AUDI รถยนต์ยอดเยี่ยม แห่งปี 2022
AUDI คว้า 5 รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ในงาน “Car of the year 2022” ได้แก่
Best Hybrid Mid-Size Estate Under 2,000 c.c.
Audi A5 Sportback 45 TFSI quattro S line
ยังคงความดุดันในด้านการออกแบบและตอบความสนุกในด้านการขับได้อย่างครบถ้วน สำหรับ Audi A5 Sportback 45 TFSI quattro S line ที่เน้นการออกแบบเรียบง่าย แต่มีความหรูที่โดดเด่น และความแรงของเครื่องยนต์ Mild Hybrid แบบ 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า ส่งผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro With Ultra Technology ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Audi จึงทำให้รถคันนี้ ได้รับรางวัล Best Hybrid Mid-Size Estate Under 2,000 c.c. จาก Thailand Car of The Year 2022
ความคิดเห็นจากคณะกรรมการ
ด้านการออกแบบ
ชูจุดเด่นเน้นความสปอร์ต
Audi A5 Sportback 45 TFSI quattro S line ได้รับการออกแบบตามแนวทางการออกแบบใหม่ ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มุมมองของตัวรถตั้งแต่ด้านหน้าถึงด้านท้ายเฉียบคม ลงตัว สปอร์ตเรียบหรู สะดุดตาเป็นอย่างมาก ด้วยชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ที่มีความทันสมัยยิ่งขึ้น โดยใช้ชุดไฟเป็นแบบ Matrix LED ปรับการส่องสว่างแบบอัจฉริยะ โดยจะไม่รบกวนสายตารถที่วิ่งสวนมา พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Dynamic อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi การออกแบบประตูหลังและไฟท้ายที่เรียวยาว ดูสะดุดตา มาพร้อมช่วงล่างแบบ Sports พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความสปอร์ตด้วยเบาะนั่งคู่หน้าหุ้มหนัง Fine Nappa แบบ S sports ตกแต่งด้วยลาย diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line และฟังก์ชันนวดเพื่อการผ่อนคลาย เบาะหลังขึ้น-ลงง่าย นั่งได้สบาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อม Paddle shift ให้ความสะดวกสบายกับผู้ขับขี่ด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์จากพวงมาลัย ระบบข้อมูลและความบันเทิงที่ล้ำสมัย ภายในห้องโดยสารออกแบบอย่างประณีต พิถีพิถัน ในการคัดเลือกวัสดุคุณภาพสูง ตอบสนองทั้งอารมณ์สปอร์ตและเสริมความหรูหราผ่านอุปกรณ์ทันสมัย ได้รับการออกแบบให้ภายในห้องโดยสารมีความสะดวกสบาย เอื้อต่อการขับขี่มากที่สุด ไฟภายในห้องโดยสารของ The New Audi A5 Coupé 45 TFSI quattro S line Black Edition เป็นไฟเรืองแสงแบบปรับสีได้ (Contour / ambient lighting) มีให้เลือกถึง 30 สี
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ จอเครื่องเล่นแบบทัชสกรีนขนาด 10.1 นิ้ว ระบบ MMI Radio Plus ที่รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจากแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Bang & Olufsen
เครื่องยนต์ Mild Hybrid
แบบ 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ
ตอบสนองทุกความต้องการ
Audi A5 Sportback 45 TFSI quattro S line มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Mild Hybrid แบบ 4 สูบ เครื่องยนต์รุ่น 45 TFSI พร้อมเทอร์โบชาร์จรุ่นใหม่ ให้กำลังสูงสุด 249 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม เกียร์อัตโนมัติ S tronic
7 จังหวะ ทำให้รถออกตัวดี ขับสนุก ช่วงล่างให้อารมณ์แบบสปอร์ต สร้างความตื่นเต้นและเร้าใจในการขับขี่ทั้งทางตรงและทางโค้ง มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro With Ultra Technology ปรับกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างอิสระภายในเสี้ยววินาที
ขับสนุกด้วยระบบ Quattro With Ultra Technology ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาพร้อมกับการวางเครื่องยนต์แบบวางตามยาว ซึ่งเมื่อเริ่มขับเคลื่อน รถยนต์จะใช้การกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 ล้อ ทั้งนี้ เมื่อระบบตรวจพบว่ารถอยู่ในสถานการณ์ขับขี่ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดทุกล้อ ระบบจะเปลี่ยนมาเป็นขับเคลื่อนรูปแบบ 2 ล้อ โดยอัตโนมัติ เพื่อลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง และในกรณีฉุกเฉินที่รถต้องการการกระจายแรงขับไปยังล้อใดล้อหนึ่ง เพื่อสร้างแรงยึดเกาะและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ ระบบจะเปลี่ยนการขับขี่เป็นขับเคลื่อนในรูปแบบ 4 ล้อในทันที ซึ่งในระบบประมวลผลนั้นจะมีการนำข้อมูลที่ได้รับจากการขับขี่ ทั้งองศาของการหมุนพวงมาลัย จังหวะการกดคันเร่งของผู้ขับขี่ รวมถึงแรงบิดที่ส่งมายังล้อ มาประมวลผลทุก 10 มิลลิวินาที เพื่อหาความเป็นไปได้ที่ล้อใดล้อหนึ่งจะเสียการควบคุม ซึ่งถ้าหากระบบตรวจพบความเป็นไปได้ ระบบจะส่งกำลังลงไปยังเพลาขับในทันทีล่วงหน้า ก่อนที่ล้อจะเสียการทรงตัวใน 0.5 วินาที นอกจากนั้น ระบบ Quattro with Ultra Technology ยังเรียนรู้เพื่อปรับการทำงานให้สอดรับกับลักษณะและพฤติกรรมของผู้ขับขี่อีกด้วย
…และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ Audi A5 Sportback 45 TFSI quattro S line ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Best Hybrid Mid-Size Estate Under 2,000 c.c. ประจำปี 2022 จากคณะกรรมการผู้เข้าทดสอบ
Best Sport Hatchback
Audi RS4 Avant quattro
Audi RS4 Avant quattro นับเป็นหนึ่งในรถ Station Wagon ที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัว และความแรงที่ลงตัว ทำให้รถรุ่นนี้คือนวัตกรรมยานยนต์ที่ครบเครื่อง จนทำให้เหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนอย่างท่วมท้นว่า นี่คือ Best Sport Hatchback ใน Thailand Car of The Year 2022
ความคิดเห็นจากคณะกรรมการ
Audi RS4 Avant quattro ถูกสร้างมาด้วย DNA ของรถแข่ง เครื่องยนต์ V6 สมรรถนะสูง 2.9 ลิตร เบนซิน เทอร์โบคู่ มั่นใจยิ่งขึ้นกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro all-wheel drive ให้กำลังสูงสุด 450 แรงม้า ที่ 5,700-6,700 รอบ/นาที และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,000 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 จังหวะ จึงเป็นรถยนต์สเตชันแวกอนที่มีสมรรถนะเร่งเร้าใจเป็นที่สุด ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.1 วินาที
ระบบช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้รองรับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมา โดยเป็นแบบ RS Sport 5-Links supports มีระบบ Dynamic Ride Control เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมระบบช่วงล่างทั้งหมด เพื่อช่วยสร้างความแตกต่างอย่างสมดุล เวลาที่ผู้ขับปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่
การตกแต่งภายนอก มากับดีไซน์ที่เป็นสปอร์ต ชุดแต่ง RS ดูดุดันในทุกมุมมอง ด้านหน้ากระจังหน้าแบบรังผึ้งสามมิติ โลโก้อาวดี้สีดำเงาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 275/30R20 ใหญ่เต็มซุ้ม ชุดไฟหน้าแบบ Matrix LED และหลังแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยว Sequential Light อุปกรณ์ตกแต่งภายใน เบาะนั่งหนัง Fine Nappa โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบ RS Sports ลายรังผึ้ง พร้อมฟังก์ชันนวดและปรับดันหลังได้ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังอาคันทารา เช่นเดียวกับหัวเกียร์ หน้าจอบันเทิงระบบสัมผัส MMI Touch ใหม่ล่าสุด ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ เครื่องเสียงเป็น Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ พร้อมหลังคาพาโนรามิกแก้ว เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุพื้นฐาน (Audi Pre sense basic), ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง (Audi Pre sense Rear), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist), ระบบเตือนสภาพแวดล้อมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit Warning) และกล้องแสดงภาพด้านหลัง เป็นต้น
และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ Audi RS4 Avant quattro ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Best Sport Hatchback ประจำปี 2022 จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้
Best EV Luxury SUV
Audi e-tron Sportback 55 quattro S line
ชั่วโมงนี้ต้องบอกว่า Audi e-tron Sportback 55 quattro S line คือรถไฟฟ้า Luxury ที่คนต้องการมากที่สุด เพราะรถรุ่นนี้คือนวัตกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคตที่มีเอกลักษณ์ และความประหยัดคุ้มค่า กลายเป็นรถ SUV พลังงานไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด ซึ่งทำให้เหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนอย่างท่วมท้นว่า นี่คือ Best EV Luxury SUV ใน Thailand Car of The Year 2022
