ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS HYBRID “ขับสนุก นุ่ม หนึบ แถมประหยัด”
หลังจากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ปล่อยรถเก๋งขนาดกลางที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในประเทศไทย อย่าง ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS ที่ได้เปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมด และจุดเด่นสำคัญที่เรียกความสนใจของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ คือการที่โตโยต้าตัดสินใจนำเครื่องยนต์ไฮบริด เจนเนอร์เรชั่นที่ 4 มายัดลงเจ้า ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS และนั้นคือจุดแข็งที่เจ้าคันนี้เพราะมีให้เลือกหลากหลายเครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็น เบนซิน 1.6 เบนซิน 1.8 และเครื่องยนต์ไฮบริด ในขณะที่คู่แข่งอย่าง ALL-NEW MAZDA 3 มีให้เลือกเพียงเครื่องยนต์เดียว อีกจุดแข็งคงจะหนีไม่พ้นราคาที่เริ่มต้น 829,000 – 1,099,000 บาท ซึ่งรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดราคาเริ่มต้นที่ 939,000 บาท (ว้าว !! รถยนต์ไฮบริดราคาไม่ถึง 1 ล้าน)
ทางทีมงาน Grandprix Online ได้จดหมายเชิญให้เข้าร่วมการทดสอบ ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS HYBRID เครื่องยนต์ไฮบริด กันแบบสั้นๆเส้นทางกรุงเทพฯ – พัทยา ก่อนอื่นเรามารู้จักเจ้ารถคันนี้กันก่อนเลยดีกว่าครับ
รูปลักษณ์ภายนอกถึงแม้การดีไซน์จะดูธรรมดาไม่หวือหวาแบบคู่แข่ง แต่โดยรวมแล้วก็ดูหรูหราไฮโซขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า มองผ่านๆเหมือนกับรุ่นที่อย่าง TOYOTA CAMRY เลยทีเดียว มาพร้อมแพลตฟอร์ม TNGA เช่นเดียวกับ TOYOTA PRIUS, TOYOTA CAMRY และ TOYOTA C-HR ดีไซน์ภายนอกของ ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID เส้นสายหนักแน่นเด่นชัดรอบคัน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง ไฟหน้า LED Projector ทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ สามารถเปิดและปิดได้อัตโนมัติ รวมถึงการส่องสว่างในช่วงกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights และเสริมโครเมียมทั้งบริเวณกระจังหน้าและกันชนให้ความรู้สึกหรูหราผสมกับความสปอร์ตด้วยตะแกรงสีดำขนาดใหญ่บริเวณกันชน ซึ่งเป็นแนวทางออกแบบคล้ายกับ Camry โฉมปัจจุบัน ด้านไฟท้ายมาในรูปแบบ LED Rear Lamps สะดวกสบายด้วยการปลดล็อกประตูอัตโนมัติด้วยระบบเปิดประตูอัจฉริยะ พร้อมด้วยล้ออัลลอย 17 นิ้ว
เรื่องรูปทรงภายนอกดู ALL-NEW MAZDA 3 จะได้เปรียบกว่าเพราะมีให้เลือกทั้ง ซีดาน 4 ประตู และ แฮทช์แบค 5 ประตู ให้เลือก แถมการออกแบบภายนอกยังดูโดดเด่นแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเมื่อมองมาที่ ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID มันก็ดูหรูหราขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่มันยังไม่โดดเด่นจนต้องว้าวเท่าไหร่นัก ซึ่งทั้งสองรุ่นน่ามีมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันอยู่พอสมควร แต่สิ่งที่น่าผิดหวังเล็กน้อยเห็นจะเป็นการที่ All-new Toyota Corolla Altis 2019 ไม่มีตัวถัง 5 ประตู แฮทช์แบค ให้เลือกในไทย
ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS
ยาว x กว้าง x สูง : 4,630 x 1,780 x 1,435 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,700 มิลลิเมตร
TOYOTA COROLLA ALTIS (รุ่นก่อนหน้า)
ยาว x กว้าง x สูง : 4,620 x 1,775 x 1,460 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,700 มิลลิเมตร
ALL-NEW TOYOTA COROLLA ALTIS เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าจะเห็นว่า ยาวขึ้น 10 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 5 มิลลิเมตร และเตี้ยลง 25 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อเท่าเดิม
ภายในกว้างขวาง ทันสมัย ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการตกแต่ง ให้ความรู้สึกเรียบหรู ออกแบบคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเป็นหลัก แต่ผมว่าคอนโซลมันใหญ่ไปนิดทำให้เบาะหน้าฝั่งคนนั่งรู้สึกอึดอัดไปหน่อย เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator รองรับ T-CONNECTระบบปรับอากาศอัตโนมัติแต่แยกอุณหภูมิ ซ้าย –ขวา ไม่ได้ ยังดีที่ให้ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร Nanoe มันช่วยสร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบเพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรคได้ดี โอ้ว !อันนี้ดีงามคู่แข่งไม่มี Wireless Charger กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ แน่นอนมี Auto Brake Hold และ Electric Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้ามาให้ ด้านหลังไม่ต้องกลัวร้อนเพราะช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง และม่านบังแดดที่กระจกหลัง เบาะนั่งปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับเมมตำแหน่งการนั่งไม่ได้ ด้านหลังนั่งสบายกว่าคู่แข่งคอนเฟริ์ม อ่ออีกอย่างครับเจ้า ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID วางแบตเตอรี่ไว้ใต้เบาะนั่งโดยสารแถวหลัง ติดตั้งพัดลมระบายความร้อนช่วยให้ลดความร้อนของตัวแบตเตอรี่ และไม่ได้ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังลดลง
เราเริ่มการทดสอบกันที่ TOYOTA DRIVING EXPERIENCE PARK เป็นสนามปิดก่อนออกไปขับบนถนนจริง มาลองขับในสเตชั่นที่ทางโตโยต้าจัดให้ก่อนที่มีทั้ง สเตชั่นสลาลม (Slalom) ทดสอบแบบเปลี่ยนเลนกระทันหัน (LaneChange) ทดสอบอัตราเร่ง (Acceleration) บนสภาพถนนที่แตกต่าง พร้อมทดสอบระบบเบรก (ABS) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Break Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) บนสภาพพื้นผิวธรรมดาและพื้นผิวลื่น โดยสถานีนี้ได้รับการออกแบบให้มีทั้งพื้นผิวเปียกและแห้งทั้งพื้นผิวปกติและพื้นผิวลื่น
ทดสอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์จาก 0 – 100 ทดสอบความสามารถของรถยนต์ในการเข้าโค้งเพื่อทดสอบอาการของรถยนต์เวลาเข้าโค้ง พื้นที่จำลองสภาพพื้นผิวถนน 8 สภาวะ เช่น หลุม บ่อ ลูกคลื่น รวมถึงสะพาน เพื่อใช้ทดสอบการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ความสั่นสะเทือน การควบคุมรถยนต์ และความนุ่มนวลในการขับขี่ ซึ่งเจ้า ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID ทำผมเซอร์ไพรส์มากโดยเฉพาะระบบช่วงล่างเพราะตอนแรกผมคิดว่ามันคงจะนิ่มๆย้วยๆ แต่พอได้ลองปรับเซทมาได้ดีเกินคาดครับ มันนุ่มนวล และยังคงความแน่น หนึบไว้ ระบบต่างๆรวมถึงการควบคุมรถก็ทำได้ดีขับง่ายครับ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยออกไปขับถนนจริงแบบใช้งานจริงกันดีกว่าออกมาก็พบกับการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดรถใช้ถนนหนาแน่นความคล่องตัวไม่ต้องพูดถึงคล่องตัวมากลัดเลาะตามช่องว่างได้อย่างสบาย แถมรถติดก็ไม่มีปัญหาเพราะเจ้า ALL NEW TOYOTA ALTIS HYBRID คันนี้ประหยัดถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร แอร์เย็นเพลงเพราะแถมปล่อย WIFI ได้ด้วยนะ เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Hybrid 4 สูบ รหัส 2ZR-FXE Atkinson cycle 1,798 ซีซี. VVT-i ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แรงดันไฟฟ้า 600 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Nickel metal Hydride (Ni-MH) แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ 28 Modules 6.5 Ah รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ E-CVT
ซึ่งทั้งหมดยกมาจาก TOYOTA C-HR ให้อัตราเร่งในการออกตัว และการเร่งแซงที่ความเร็วประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ดีมากเหนือกว่าเครื่องยนต์ธรรมดา แต่พอความเร็วประมาณ 90-100 แล้วจะเร่งแซงกลับสู้เครื่องยนต์ธรรมดาไม่ได้ หลุดออกมามอเตอร์เวย์ถนนโล่งเลยลองอัตราเร่งหน่อยรอบต้นไปกลางทำได้ดีครับแต่จากรอบกลางไปปลายความเร็วไหลขึ้นแบบเรื่อยๆไม่จี๊ดจ๊าดเท่าไหร่นัก จนไปสุดที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ครับกล่องตัดไปต่อไม่ได้แล้วสุดแค่นี้ครับ ขับด้วยความเร็ว 120 -150 ตลอดการเดินทางอัตราสิ้นเปลืองยังอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดดีจัง
สรุปแล้วความคดเห็นส่วนตัวนะครับ เครื่องยนต์ไฮบริดก็ยังขับไม่สนุกเท่าเครื่องยนต์ธรรมดาครับ จริงอยู่ที่เครื่องยนต์ไฮบริดออกตัวได้ดีกว่า แต่กลางถึงปลายเครื่องยนต์ธรรมดาทำได้ดีกว่า นั้นหมายความว่าเครื่องยนต์ไฮบริดเหมาะมากกับการใช้งานในเมือง และเหมาะกับคนที่เน้นความประหยัดน้ำมัน ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ขับรถแบบเรื่อยๆไม่ชอบขับเร็วมาก ออกเที่ยวต่างจังหวัดบ้างบางครั้ง เครื่องยนต์ไฮบริดตอบโจทย์คุณแน่นอน แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบขับรถเร็ว ไม่สนเรื่องความประหยัดเท่าไหร่นัก ออกต่างจังหวัดขับรถไกลๆใช้ความเร็วในการเดินทางค่อนข้างสูงเครื่องยนต์ธรรมดาจะตอบโจทย์คุณมากกว่า
มาถึงช่วงล่างโตโยต้าได้มีการปรับเปลี่ยนระบบช่วงล่างหลังจากเดิมที่ใช้ Torsion beam หรือแบบคานบิด แต่รุ่นใหม่เจนเนอร์ชั่นที่ 12 นี้ เปลี่ยนมาใช้ Double Wishbones หรือช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ มันเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งการเกาะถนนอย่างดีเยี่ยม ซึ่งโตโยต้าปรับเซ็ทมาได้ดีทีเดียว ดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวของถนนที่เป็นหลุมบ่อได้ดี วิ่งตรงยาวๆด้วยความเร็วค่อนข้างสูงตัวรถยังคงนิ่ง เข้าโค้งด้วยความเร็วก็ให้ความมั่นใจได้ดีไม่มีโคลง ขอปรบมือให้ช่วงล่างของ ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID ครับ
