Aston Martin ทำ Vantage และ DBS Superleggera 007 Edition รับเจมส์ บอนด์เรื่องใหม่
เพื่อต้อนรับการเข้าโรงของภาพยนตร์สายลับเจมส์ บอนด์เรื่องใหม่ No Time to Die ในช่วงปลายปีนี้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง Aston Martin ที่มีความผูกพันธ์กับภาพยนตร์สายลับรหัส 007 มายาวนานจึงนำเอาทั้ง Vantage และ DBS Superleggera มาทำเป็นรุ่นพิเศษ และพร้อมจะส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงต้นปี 2021
Aston Martin Vantage 007 Edition ถูกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น V8 คลาสสิคที่ปรากฏในเจมส์ บอนด์เรื่อง The Living Daylight เมื่อปี 1987 และจะกลับมาปรากฏอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องใหม่ จึงทำให้รถรุ่นพิเศษนี้มาพร้อมกับกระจังหน้าตาข่ายในสไตล์รีโทรล้อมรอบด้วยโครเมียม และใช้สีเหลืองแต่งเพื่อสร้างความเด่นบนตัวรถสีเทา Cumberland Grey
ส่วนภายในของรถใช้หนังสีดำ Obsidian Black พร้อมแทรกการแต่งด้วยดาร์กโครมและตัวเลข 007 ที่คอนโซลซึ่งเป็นตำแหน่งของเกียร์แมนนวล นอกจากนี้ที่บังแดดของรถยังมีเลข 96.60 ซึ่งเป็นความถี่ของคลื่นวิทยุที่บอนด์รู้ว่าเป็นความถี่ของคลื่นที่ตำรวตรัสเซียใช้ในเรื่อง รวมไปถึงมีแผ่นป้ายที่แสดงถึงอุปกรณ์ต่างๆ ของเจมส์ บอนด์ที่คอนโซลกลางของรถ และยังมีสกีรวมทั้งแร็กติดสกีให้เลือกเป็นออฟชั่นเพื่อให้เหมือนกับรถในภาพยนตร์
ในขณะที่ Aston Martin DBS Superleggera 007 Edition จะมาในแบบเดียวกับรถที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่จะเข้าโรง โดยตัวรถมีสีเทา Ceramic Grey พร้อมกับใช้คาร์บอนไฟเบอร์ดำทั้งที่หลังคา กระจกมองข้าง Diffuser และแอโรเบลดหรือช่องดักรมบริเวณซุ้มล้อ โดยใช้ล้ออัลลอยลายก้าน Y ขนาด 21 นิ้ว
นอกจากอุปกรณ์แต่งต่างๆ แล้วยังระบุความเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ No Time to Die ด้วยป้าย 007 ที่บริเวณซุ้มล้อ สปอยเลอร์หลัง รวมไปคิ้วที่คิ้วประตูในห้องโดยสาร
ทั้ง Vantage และ DBS Superleggera 007 Edtion จะถูกผลิตจำกัดโดย Q by Aston Martin ซึ่งรุ่นแรกมีจำนวนการผลิต 100 คัน และมีราคา 161,000 ปอนด์ ส่วนรุ่นหลังจำกัดเพียง 25 คัน กับราคา 279,025 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th