All New Toyota Camry ฉีกภาพเดิม เติมความสปอร์ต เพิ่มความประหยัด
หลังจากเปิดตัวไปได้ไม่นานสำหรับ All New Toyota Camry ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากทีเดียวกับยอดจองที่ทะลุเป้าหมาย เพราะตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมาแค่เพียงไม่กี่วันสามารถทำยอดจองได้กว่า 1,000 คัน ซึ่งเกินความคาดหมายจากเป้าที่วางไว้เพียงแค่ 650 คันต่อเดือน นับว่าเป็นการเปิดตัวได้ดีที่เดียวครับสำหรับ All New Toyota Camry
แน่นอนเมื่อเปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องไปทดลองขับกันดูซิว่าเจ้า All New Toyota Camry มันจะขับดีเหมือนหน้าตาหรือไม่ โดยทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ไปเชิญสื่อมวลชนกว่า 60 สื่อเหินฟ้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์เพื่อจะทดสอบสมรรถนะของเจ้า All New Toyota Camry เราบินสู่จังหวัดบุรีรัมย์กันแต่เช้าตรู่และมุ่งหน้าสู่สนามระดับโลก ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ทันทีแล้วเมื่อไปถึงเราก็ได้พบกับฝูง All New Toyota Camry ที่จอดรอเราอยู่ก่อนการทดสอบมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถพร้อมอธิบายรูปแบบการทดสอบในครั้งนี้ โดยการทดสอบจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การขับแบบออนโรด หรือการขับบนถนนจริงโดยมีระยะทางไป-กลับประมาณ 100 กิโลเมตร เพื่อทดสอบความประหยัดน้ำมัน และ การขับแบบออนแทรค หรือการขับในสนามปิดเพื่อทดสอบสรรถนะโดยทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีรถ All New Toyota Camry 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น HV Premium และ 2.5 G
เรามาดูภายนอกของเจ้า All New Toyota Camry กันก่อน ต้องบอกเลยว่าเป็นการพลิกโฉมของ Toyota Camry แบบไม่ต้องไม่เทียบรุ่นเก่าเลยครับ ง่ายๆเลยนะที่หลายคนมองว่า Toyota Camry เป็นรถคนแก่ ลืมความคิดนั้นไปได้เลยเพราะ All New Toyota Camry วัยรุ่น และสปอร์ตมากครับ เส้นสายที่คมชัด ดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว แพลตฟอร์ม TNGA เทคโนโลยีการผลิตที่ถูกนำมาใช้กับเหล็กกล้าคุณภาพเยี่ยมทำให้โครงสร้างตัวถังรถมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงบิด นอกจากนั้นตัวรถยังได้รับการออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำซึ่งจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่มีการทรงตัวที่ดีเยี่ยม สามารถควบคุมรถได้ดั่งใจ พร้อมด้วยระบบช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) ทำให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ที่สำคัญยังคงไว้ซึ่งความนุ่มสบายและความเงียบตลอดการเดินทาง ความโฉบเฉี่ยวของเส้นสายที่คมชัด กระจังหน้าดีไซน์โฉบฉี่ยว หรูหรา กระจกป้องกันเสียงรบกวนและแสงแดด (Acoustic High Solar Energy Absorb Glass) ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light และไฟเลี้ยวแบบ LED ออกแบบได้โดดเด่นเฉียบคม ไฟท้ายแบบ LED ดูสปอร์ต ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED หลังคามูนรูฟ (Moonroof) ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ผมไม่ชอบลายล้อเพราะมันดูเชยและธรรมดาไปในตัวHV หรือตัวรุ่นไฮบริด มันไม่สวยเท่าไหร่ ล้อแม็กของตัว 2.5 G สวยกว่าเยอะ แถมเป็นแม็ก18 นิ้วด้วย ผมบอกเลยใครซื้อรุ่นไฮบริดไปต้องเปลี่ยนล้อแม็กแน่นอน ไม่ก็ไปซื้อแม็กของ 2.5G มาใส่
ดีไซน์ภายใน สปอร์ต พร้อมออกแบบให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง คอนโซลหน้าออกแบบให้ทุกองค์ประกอบเชื่อมโยงกันพร้อมลาย Hybrid Onyx มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว เทคโนโลยีล้ำหน้า โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตหรู แสดงสถานะการทำงานของระบบต่างๆ อย่างเด่นชัดหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ เครื่องเล่น DVD แบบหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ลำโพง JBL 9 ตำแหน่ง ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัยพร้อม Paddle Shift เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า และ จะมีSeat Ventilator ช่วยลดความอับชื้นด้วยพัดลมใต้เบาะและพนักพิง เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนไฟฟ้าพร้อมแผงควบคุมหน้าจอสัมผัสแบบดิจิทัล