Aston Martin VValhalla ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์
หลังจาก Aston Martin เผยโฉม Valhalla ครั้งแรกในแบบรถคอนเซ็ปต์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และมีรถในแบบขึ้นสายการผลิตออกมาให้ดูเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ล่าสุดรถซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ถูกเผยโฉมออกมาเป็นทางการแล้ว พร้อมกับการเป็นรถซุเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์
Aston Martin Valhalla มากับระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบสร้างกำลังขับเคลื่อนออกมา 828 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่สร้างกำลังขับเคลื่อนออกมามากที่สุดของแบรนด์ พร้อมมี 3 มอเตอร์ไฟฟ้าโดย 2 มอเตอร์ติดตั้งที่เพลาหน้าส่วนอีกมอเตอร์อยู่ที่เพลาหลัง ให้กำลังขับเคลื่อนรวม 1,079 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,100 นิวตัน-เมตร
นอกจากเป็นรถซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์แล้ว ทางผู้ผลิตรถยนต์หรูจากสหราชอาณาจักรยังใช้ระบบส่งกำลังดูอัลคลัตช์ 8 สปีดใหม่เพื่อนำกำลังสู่ทุกล้อของรถ ทำให้ใช้เวลา 2.5 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วได้สูงสุด 350 กม./ชม.
เครื่องยนต์ V8 ในรถรุ่นใหม่แตกต่างจากที่ใช้ในรถรุ่นอื่นด้วยการใช้ระบบน้ำมันเครื่อง Dry Sump และใช้เพลาข้อเหวี่ยง Flat-plane วางทำมุม 180 องศา รวมทั้งวิศวกรยังออกแบบเพลาข้อเหวี่ยงและท่อร่วมไอเสียของเครื่องยนต์ใหม่ พร้อมกับใช้เทอร์โบขนาดใหญ่กว่าที่ใช้ในเครื่องยนต์ของ DBX707
นอกจากนี้ด้วยการมี 3 มอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนจึงทำให้รถสามารถมี Torque Vectoring ที่เพลาหน้า และมี Limited-slip Differential อีเล็กทรอนิกที่เพลาหลังได้ รวมทั้งการมีไฟฟ้าช่วยขับเคลื่อนยังทำให้แทบไม่สังเกตถึงเทอร์โบแลก และด้วยการใช้ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนทำให้รถซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่สามารถเดินทางโดยใช้เฉพาะไฟฟ้าได้ 14 กิโลเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 140 กม./ชม.
รถยังเน้นแอโรไดนามิกทำให้เมื่อขับที่ความเร็ว 240 กม./ชม. สามารถสร้างแรงกดได้ 600 กิโลกรัม และเมื่อความเร็วสูงขึ้นชิ้นส่วนแอคทีฟแอโรไดนามิกของรถจะทำงานเพื่อเพิ่มแรงกดมากขึ้นตั้งแต่ด้านหน้าถึงปีกหลังของรถ รวมไปถึงรถมีระบบ Integrated Vehicle Dynamic Control เพื่อช่วยให้ทุกระบบของรถทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ อย่างละเอียดได้ รวมทั้งเพลาหน้าและเพลาหลังของรถยังสามารถสื่อสารข้อมูลต่อกันได้แม้จะไม่มีการเชื่อมต่อกัน
รถถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกโดยนำความเชี่ยวชาญมาจากฟอร์มูลาวัน พร้อมกับใช้ซับเฟรมอลูมินัมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยด้านหลังของรถยังใช้แดมเปอร์อแดปทีฟ Bilstein DTX ที่ผลิตเป็นพิเศษ ส่วนการหยุดรถใช้ดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิกทั้ง 4 ล้อ โดยมีขนาด 410 มม. ที่ล้อหน้า และขนาด 290 มม. ที่ล้อหลัง
ห้องโดยสารถูกออกแบบโดยนำแรงบันดาลใจมาจากค็อกพิตของรถแข่ง มีอุปกรณ์มาตรฐานอย่างเบาะคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียว พวงมาลัยคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งด้านบนและด้านล่างแบน มีจอแสดงข้อมูลแบบดิจิตอลและจอ Infotainment ขนาดใหญ่ รวมไปถึงมีกราฟฟิกที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะ
เช่นเดียวกับรถรุ่นอื่นของแบรนด์ที่ผู้ซื้อValhara สามารถแต่งรถตามต้องการได้ผ่านฝ่าย Q by Aston Martin โดยรถจะเริ่มผลิตปี 2025 จำกัดจำนวนแค่ 999 คัน ส่วนราคารถยังไม่มีออกมา
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th