ความคิดเห็นจากคณะกรรมการ
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 408 แรงม้า
Audi e-tron Sportback 55 quattro S line ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ให้พละกำลังสูงสุดถึง 300 กิโลวัตต์ หรือ 408 แรงม้า ระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง (อ้างอิงตามผลการทดสอบโดยใช้มาตรฐาน NEDC) พลังมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่งผสมผสานกับระบบขับเคลื่อน quattro ไฟฟ้า ทำให้ Audi e-tron Sportback 55 quattro S line
ตอบสนองฉับไว ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ตื่นเต้น เร้าใจ และสนุกสนาน
เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าของ Audi e-tron Sportback 55 quattro S line
มีการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (Recuperation) อย่างชาญฉลาด 2 รูปแบบ คือ ทั้งจากพลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว (Coasting) และพลังงานจากการเบรก (Braking)
รูปแบบที่ 1 พลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว ซึ่งมีวิธีการตั้งค่าการทำงานรูปแบบนี้ 2 วิธี คือ ตั้งค่าจากแป้น Paddle shift ที่สามารถเลือกปรับได้ 3 ระดับ และผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะตั้งระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่โดยอัตโนมัติ ผ่านฟังก์ชัน Predictive Efficiency Assist (PEA) ในระบบ MMI ได้อีกด้วย จากการประมวลผลและควบคุมการเคลื่อนที่เชิงฟิสิกส์ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วของรถได้จากการถอนเท้าออกจากคันเร่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรกได้
รูปแบบที่ 2 พลังงานจากการเบรก (Braking) เมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกจะส่งผลให้เกิดพลังงานกลับเข้ามาในระบบการขับขี่ หากเหยียบเบรกที่ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะสามารถนำพลังงานกลับเข้าไปได้สูงสุดถึง 300 Nm และ 220 kw หรือคิดเป็นมากกว่า 70% ของกำลังที่มอเตอร์ผลิตได้ และการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ในรุ่น e-tron Sportback นี้ สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้มากถึง 30% ของระยะทางทั้งหมด
การออกแบบล้ำสมัย เหนือระดับ
Audi e-tron Sportback 55 quattro S line ได้รับการออกแบบให้มีความล้ำสมัย สปอร์ต สมบูรณ์แบบ ภายใต้แนวคิดมุมมองใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยกระจังหน้าแบบคลาสสิกถูกอัปเกรดใหม่เป็น Single frame เส้นสาย รูปทรง สะท้อนเอกลักษณ์ของ Audi คือ ลุคสปอร์ต ขณะที่รูปทรงคูเป้ให้ความสง่างามในแบบสปอร์ต เส้นสายมีความไดนามิก เพิ่มความแข็งแกร่ง ดุดัน โดดเด่นด้วยชุดแต่งภายนอกสไตล์สปอร์ต S line สปอยเลอร์หลังและขอบประตูอะลูมิเนียม
ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งภายในและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ผสมผสานดีไซน์ ฟังก์ชัน เทคโนโลยีและลุคสปอร์ตพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกเรียบหรู กว้าง สะดวกสบาย และจากการผสานเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิทัลอย่างลงตัว ทำให้ใช้งานง่าย จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว และจอควบคุมมัลติฟังก์ชันแบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับการสั่งการด้วยการเขียนด้วยนิ้ว เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถืออย่างง่ายดายด้วย Audi smartphone interface ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ
Audi e-tron Sportback 55 quattro S line มาพร้อมกับจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำลง ทำให้เกาะถนนได้ดีขึ้น ขับขี่ได้คล่องแคล่ว แม่นยำ ขณะที่ Balance ของตัวรถ มีการออกแบบการจัดวางส่วนประกอบต่างๆ ของรถอย่างลงตัว ทำให้กระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุล โดย Perfect balance อยู่ที่ 50:50 ในกรณีที่มีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมพิเศษ กล้องแสดงภาพด้านข้าง (Virtual exterior mirrors) นวัตกรรมด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย จะมีจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันควบคุมแบบสัมผัส ที่ติดตั้งบริเวณแผงประตูซ้าย-ขวา ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นภาพด้านข้างตัวรถที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้อยู่ในสภาวะการเดินทางที่ไม่เอื้ออำนวย