ม่านบังแดดไฟฟ้ากระจกหลัง และลดระดับอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังเพื่อความปลอดภัย ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ กระจกมองข้าง และพวงมาลัยจดจำตำแหน่งของผู้ขับขี่เพื่อความสะดวกสบาย กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลังและพับเก็บอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแยกอิสระ 3 โซน ซ้าย-ขวา และด้านหลังพร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoeสร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบ ถนอมผิวให้ชุ่มชื้น ช่วยยับยั้งเชื้อโรค ขจัดกลิ่นทั่วห้องโดยสาร อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ช่องต่อ USB ด้านหลัง 2 ช่อง ระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ และระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home ให้แสงสว่างแม้ยามดับเครื่อง และสุดท้าย T-Connect Telematics ระบบที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว ช่วยให้คุณอัพเดตสถานะรถได้ตลอดเวลา
สรุปทั้งภายนอก-ภายใน HV Premium กับ 2.5 G ต่างกันตรงไหน เริ่มจากกระจังหน้า และคิ้วฝาท้ายของ HV Premium จะเป็นโครเมี่ยม แอร์อัตโนมัติ 3 โซน ซ้าย-ขวา-หลัง ส่วน 2.5 G จะเป็นแอร์อัตโนมัติ 2 โซน ซ้าย-ขวา ส่วนเบาะรุ่น HV Premium จะนั่งสบายกว่าเพราะใช้วัสดุเป็น Smooth Leather ซึ่งจะนุ่มและนั่งสบายกว่าตัว 2.5 G และเบาะคู่หน้าของ HV Premium มีระบบ Seat Ventilator ช่วยลดความอับชื้นด้วยพัดลมใต้เบาะและพนักพิง แถมเบาะหลังของ HV Premium ยังสามารถปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าได้ 2.5 G ปรับเอนไม่ได้นะจ๊ะ ส่วนล้อของ HV Premium เป็นขนาด 17 นิ้ว ซึ่งลวดลายมันไม่ค่อยสวยโดนใจเท่าไหร่นัก ผิดกับของรุ่น 2.5G ลวดลายสวยงานดูสปอร์ตแถมขอบ 18 นิ้ว
เอาละมาเริ่มจากทดสอบเจ้า All New Toyota Camry กันดีกว่าเริ่มจากการขับแบบออนโรดกันก่อนเลยขาไปผมได้ขับรุ่น HV Premium ซึ่งในการขับแบบออนโรดทางโตโยต้ามีชาเลนจ์ให้ทั้งขาไปและขากลับ คือใครขับประหยัดน้ำมันได้มากที่สุดจะมีของรางวัลให้แต่มีข้อแม้ว่าห้ามใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมง โดยแบบเป็น2รอบ และเปลี่ยนรุ่นกลับ รวมไปกลับแล้ว 100 กิโลเมตร ห้ามใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมง ไม่งั้นถือว่าหมดสิทธิ์ทันที ซึ่งเส้นทางในการทดสอบมีทั้งในเมือง นอกเมือง ถนนขรุขระ ซึ่งบอกเลยว่าครบมาก ผมขับออกจากสนามช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยขับเจ้า All New Toyota Camry รุ่น HV Premium ต้องบอกเลยว่านั่งสบายมากครับ ออกมาแบบเงียบๆไม่มีเสียงเครื่องยนต์แม้แต่น้อย ค่อยเดินคันเร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอัตราเร่งของเครื่องยนต์ ไฮบริด เจนเนอร์เรชั่นที่ 4 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้พละกำลังสูงสุดรวม 211 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT แบตเตอรี่แบบ Nickel metal Hydride (Ni-MH)
ย้ายไปติดตั้งที่ใต้เบาะนั่งด้านหลังแทนที่ท้ายรถทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ดีขึ้นอีกด้วย (เดิม Camry Hybrid รุ่นปัจจุบัน เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2AR-FXE ขนาด 2.5 ลิตร 160 แรงม้า 213 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 105 แรงม้า 270 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันกับเครื่องยนต์ ได้พละกำลังรวม 205 แรงม้า แบตเตอรี่ Ni-MH) ทำได้ดังใจต้องการตามเท้าเลยครับ แต่ก็เหยียบหนักมากไม่ได้เพราะเราแข่งขันประหยัดน้ำมันกันอยู่ ผมใช้ความเร็วเดินทางประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงไม่ค่อยได้ทดสอบอัตราเร่งเท่าไหร่นัก แต่ที่สัมผัสได้คือพวงมาลัยที่น้ำหนักกำลังดีและเฉียบคม อีกทั้งยังช่วงล่างที่แม้ว่าถนนจะขรุขระ เป็นหลุมบ่อ หรือคอสะพาน ช่วงล่างของเจ้า All New Toyota Camry ยังคงแน่น นุ่มนวล เค้าโค้งได้หนึบควบคุมง่าย ช่วงล่างดีทีเดียวครับ และเก็บเสียงภายนอกได้ดี แอบมีจังหวะให้เพื่อนขับแทนแล้วลองไปนั่งหลังนั่งสบายมากปรับเอนได้อีกต่างหากนานๆจะได้เป็นคนนั่งหลับสบายซิครับรออะไร