สรุปแล้วเมื่อเทียบช่วงล่างระหว่าง ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID กับ ALL NEW MAZDA3 คาแรคเตอร์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ เพราะถ้าคนที่ชอบช่วงล่างแข็งนิดๆเค้าโค้งแน่นๆหนึบๆ ALL NEW MAZDA3 เหมาะกับคุณครับ แต่ถ้าคนที่ชอบช่วงล่างแบบนุ่มนวลขับสบายแต่ยังคงความหนึบไม่ย้วย ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID เหมาะกับคุณเลยครับ อ่อที่สำคัญคนที่ใช้แท็กซี่ต่อไปนั่งหลังสบายไม่เวียนหัวแล้วจ้า นุ่ม สบาย ไม่โคลง แม้คนขับจะขับไม่ดี แต่ด้วยตัวรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ บวกกับช่วงล่างที่ปรับเซ็ทมาดีทำให้ตัวรถมีสเถียรภาพนิ่งไม่โคลงอีกต่อไปแถมนุ่มนวลอีกต่างหาก
สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือระบบเบรก การเซ็ทระบบเบรกมาใหม่โดยใช้ซิมมูเรเตอร์ในการปรับเซ็ทให้ละเอียดขึ้น ทำให้รู้สึกได้ว่าทำได้ใกล้เคียงมีฟิลลิ่งเหมือนระบบเบรกแบบใช้ปั๊มลมเลย คือแตะเบรกลงไปและหัวไม่ทิ่มแล้ว น้ำหนักดี เบรกได้นุ่มนวล หยุดอยู่แน่นอน เบรกหยุดแบบกระทันหันระบบ ABS ทำงานสม่ำเสมอลงตัวมากขึ้นแถมไม่มีอาการสะท้านที่เท้าดีงาม
วิ่งทางตรงยาวๆไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไป เพราะเจ้า ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID คันนี้มีระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed range สามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้าเรดาห์ค่อนข้างจะทำงานได้แม่นยำแถมถ้ามีรถรถเข้าแทรกตัดหน้ารถจะชะลอ และเรดาห์จะจับคันใหม่ด้านหน้าทันที ที่เด็ดคือมันสามารถควบคุมพวงมาลัยให้วิ่งตามรถคันหน้าได้อีกด้วย ไม่ต้องจับพวงมาลัยเลย แต่ต้องไม่ไม่เร็วเกินไปนะครับทางที่ดีจับพวงมาลัยไว้ดีกว่าปลอดภัย และยังมีระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เองอีกต่างหาก จัดหนักจริงครับ ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID ขนาดคัมรี่ยังไม่มีเลยนะจ๊ะ
นอกจากนั้นยังมีระบบความปลอดภัยอีกเพียบ อาทิ ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ, กล้องมองภาพขณะถอยหลัง, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกข้าง, ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบกระจายแรงเบรก เป็นต้น น่าเสียดายที่ไม่มีกล้อง 360 องศา มาให้
สรุป ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID รูปร่างหน้าตาทั้งภายนอกและภายใน ดูหรูหราขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะมาก ดีไซน์อาจจะไม่หวือหวาโดดเด่นเมื่อคู่แข่งอย่างมาสด้า3 แต่โดยรวมแล้วดูดีมีชาติตระกูล เครื่องยนต์ไฮบริดเจนเนอร์ชั่นที่4 ถึงจะไม่จื๊ดจ๊าดมากอาจจะมีตื้อๆอยู่บ้างช่วงรอบกลางขึ้นไป แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานออกตัวดีรอบต้นดีมากเหมาะการใช้งานในเมือง ประหยัดระดับ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร ช่วงล่างปรับเซ็ทมาได้ดีนุ่ม หนึบ ระบบต่างๆทั้งความบันเทิง และความปลอดภัยให้มาแบบจัดหนัก กับราคาเริ่ม ALL-NEW TOYOTA ALTIS HYBRID 939,000 – 1,099,000 บาท ซึ่งรุ่นท็อปสุดแพงกว่าตัวท็อปรุ่นก่อนหน้าเพียง 6,000 บาท แต่ได้เครื่องไฮบริด และเทคโนโลยีต่างๆที่อัดแน่นมาแบบไม่ยั้ง ผมว่ามันคุ้มค่าเงินมากทีเดียวครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th