All New Toyota Innova 2023 พร้อมขายไทยกลางเดือน กรกฎาคม นี้
All New Toyota Innova 2023 รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง หลังจากการเปิดตัวในอินเดีย และ ประเทศอินโดนีเซีย ล่าสุดได้ข่าวมาว่า โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กำลังจะทำการเปิดตัว New Innova 2023 ในประเทศไทย คาดว่าจะออกจำหน่ายประมาณกลางเดือน กรกฎาคม 2023 นี้แน่นอน และก่อนที่มีข้อมูล และราคาอย่างเป็นทางการเรามารู้จัก All New Toyota Innova คันนี้กันก่อนดีกว่าว่ามันดีแค่ไหน ราคา จำหน่ายอย่างเป็นทางการ เทียบ2รุ่นมีอะไรต่างกัน
การดีไซน์ภายนอก
All New Toyota Innova 2023 ปรับดีไซน์เน้นความบึกบึนสไตล์เอสยูวี ที่ผ่านมา Toyota Innova ถูกพัฒนาให้เป็นรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวีที่ใช้โครงสร้างแชสซีแบบ Body-on-frame ร่วมกับ Hilux และ Fortuner แต่สำหรับ All New Toyota Innova เจเนอเรชันที่ 3 นี้ได้มีการเปลี่ยนไปใช้แพล็ตฟอร์ม TNGA-C แบบ Unibody มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม
ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนไปใช้แพล็ตฟอร์มนี้มันจะช่วยให้ All New Toyota Innova มีการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถเก๋งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยครั้งนี้ได้พัฒนารูปลักษณ์ให้มีความเป็นครอสโอเวอร์มากยิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งชายกันชนและซุ้มล้อด้วยวัสดุสีดำ ทุกรุ่นถูกติดตั้งไฟหน้าแบบ LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐานขณะที่รุ่นท็อป สุดจะถูกเพิ่มเติมด้วยไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED แยกติดตั้งไว้บริเวณกันชน ขณะที่ล้ออัลลอยมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้วขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
การออกแบบภายใน
All New Toyota Innova มีการเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานใกล้เคียงกับรถยนต์ระดับหรู ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ที่สามารถสั่งงานด้วยคำสั่งเสียง เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบกัปตันซีทแยกอิสระซ้าย-ขวา สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า พร้อมที่รองน่องแบบปรับระดับได้ หน้าจอความบันเทิงขนาด 10 นิ้ว จำนวน 2 จอ
สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หลังคากระจก Panoramic Retractable Roof พร้อมไฟตกแต่ง หน้าจออินโฟเทนเมนท์ระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ที่ชาร์จไร้สาย ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Brake Hold และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว
เครื่องยนต์และสมรรถนะ
มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ เบนซิน และเบนซิน ไฮบริด
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร
4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ที่ช่วง 4,500-4,900 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
เครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด 2.0 ลิตร
4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมกันสูงสุด 186 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดจากเครื่องยนต์ 187 นิวตันเมตร ที่ช่วง 4,400-5,200 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้า 21 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบเพื่อความปลอดภัย
ใส่ระบบ Toyota Safety Sense ในรุ่นท็อปสุด ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control (DRCC), ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ Pre-Collision System (PCS), ระบบเตือนรถออกนอกเลนและช่วยประคองให้รถอยู่ในเลน Lane Departure Alert (LDA) & Lane Tracing Assist (LTA) และระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB) รวมถึงกล้องมองภาพรอบคันและถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลม) ส่วนรุ่นย่อยอื่นๆ จะถูกติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, เซ็นเซอร์กะระยะ Parking Sensor, กล้องมองภาพขณะถอยจอด Parking Camera และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เป็นต้น
ส่วนราคาจำหน่ายในประเทศไทย และข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เรามารอลุ้นไปพร้อมๆกันในเดือนกรกฎาคมนี้ www.toyota.co.th
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
All New ปรับดีไซน์เน้นความบึกบึนสไตล์เอสยูวีที่ผ่านมา Toyota Innova ถูกพัฒนาให้เป็นรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวีที่ใช้โครงสร้างแชสซีแบบBody-on-frame ร่วมกับ Hilux และ Fortuner แต่สำหรับ All New Toyota Innova เจเนอเรชันที่ 3 นี้ได้มีการเปลี่ยนไปใช้แพล็ตฟอร์ม TNGA-C
\แบบ Unibody มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม
ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนไปใช้แพล็ตฟอร์มนี้มันจะช่วยให้ All New Toyota Innova มีการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถเก๋งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถจัดวางพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยครั้งนี้ได้พัฒนารูปลักษณ์ให้มีความเป็นครอสโอเวอร์มากยิ่งขึ้น
ด้วยการตกแต่งชายกันชนและซุ้มล้อด้วยวัสดุสีดำ ทุกรุ่นถูกติดตั้งไฟหน้าแบบ LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐานขณะที่รุ่นท็อป สุดจะถูกเพิ่มเติมด้วยไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED แยกติดตั้งไว้บริเวณกันชน ขณะที่ล้ออัลลอยมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16 นิ้ว ไปจนถึง 18 นิ้วขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย