Aston Martin Rapide E พร้อมแล้วสำหรับการผลิตและจำหน่าย
ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตรถยนต์หรูจากอังกฤษทยอยให้ข่าวต่างๆ เกี่ยวกับรถไฟฟ้ารุ่นแรกของตนที่ใช้ชื่อว่า Rapide E ออกมาทีละเล็กทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามตอนนี้สำหรับคนที่เป็นแฟนรถยนต์หรูจากอังกฤษแบรนด์นี้ไม่ต้องรออีกต่อไป เพราะทาง Aston Martin ได้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรกของตนออกมาเรียบร้อยแล้ว และยังระบุว่าพร้อมสำหรับการผลิตเพื่อจำหน่าย เพียงแต่ว่าไม่ใช่รถในสายการผลิตปกติ เพราะจำกัดการผลิตเพียงแค่ 155 คัน
Aston Martin Rapide E ซึ่งจะถูกผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตแห่งใหม่ที่ St Athan ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป็นศูนย์ผลิตรถไฟฟ้าของ Aston Martin ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือกับ William Advance Engineering โดยทั้งทีมออกแบบและวิศวกรรมของ Aston Martin ได้ทำงานร่วมกันให้เกิดแอโรไดนามิกสูงสุดภายใต้รูปทรงที่สวยของรถเพื่อช่วยเพิ่มระยะในการเดินทาง นอกจากนี้แม้จะเป็นรถใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนแต่ก็ยังคงมีการใช้กระจังหน้าโลหะลายรังผึ้งเหมือนรถดั้งเดิมโดยนอกจากให้ความรู้สึกของรถสปอร์ตแล้วยังช่วยนำอากาศไปช่วยระบายความร้อนให้กับระบบไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนรถด้วย
แหล่งพลังงานของ Rapide E เป็นสถาปัตยกรรมแบตเตอรี 800V ความจุ 65kWh จาก 5600 แบตเตอรีลิเธียมไอออนที่เซลล์มีรูปทรงแบบลูกสูบอยู่ภายในเคสคาร์บอนไฟเบอร์และเคฟล่าร์ โดยแบตเตอรีแพกที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษนี้จะถูกติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่เคยเป็นเครื่องยนต์ V12 6,000 ซีซี เกียร์บ็อกซ์ และถังน้ำมัน เพื่อให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ติดตั้งไว้ด้านหลังวซึ่งให้กำลังรวม 610 แรงม้า แรงบิด 950 นิวตัน-เมตร โดยสามารถเดินทางได้มากกว่า 320 กม. เมื่อชาร์จแบตเตอรีจนเต็มตามมาตรฐาน WLTP จากการระบุของผู้ผลิต ซึ่งเมื่อชาร์ตด้วยเครื่องชาร์จ 400V 59kW จะทำให้สามารถเดินทางได้ 196 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งชั่วโมง แต่หากชาร์จจากปลั๊กไฟ 800V ที่ให้ไฟ 100 kW หรือสูงกว่าจะสามารถใช้เดินทางได้ 496 กม. ต่อการชาร์จ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้รถมีการทำงานรองรับการชาร์จไฟ AC ทั่วไปโดยใช้เวลา 3 ชม.
ความเร็วสูงสุดของ Rapide E อยู่ที่ 248 กม./ชม. โดยใช้เวลาไม่ถึง 4 วินาทีเพื่อเร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. และใช้เวลาในการเร่งจาก 80-112 กม./ชม. แค่ 1.5 วินาที ทาง Aston Martin ระบุว่า Rapide E ให้คาแรกเตอร์ในการขับเหมือนกับ Rapide AMR จากการปรับจูนทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแชสซีส์สำหรับการขับใน 3 โหมดคือ GT, Sport และ Sport+ ในขณะที่กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งสู่ล้อหลังผ่านเฟืองท้าย Limited-Slip Differential ซึ่งทำงานร่วมกับสปริงและโช๊กที่ได้รับการปรับตั้งค่าใหม่เพื่อให้การควบคุมรถที่เหมือน Rapide AMR
ทาง Aston Martin ระบุว่าพร้อมสำหรับการรับออเดอร์ Rapide E ในขณะที่ไม่มีการเปิดเผยราคา โดยบอกว่าราคาจะอยู่ที่ใบสั่งซื้อ ซึ่งด้วยการผลิตจำกัด 155 คันคงไม่ธรรมดาแน่
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th