ย้อนไปเมื่อปี 2017 บริษัทด้านวิศวกรรมของญี่ปุ่น Aspark ได้มีการเปิดตัวรถคอนเซ็ปต์ชื่อ Owl ออกมาเป็นครั้งแรกที่แฟรงเฟิร์ตมอเตอร์โชว์ 6 เดือนหลังจากนั้น Aspark ได้เผยรถต้นแบบไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า Owl พร้อมกับสมรรถนะว่าใช้เวลาไม่ถึง 2 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. หลังจากนั้นจึงมีการปรับปรุงการออกแบบ Owl ใหม่เพื่อจัดแสดงในปารีสมอเตอร์โชว์โดยระบุว่าเป็นรถพรีโปรดักชั่นที่มีกำลัง 1,150 แรงม้า แรงบิด 884 นิวตัน-เมตร รถมีน้ำหนักประมาณ 1,500 กิโลกรัม แต่นอกเหนือไปจากนี้แล้วทางผู้ผลิตต้องการให้ผู้ที่สนใจวางเงินจอง 1 ล้านยูโรโดยไม่สามารถขอคืนได้ ล่าสุดสเปกที่พร้อมสำหรับการผลิตจริงของ Aspark Owl พร้อมจำนวนการผลิตได้ระบุออกมาแล้วในดูไบมอเตอร์โชว์ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ไม่กล้าวางเงินจอง 1 ล้านยูโรต้องเสียดาย

        สเปกของ Aspark Owl แตกต่างจากที่ระบุไว้ตอนปารีสมอเตอร์โชว์พอสมควร แต่เปลี่ยนไปในทางที่ถูกใจคนชอบรถสมรรถนะสูงมากขึ้น เพราะ Owl มาพร้อมกับ Permanent Magnet Synchronous Motors 4 ตัวกำลังสูงสุดถึง 2,012 แรงม้า แรงบิด 2,000 นิวตัน-เมตร ในขณะที่อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ก็สามารถทำได้ตามที่ระบุเอาไว้ว่าไม่ถึง 2 วินาที เพราะใช้เวลาเพียง 1.69 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุด 400 กม./ชม. ในขณะที่ระยะการเดินทางของรถจากแบตเตอรีของรถซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Owl ให้เป็นส่วนหนึ่งของแชสซีส์โมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์มีความจุ 1,300 kW สามารถใช้เดินทางได้ 450 กม. โดยที่ใช้เวลาในการชาร์จ 80 นาทีกับระบบชาร์จมาตรฐาน 44 kW นอกจากนี้ทางผู้ผลิตยังระบุว่าจะพัฒนาเพื่อเพิ่มความสามารถในการชาร์จขึ้นอีกก่อนสิ้นปี

เพื่อหยุดกำลังสูงกว่า 200 แรงม้า Aspark Owl จึงมาพร้อมกับเบรกคาร์บอนเซรามิก โดยล้อหน้าใช้คาลิเปอร์ 10 ลูกสูบ และ 4 ลูกสูบกับล้อหลัง สำหรับระบบช่วงล่างเป็นแบบดับเบิลวิชโบนทั้งด้านหน้าและหลังของรถ

รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าจาก Aspark ไม่เพียงแค่เป็นรถที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ทางผู้ผลิตยังอ้างว่าอาจเป็นรถที่มีความสูงน้อยที่สุดในโลกด้วย เนื่องจากรถมีความสูง 99 ซม. สำหรับผู้ที่ไม่กล้าวางเงินจอง 1 ล้านเหรียญตอนแรกอาจต้องเสียดาย เพราะ Aspark ทำ Owl ออกมาเพียง 50 คันเท่านั้น ส่วนราคาเต็มของรถถูกระบุออกมาแล้วว่าอยู่ที่ 2,900,000 ยูโร

สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่มากับ Owl นอกเหนือไปจากมอเตอร์ที่ให้กำลังขับเคลื่อนมากกว่า 2,000 แรงม้ามี ไฟท้าย LED, ระบบกล้องกระจกมองหลัง, จอแสดงข้อมูลรวม 4 จอในห้องโดยสาร รวมไปถึงการทำงานอย่าง Battery Monitoring System, Tire Monitoring System, ESP, ABS, TCS และระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย

แม้ Aspark จะเป็นบริษัทวิศวกรรมจากญี่ปุ่น แต่ Owl จะถูกผลิตที่เมืองตูรินในอิตาลีโดยความร่วมมือกับ Manifattura Automobile Torino

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th