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความสุดยอดของ Audi e-tron Sportback 55 quattro S line ที่เหล่าคณะกรรมการเทคะแนนให้ จนทำให้สามารถคว้ารางวัล Best EV Luxury SUV ใน Thailand Car of The Year 2022 มาครองได้สำเร็จ
Best Petrol SUV Under 2,500 c.c
Audi RS Q3 Sportback quattro
หนึ่งในรถ SUV ที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาและสมรรถนะที่เพียบพร้อม ทำให้สร้างความแตกต่างเหนือระดับกว่า SUV ทั่วไป ซึ่งเป็นเหตุผลให้ Audi RS Q3 Sportback quattro สามารถคว้ารางวัล Best Petrol SUV Under 2,500 c.c. มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความยอดเยี่ยมจะมีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้ใน Car of The Year 2022
ความคิดเห็นจากคณะกรรมการ
ด้านการออกแบบ
Audi RS Q3 Sportback quattro เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มาพร้อมกับสมรรถนะระดับสูงของรถสปอร์ตในแบบ RS Series รูปลักษณ์ภายนอกผสมผสานความเป็นคูเป้ มีความโฉบเฉี่ยวที่ซ่อนไว้ด้วยความแรงและความหรูหราในหลายๆ ส่วน ไล่ตั้งแต่ชุดแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS ที่ปรับแต่ง Audi Ring เป็นสี Glossy Black กระจังหน้าลายรังผึ้งขนาดใหญ่สีดำเงา กันชนรูปทรงบูมเมอแรง ไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED ที่ให้แสงสว่างคล้ายแสงธรรมชาติในเวลากลางวัน ขณะที่ด้านหน้ารถยังติดตั้งเซ็นเซอร์และกล้องไว้ด้วย ส่วนล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ลาย 5-V-spoke polygon เพิ่มอารมณ์ของความแรงด้วยคาลิเปอร์เบรกสีแดง
ภายในห้องโดยสารของ Audi RS Q3 Sportback quattro ตกแต่งชุดลาย Carbon Twill เบาะนั่งสีดำคู่หน้าแบบ RS Sports ตกแต่งในสไตล์ honeycomb หุ้มหนัง Fine Nappa พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Alcantara แบบสปอร์ตท้ายตัด เพิ่มความไฮเทคล้ำสมัยด้วย Audi Virtual Cockpit plus มีจอ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้จากปุ่มบนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หน้าจอรูปแบบ RS ที่แสดงผลในแบบสปอร์ตเหมือนมาตรวัดของรถแข่ง มาพร้อมกับหน้าจอ MMI Navigation plus with MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว เติมเต็มสุนทรียภาพด้วยระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ ลำโพง 15 ตำแหน่ง กำลังขับ 680 วัตต์ บวกกับหลังคาพาโนรามิกเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เบาะด้านหลังสามารถพับเพื่อขยายพื้นที่การใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ พื้นที่เก็บสัมภาระจุได้ถึง 1,400 ลิตร
ขุมพลัง RS ต้นกำเนิดจากสนามแข่ง
Audi RS Q3 Sportback quattro มาพร้อมกับความแรงด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 5 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร รีดกำลังสูงสุดได้ 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
480 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 จังหวะ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro เพิ่มแรงดึง แรงฉุดกระชาก ผ่านล้อทั้ง 4 ล้อโดยอิสระ ทำให้เสถียรภาพในการขับขี่ยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถแบบไดนามิก เสริมสร้างความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10.8 กิโลเมตร/ลิตร การปล่อย CO2 214 g/km เท่านั้น
นอกจากนี้ Audi RS Q3 Sportback quattro ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความสนุก แต่มีความปลอดภัยในการใช้งาน ไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED ที่ให้แสงสว่างคล้ายแสงธรรมชาติในเวลากลางวัน ผสานการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และกล้องด้านหน้ารถที่จะตรวจจับความเคลื่อนไหวของรถคันอื่นบนท้องถนน และพร้อมที่จะปรับลดการส่องสว่างของหลอดไฟ LED แต่ละดวงเพียงเสี้ยววินาที เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนสายตาผู้ขับขี่รถยนต์คันที่อยู่ด้านหน้าหรือคันที่วิ่งสวนมา เสริมสร้างความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีไฟท้ายแบบ LED นวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีแสงสว่างที่มีประสิทธิภาพความแม่นยำสูง ไม่เกิดเงาและแสงสะท้อน ออกแบบในลักษณะ 3 มิติ
