Aston Martin V12 Vantage เร็วและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยทำออกมา
ก่อนหน้านี้ในปี 2020 Aston Martin เคยนำเครื่องยนต์ V12 มาใส่ไว้ในรถสปอร์ตรุ่น Vantage ของตน แต่เฉพาะกับตัวถังเปิดประทุนหรือ Vantage 12 Speedster เท่านั้นโดยมีการผลิตจำกัด 88 คัน อย่างไรก็ตามล่าสุดเครื่องยนต์ V12 กลับมาอยู่ใต้ฝากระโปรงของ Vantage อีกครั้งโดยคราวนี้อยู่ในตัวถังคูเป้กับ V12 Vantage ที่ทาง Aston Martin เพิ่งเผยโฉมออกมา
Aston Martin V12 Vantage ถูกระบุว่าเป็น Vantage ที่มีความเร็วที่สุดและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างออกมา โดยเครื่องยนต์ V12 5.3 ลิตร ทวินเทอร์โบใต้ฝากระโปรงของรถสามารถสร้างกำลังขับเคลื่อนออกมาได้ 700 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 753 นิวตัน-เมตร มากกว่ากำลังของ Vantage ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ถึง 190 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดมากกว่า 68 นิวตัน-เมตร ซึ่งกำลังของ V12 Vantage ทำให้รถใช้เวลา 3.4 วินาทีในการทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. และมีความเร็วสูงสุดที่ 322 กม./ชม.
รถสปอร์ตรุ่นใหม่ขาก Aston Martin ไม่เพียงมีตัวเลขแรงม้าและแรงบิดที่สูงเท่านั้น จะยังมีการลดน้ำหนักในส่วนต่างๆ ของรถลงจนทำให้รถมีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ 390 แรงม้าต่อ 1,000 กิโลกรัมด้วย ซึ่งเป็นอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ดีกว่ารุ่นมาตรฐาน 20 เปอร์เซ็นต์
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์นี้ทางผู้ผลิตรถยนต์จากสหราชอาณาจักรได้มีการใช้หลายชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์กับรถ ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรงหน้า กันชนหน้า แผงซุ้มล้อหน้า และสเกิร์ตข้าง รวมทั้งมีการใช้วัสดุผสมคอมโพไซต์กับสปอยเลอร์หลังและฝาท้ายของรถ ใช้แบตเตอรีน้ำหนักเบา และระบบระบายไอเสียที่ทำมาจากสเตนเลสสตีลน้ำหนักเบา โดยเฉพาะสิ่งหลังนี้ก็ลดน้ำหนักลงจากระบบระบายไอเสียที่ใช้ในรถมาตรฐานได้ถึง 7.2 กิโลกรัม
V12 Vantage มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งถูกระบุว่าพัฒนาเพิ่มเติมจาก V12 Speedster และ Vantage F1 Edition โดยที่มีการปรับตั้งเฉพาะเพื่อปรับปรุงในเรื่องการตอบสนองและปฏิกิริยาต่อผู้ขับ โดยทางผู้ผลิตให้การรับประกันว่าจะมีการทำงานเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะกับช่วงเวลานั้นที่ขับ รวมทั้งยังมีความแม่นยำกว่าเกียร์ดูอัลคลัตช์
เพื่อตอบรับกับกำลังของรถ V12 Vantage จึงมาพร้อมกับช่วงล่างอแดปทีฟใหม่ พร้อมมีการใช้สปริงที่มีความหนืดมากขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ที่ด้านหน้า และเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ที่ด้านหลัง ในขณะที่บาร์กันโคลงของรถมีความทนต่อการบิดตัวมากขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ที่ด้านหน้า ขณะที่ด้านหลังอ่อนลง 41 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งมีสปริงชุดที่ 2 ที่ด้านหลังของรถที่มีสปริงเรตน้อยกว่าสปริงหลักเพื่อเพิ่มความสบายขณะเดินทางโดยไม่กระทบสมรรถนะของรถ ขณะที่การหยุดรถเป็นหน้าที่ของคาลิเปอร์เบรก 6 ลูกสูบพร้อมดิสก์เบรกขนาด 410 มม. ที่ล้อหน้า และคาลิเปอร์เบรก 4 ลูกสูบพร้อมดิสก์เบรกขนาด 360 มม. ที่ล้อหลัง ส่วนล้อที่มากับรถมีขนาด 21 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับเบาะ Sport Plus หนัง Semi-aniline ปรับไฟฟ้า 16 ทิศทางพร้อมปรับความอุ่นได้ พวงมาลัยสปอร์ต แต่งภายในห้องโดยสารด้วยสีดำเงา ใช้พรมปูพื้นน้ำหนักเบา บุเพดานด้วย Alcantara มีจอระบบ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว และมีป้ายระบุ V12 ที่คอนโซลกลาง
Aston Martin จะผลิต V12 Vantage จำกัด 333 คัน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทางบริษัทประกาศออกมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วว่าจะผลิตรถรุ่นนี้ ก็มีผู้ลงทะเบียนจองรถครบแล้ว ขณะที่การส่งมอบรถจะมีช่วงครึ่งหลังของปีนี้