่างสบาย (แต่อย่าให้มันทำงานบ่อยเลยครับเพราะถ้าเจ้าระบบนี้ทำงานแสดงว่าคุณขับเร็วเกินไปแล้วอันตรายมาก ผมว่าให้ระบบนี้เอาไว้ช่วยยามฉุกเฉินจะดีกว่าครับ )พวงมาลัยควบคุมง่ายและเฉียบคมแม่นยำดีครับ
ลงมาถึงด้านล่างมีทางตรงยาวๆให้เราได้ลองเครื่องยนต์ตัวใหม่แล้วมันจะเจ๋งขนาดไหนนะ ขุมพลังเบนซิน K12M 4 สูบ DOHC ขนาด 1.2 ลิตร Dual Jet ให้กำลังแรงม้าที่ 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ซึ่งทั้งแรงม้าดูเหมือนจะน้อยกว่ารุ่นก่อน และแรงบิดเท่ารุ่นก่อน แต่แรงบิดเครื่องยนต์ตัวใหม่จะมาในรอบที่ต่ำกว่า (รุ่นก่อนหน้าจะมาที่ 4,800 รอบต่อนาที) ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มอิเล็กทริกปั้มเข้าไปช่วยให้สร้างแรงดันไปที่ปั้มทำให้เกียร์สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับใส่โปรแกรมและซอฟแวร์ใหม่ลงไปมาดูกันว่ามันจะนุ่มลื่นขนาดไหน
กดคันเร่งลงไปก็สัมผัสได้เลยว่ามันวิ่งดีกว่ารุ่นเก่าเยอะ ที่ผมเทียบได้เพราะผมใช้งานรุ่นก่อนหน้าอยู่ทุกวัน อัตราเร่งทำได้ดีกว่ารุ่นเก่า ขับสนุกมากทีเดียวครับทอร์คมาดีกว่ารุ่นเก่าเยอะ กดคันเร่งลงไปความเร็วเพิ่มขึ้นแบบทันใจครับ การเร่งแซงก็ไม่มีปัญหาสบายๆ บางจังหวะอาจจะต้องคลิกดาวน์ช่วย หรือไม่ก็กดปุ่ม S ด้านข้างหัวเกียร์ให้ช่วยแซงได้เร็วยิ่งขึ้น เกียร์ CVT ใหม่ลูกนี้ทำงานได้ลื่นไหล และต่อเนื่องดีครับ ดีกว่ารุ่นเก่าแบบเห็นได้ชัด ใช้ความเร็วสูงระดับประมาณ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นไปผมรู้สึกว่าหน้ามันรถมันไวไปหน่อย มีแอบเสียวตอนเจอถนนที่เป็นคลื่น อาจคงเป็นเพราะลมยางที่เติมมาให้แข็งเกินไป ลดความเร็วลงมานิดนึงรถวิ่งนิ่งขึ้นคุมง่าย หลุมบ่อบนถนนรูดผ่านไปได้อย่างนุ่มนวล ช่วงล่างดีจริงครับขอชม
ความคล่องตัวเมื่อขับผ่านบนถนนช่วงที่มีรถเยอะทำได้ดีมากครับสามารถลัดเลาะไปตามช่องว่างได้อย่างสบาย มีความคล่องตัวสูง ขับง่ายมากครับ เจอรถติดระบบ IdIing Stop ช่วยเราประหยัดมันได้ดีทีเดียวครับ เค้าเครมมาว่าเจ้าคันนี้ประหยัดน้ำมันได้ถึง 23กิโลเมตรต่อลิตร ส่วน 0-100 ได้อยู่ประมาณ 13 วินาทีครับ ขับมาเพลินๆถึงทางขึ้นเขาอีกแล้วมาดูกันว่าเคื่องยนต์ K12M Dual Jet 83 แรงม้า จะขึ้นเขาแบบสบาย หรือเหนื่อยครับ เจอทางขึ้นเขาชันทีเดียวครับกดคันเร่งลงไปเฮ้ยมันขึ้นได้แบบสบายๆไม่เหนื่อยไม่ต้องเค้นเครื่องเลย การเร่งแซงช้าบนเขาก็ทำได้ดีทีเดียว คลิกดาวน์ช่วยบางจังหวะแต่ก็ผ่านไปได้แบบไม่ต้องลุ้น แต่ถ้าเจอรถจอดคาบนทางลาดชันก็ไม่ต้องกลวนะครับเพราะเจ้านี่มีระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ไม่ต้องกลัวไหลจร้า หรือถ้าเจอฝนตกถนนเปียกลื่นยังมีระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นอีกต่างหาก จัดเต็มมากครับคันนี้
สรุป ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ คันนี้ ออกแบบมาได้โดนใจ ดูสปอร์ต เท่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เครื่องยนต์ใหม่ขับสนุกขึ้น อัตราเร่งดี แถมประหยัดน้ำมัน ตัวรถมีความคล่องตัวสูง ช่วงล่างแน่นๆเค้าโค้งหนึบๆ ตัวรถยังนิ่งเมื่อวิ่งด้วยความเร็วค่อนข้างสูง แถมยังนุ่มนวลเมื่อวื่งผ่านหลุมบ่อหรือรอยต่อของพื้นผิวถนน โครงสร้างแพลตฟอร์ม HEARTECT ช่วยให้น้ำหนักตัวรถเบาลง แต่แข็งแกร่งขึ้น ระบบช่วยในการขับขี่ รวมทั้งระบบความปลอดภัยมาแบบครบๆ ระบบความบันเทิงจัดเต็ม กับราคาเริ่มต้นที่ 499,000 – 629,000 บาท ผมว่าอีโคคาร์คันนี้คุ้มค่า น่าสนใจ ซื้อไปไม่มีผิดหวังครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th