จบที่จุหมาย 50 กิโลเมตรแรกกับเจ้า All New Toyota Camry รุ่น HV Premium คันผมทำได้ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร เพราะเพิ่มความเร็วขึ้นกลัวเข้าไม่ตรงเวลา 1 ชั่วโมง แต่เจ้า HV Premium มันประหยัดได้มากกว่านี้นะครับบางคันทำได้ถึง 25-26 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียวแต่ใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมงน่าเสียดาย
ขากลับผมโดดมาขับเจ้า All New Toyota Camry 2.5 G กับเครื่องยนต์ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส A25A-FKS ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. ติดตั้งวาล์วแปรผันอัจฉริยะไฟฟ้าVVT-ie กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 × 103.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 ให้กำลังสูงสุด 208 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 252 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เรามาดูกันว่าเจ้าเครื่องยนต์ใหม่คันนี้จะประหยัดได้ขนาดไหน ยังคงเดินคันเร่งแบบเนียนๆไม่เร่งรีบรอบไม่เกิน 2500 รอบต่อนาที ความเร็วจะอยู่ประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เวลาเจอไฟแดงข้างหน้าก็ค่อยๆลดความเร็วลงอยากเนียนๆจนรถหยุดพยายามไม่เบรกแรง แน่นอนช่วงล่างยังคงนุ่มนวล และแน่น พวงมาลัยคมคุมง่าย จนมาถึงจุดสิ้นสุดการแข่งขัน สรุปเราทำได้ประมาณ 21 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าขับแบบปกติทั่วไปอัตราสิ้นเปลืองน่าจะอยู่ที่ประมาณ 16-17 กิโลเมตรต่อลิตร
เอาละเรารู้แล้วว่าเจ้า All New Toyota Camry มันประหยัดได้ขนาดไหนเรามาลองสรรถนะกันในสนามกันต่อเลยดีกว่า บอกก่อนครับเราไม่ได้มาแข่งรถ เรามาทดสอบรถยนต์เพราะฉะนั้นความเร็วที่ใช้คือแบใช้งานจริง คือประมาณ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ออกจากพิทสต๊อป ใช้ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้านหน้าวางไพลอนแบบสลาลอมไว้ หักพวงมาลัยขาว-ซ้าย-ขวา โดยไม่มีการแตะเบรก พวงมาลัยคมกริปควบคุมได้ดังใจ
เพิ่มความเร็วขึ้นไปประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเข้าโค้งขวาและต่อด้วยซ้ายลึกยาวๆตัวรถไม่มีอาการโยนตัวหรือโคลงให้ได้สัมผัสเหมือนรุ่นก่อนหน้า แถมเค้าโค้งด้วยความเร็วแบบนิ่งๆขับง่ายมาก และผมบอกเลยว่าคุณลืมช่วงล่างของรุ่นเก่าไปได้เลยรุ่นใหม่เจ๋งกว่าเยอะมากครับ ถ้าไม่เชื่อผมไปลองขับเองแล้วคุณจะรู้ครับ พ้นโค้งมีเลนเชนจ์แบบเปลี่ยนเลนกะทันหันด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถยังคงนิ่งไม่มีอาการสะบัดควบคุมง่าย
มาถึงทางตรงยาวๆอัตราเร่งของเจ้า HV Premium บอกเลยว่าดีมากครับเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยดันอีกแรง แถมตอนเปลี่ยนจากไฟฟ้าเป็นเครื่องยนต์เราแถบสัมผัสไม่ได้เลยว่าเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ตอนไหนเนียนมากครับรุ่นก่อนหน้ายังมีจังหวะกระตุกและเสียงให้ได้สัมผัส รุ่นใหม่นี้เนียนกริบไร่รอยต่อจริงๆครับ ถ้าไม่ดูหน้าจอแสดงผลก็ไม่รู้เลยว่าใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 รุ่นใหม่อัตราเร่งก็ดีครับผมไม่น้อยหน้าไฮบริดแต่ออกตัวเป็นลองเพราะไฮบริดออกตัวได้ดีกว่า บางคนอาจจะชอบเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 G เพราะมันขับแล้วได้อารมณ์กว่ามันมีเสียงเครื่องเร่งเครื่อง และสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนเกียร์ แต่เจ้าไฮบริดมันจะลอยๆกดคันเร่งก็พุ่งไปแบบเงียบๆ บางคนว่ามันไม่เร้าใจแต่ผมชอบไฮบริดนะมันขับง่ายและเงียบดี
สรุปกันง่ายๆ TNGA ทำให้รถยนต์ All New Toyota Camry คันนี้เปลี่ยนจากรุ่นก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ด้วยภาพลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต หรูหรา เด่นชัดด้วยเส้นสายรอบคัน คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ภายในกว้างขวาง สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร จากสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยผสานยนตรกรรมกับผู้ขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้ขับสนุก และ ประหยัดยิ่งกว่าเดิม ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ให้ความมั่นใจในทุกสถานการณ์การขับขี่ หน้าจับจองเป็นเจ้าของกับราคาค่าตัวที่เริ่มต้นที่ 1,445,000 – 1,799,000 บาท ผมว่ามันคุ้มค่าคุ้มราคาครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th