ASTON MARTIN Valkyrie AMR Pro 1,100 bhp มาเจอกับตัวถังเบาหวิวระดับ F1
ราวกลางปี 2017 ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษนาม Aston Martin ได้โชว์ตัวไฮเปอร์คาร์ในชื่อรุ่น ‘Valkyrie’ เป็น F1 ในคราบรถถนน นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของทีมแข่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการรถแข่งสูตร 1 อย่าง Red Bull Racing กับ Aston Martin ต่อมาในงาน 88th Geneva Motor Show จัดขึ้นช่วงต้นปี 2018 โปรเจกต์นี้ได้ถูกนำมาต่อยอดเป็น ‘Valkyrie AMR Pro’ แอโรไดนามิกบนตัวถัง และเครื่องยนต์ได้รับการอัปเกรดขึ้นอีกระดับด้วยมาตรฐานรถแข่ง และกลายเป็นไฮเปอร์คาร์ที่ถูกระบุไว้ว่า Track-only หรือความโหดของเวอร์ชัน ‘AMR Pro’ มันเหมาะที่จะนำมาวิ่งในสนามแข่งเท่านั้น
เป้าหมายการสร้าง ‘Valkyrie’ คือ รถบ้าพลัง เน้นแรงกดบนตัวถังสูง และต้องเบา พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าตลอดเวลา รถโมเดลนี้จะไม่ต่างอะไรกับรถแข่ง F1 ที่ถูกครอบทับไว้ด้วยตัวถังของรถถนน ขณะที่ Valkyrie AMR Pro เป็นการนำ Valkyrie ที่เทพอยู่แล้วในทุกรายละเอียด มาจัดเต็มด้วยมาตรฐานรถแข่งทั้ง Le Mans LMP1 และ F1 นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ไม่ควรปล่อยให้อสูรกายตนนี้ออกไปวิ่งเพ่นพ่านรวมกับรถยนต์ทั่วไป
หากเทียบกับคู่แข่งไฮเปอร์คาร์สายแข็งจากค่าย Koenigsegg สายโหดอย่าง ‘Valkyrie AMR Pro’ จะจัดอยู่ในขั้นตัวเบาได้เลย เคล็ดไม่ลับแต่แพงมหาศาลจะมาจากการใช้ ‘โครงสร้างและตัวถัง’ ที่ผลิตจากวัสดุในฝันของวงการรถยนต์ นั่นคือ ‘CFRP’ หรือคาร์บอนไฟเบอร์
ตัวถังของ Valkyrie AMR Pro จึงไม่มีเหล็กแบบรถยนต์ทั่วไปให้เห็น โครงสร้างห้องโดยสาร รวมทั้งวัสดุต่างๆ รอบห้องโดยสาร ถูกประกอบขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด โดยแต่ละชิ้นส่วนเกิดจากการถักทอเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ จนเป็นรูปทรงของชิ้นส่วนโครงสร้างที่ต้องการ เรื่องคุณสมบัติในการรับแรงไม่เป็นรองเหล็กกล้า แต่กินขาดเรื่องน้ำหนัก จากนั้นจึงนำชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์แต่ละชิ้น มาเชื่อมต่อเป็นโครงสร้างตัวถัง การประกอบเป็นงานระดับ ‘ทำมือ’ จากทีมวิศวกรที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยตรง
ข้อมูลอันเร้าใจสำหรับ ‘Valkyrie AMR Pro’ ได้แก่ ตัวเลข Power-to-weight Ratio หรืออัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ต้องดีกว่า ‘1:1’ ความหมายคือ กำลังจากเครื่องยนต์ 1 แรงม้า (hp) แบกรับโหลดจากน้ำหนักรถทั้งคันเพียง 1 กิโลกรัม (หรือต่ำกว่า) หากเทียบกับซูเปอร์คาร์กระหายท็อปสปีดอย่าง Bugatti Chiron Sport (420 กม./ชม.) ที่ใช้เครื่องยนต์ “W16 สูบ + Quad-turbo” แรงมหาศาล 1,500 hp จะมีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ ‘1:1.318’ และหากไปเทียบกับซูเปอร์ไบค์ตัวแข่งโดยตรง BMW HP4 RACE น้ำหนักเบาหวิว เพราะทั้งเฟรมและล้อผลิตจาก ‘คาร์บอนไฟเบอร์’ เครื่องยนต์ 4 สูบ 999 ซี.ซี. จัดมาถึง 215 hp แต่มีน้ำหนักตัวอยู่ที่เพียง 171.4 กิโลกรัม ได้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักโดยประมาณ ‘1:0.8’ |