เห็นได้อย่างชัดเจน ไฟหน้า-หลังเพิ่มระบบไฟวิ่งแบบไดนามิก ทำให้ดูโดดเด่น สะดุดตาเมื่อเวลาเปิดไฟเลี้ยวหรือไฟฉุกเฉิน
ซึ่งทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ Audi RS Q3 Sportback quattro เป็นรถที่ดีที่สุดในเซ็กเมนต์ SUV เครื่องยนต์ขนาด 2,500 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2022
Best Performance Sport Coupe
Audi TT RS Coupé quattro
ปิดท้ายความยอดเยี่ยมด้วย Best Performance Sport Coupe ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ Audi TT RS Coupé quattro รถสปอร์ตสมรรถนะสูงในตระกูล RS และยังเป็นโมเดลแห่งตำนานรถสปอร์ตของ Audi แถมยังพ่วงความแรง 400 แรงม้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro มาเต็มรูปแบบจึงทำให้ Audi TT RS Coupé quattro เป็นรถที่ขับสนุกและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
ความคิดเห็นจากคณะกรรมการ
การออกแบบเน้นความสปอร์ตและใช้งานได้อย่างลงตัว
Audi TT RS Coupé quattro ถูกออกแบบและพัฒนารูปทรงบนพื้นฐานหลักการ “TT silhouette. RS style.” ซึ่งเป็นการพัฒนารูปแบบเฉพาะของ RS จากรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับในวงกว้าง กระจังหน้าลายรังผึ้งได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ quattro ช่องอากาศได้รับการดีไซน์ใหม่ ให้มีขนาดใหญ่ สปอยเลอร์หลังมีความสวยงาม โดดเด่น สะดุดตา เสริมบุคลิกให้แข็งแกร่งด้วยชุดตกแต่งสีดำบริเวณชายล่างของกันชนหน้า ขอบกระจังหน้า และชายล่างด้านหลัง เอกลักษณ์แห่งความแตกต่างที่มีในตระกูล RS เท่านั้น
ภายในห้องโดยสารของ Audi TT RS Coupé quattro ให้ความสะดวกสบายด้วย MMI Touch ที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ที่สวยงามและชัดเจน ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจาก Bang & Olufsen ขณะที่ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ติดตั้งไว้บนพวงมาลัย เช่นเดียวกับรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง Audi R8 เพื่อเติมอารมณ์สปอร์ตให้เร้าใจยิ่งขึ้น
เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานด้วย Audi Virtual Cockpit สามารถตอบสนองการใช้งาน ให้ผู้ขับขี่เลือกดูข้อมูลที่เหมาะสมแต่ละสถานการณ์ ผ่านจอ LCD ความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่ม “view” บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันเท่านั้น เช่น เมื่อเลือกมุมมองแบบ “classic” จะแสดงผลมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังแสดงผล “infotainment” แบบ 3 มิติ ที่มีรายละเอียดสูง รวมถึงมีหน้าจอรูปแบบ RS ที่แสดงผลในแบบสปอร์ตเช่นเดียวกันกับมาตรวัดของรถแข่ง
ขุมพลัง 400 แรงม้า
มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนแบบ Quattro all-wheel drive
Audi TT RS Coupé quattro มาพร้อมเครื่องยนต์แถวเรียง 5 สูบ TFSI ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ให้ความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียงแค่ 3.7 วินาทีเท่านั้น ขณะที่เสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับระบบท่อไอเสียแบบ RS sports Exhaust ผ่านการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อถ่ายทอดเสียงของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่
ช่วงล่างแบบสปอร์ตพร้อมระบบ Audi magnetic ride ทำให้สามารถรองรับขุมพลังของเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว เร้าใจ ปลอดภัย และมั่นใจในการขับขี่ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการถ่ายทอดกำลัง การควบคุมรถ ยึดเกาะถนน และให้ความสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ Quattro all-wheel drive ที่สามารถกระจายแรงขับเคลื่อนที่เท่ากันทั้ง 4 ล้อ โดยจะกระจายแรงไปล้อละ 25% ช่วยให้การขับเคลื่อนและการยึดเกาะถนนนั้นดียิ่งขึ้น
Audi TT RS Coupé quattro ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบควบคุมการทรงตัว กล้องมองภาพด้านหลังและเซ็นเซอร์หน้า-หลัง ช่วยการนำรถเข้าจอด
ทั้งหมดที่ได้กล่าวถึงนี้ คือความพิเศษที่เหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนให้ Audi RS TT Coupé quattro คือรถสปอร์ตที่มีความครบเครื่องในทุกๆ ด้าน และได้รับรางวัล Best Performance Sport Coupe มาครองได้สำเร็จ