แอโรไดนามิกบนตัวถังของ Valkyrie AMR Pro เน้นสร้าง ‘แรงกด’ (Downforce) เพิ่มขึ้นจาก Valkyrie ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับรถแข่ง ถูกออกแบบด้วยแนวคิดที่เรียบง่าย นั่นคือ การทำให้อากาศที่ ‘ผ่านใต้ท้องรถ’ เคลื่อนที่ไปได้เร็วกว่าอากาศที่ไหล ‘ผ่านด้านบนตัวถัง’ เมื่อ “ล่างไหลเร็วกว่าบน” ผลลัพธ์ที่ได้เท่ากับ ‘แรงกด’ ซึ่งขบวนการที่ก่อให้เกิดการไหลของอากาศรูปแบบนี้ ได้แก่ การใช้ช่องทางเดินของอากาศขนาดใหญ่ในส่วนล่างของตัวถัง รวมทั้งลดจุดที่จะเกิดการสะสมของกระแสลม ตบท้ายด้วยการใช้ Diffuser ขนาดใหญ่ระดับเดียวรถแข่งที่บริเวณส่วนท้ายของใต้ท้องรถ เพื่อเร่งมวลอากาศให้ระบายออกไปได้เร็วที่สุด
สำหรับการทำให้อากาศบนตัวถังเคลื่อนที่ได้ช้าลง (สร้างแรงต้านทานอากาศ) จะเป็นหน้าที่ของครีบ ส่วนโค้ง สันขอบขนาดใหญ่จากแนวด้านข้าง รวมทั้งพอร์ต ช่องทางดักอากาศต่างๆ ภายในตัวถัง Valkyrie AMR Pro ปิดท้ายหนักๆ ด้วยปีกหลังชิ้นใหญ่ เมื่อ ‘แรงกด’ สัมพันธ์กับ ‘แรงยก’ ตามการคำนวณผ่านแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ และทดสอบในอุโมงค์ลม คำตอบสุดท้ายจะเป็นการยึดเกาะถนนที่มั่นคง เพราะหน้ายางของล้อขับเคลื่อนจะถูกกดให้แนบแน่นกับผิวแทร็กตลอดเวลานั่นเอง
และข้อมูลสำหรับ Valkyrie AMR Pro ที่ Aston Martin เปิดตัวเลขออกมา คือ น้ำหนักของรถทั้งคัน รวมกับ Downforce จากแอโรไดนามิกจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 กิโลกรัม ดังนั้นเฉพาะน้ำหนักตัวรถ น่าจะอยู่ในช่วง 700 กิโลกรัมเศษๆ ในระดับเดียวกับรถแข่ง F1 อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักของ Valkyrie AMR Pro จึงต้องดีกว่า ‘1:1’ ไปอีกพอสมควร
Valkyrie AMR Pro ใช้เครื่องยนต์ V12 แบบหายใจเอง (NA: Naturally Aspirated) ขนาดความจุ 6.5 ลิตร ออกแบบโดยเน้นความจัดจ้านของรอบเครื่อง โดยบล็อก V12 พร้อมกระปุกเกียร์ ถูกวางไว้กลางลำ เพื่อส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลัง ตัวเครื่องยนต์พร้อมพละกำลังจาก Energy Recovery System จะให้แรงม้ารวมถึง 1,100 bhp ซึ่งสูงกว่า Valkyrie เป็นไฮเปอร์คาร์ฝีเท้าจัด ที่สร้างแรงดึงหนักหน่วงในระดับ 3g พร้อมท็อปสปีด 360 กม./ชม. ค่าตัวทาง Aston Martin ไม่เปิดเผย บอกแต่เพียงว่าจะผลิตเพียง 25 คัน พร้อมส่งมอบรถในปี 2020 ตบท้ายด้วย…Valkyrie AMR Pro ทุกคัน มีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว
เรื่อง พิทักษ์ บุญท้วม
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th