Audi รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2023
Audi RS 3 Sportback quattro
สำหรับความลงตัวรถ Best Hatchback Under 2,500 c.c ในปีนี้ คงต้องยกความเป็นสุดยอดให้กับ Audi RS 3 Sportback quattro รถสปอร์ตตัวถังแฮตช์แบ็ก ขนาดคอมแพค ที่มีความโดดเด่นสะดุดตา แถมพ่วงความแรงขนาด 400 แรงม้า ทำให้หลายๆ คนต้องยอมรับว่า นี่คือความลงตัว จนสามารถคว้ารางวัล Car of The Year 2023 มาครองได้สำเร็จ…
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
Audi RS 3 Sportback quattro พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Audi A3 เจเนอเรชัน 4 นับเป็นรถสมรรถนะสูงตระกูล RS รุ่นที่ 9 ของอาวดี้ ในประเทศไทย ตัวรถมากับกระจังหน้าลายรังผึ้ง กันชนหน้าแบบ RS ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ชุดแต่งภายนอกแบบ Glossy black, Audi Ring และป้ายชื่อรุ่นสี Glossy black ซุ้มล้อหน้ากว้างขึ้น 33 มม. มีช่องระบายอากาศและซุ้มล้อหลังกว้างขึ้น 10 มม. ส่วนอุปกรณ์มาตรฐาน Audi RS 3 Sportback quattro มาพร้อมกับชุดไฟหน้า Matrix LED, ชุดไฟท้าย LED แบบ Dynamic, ชุดไฟวิ่งกลางวันระบบดิจิทัล แบบพิกเซล ขนาด 3 x 5 ที่มาพร้อมกับเอฟเฟกต์ light staging แบบ RS 3-signature ฝั่งผู้ขับเมื่อปลดล็อกรถ ส่วนไฟ Daytime Running Light จะแสดงในรูปแบบของธงตาหมากรุก, ล้อลาย Y spoke ปั๊มลาย RS ขนาด 19 นิ้ว, คาลิเปอร์เบรกสีแดงปั๊มลาย RS, ตัวคาลิเปอร์เป็นแบบ 6 pot เจาะรูระบายอากาศ พร้อมระบบควบคุมอากาศที่ทำให้เบรกเย็นลงเร็วขึ้นกว่าเดิม 20%
ห้องโดยสารตกแต่งแบบเฉพาะรุ่น อุปกรณ์ติดรถมีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ท้ายตัด สไตล์ RS sport หุ้มหนังพร้อม paddle shift และปุ่มปรับโหมด RS performance บนพวงมาลัยฝั่งขวา, เบาะคู่หน้าแบบ RS sport stitching ลาย diamond cut, ชุดจอ Virtual cockpit plus รองรับการแสดงผล
รอบเครื่องยนต์ในรูปแบบกราฟ หรือ RS runway design แรงบันดาลใจจากรันเวย์สนามบิน, การแสดงค่า G- forces, การจับเวลาต่อรอบ, การจับเวลา 0-100, 0-200 หรือ ¼ mile, ฟังก์ชัน RS-Blinking shift indicator บอกช่วงเวลาเหมาะสมในการเปลี่ยนเกียร์ด้วย paddle shift ในโหมด manual ต่อด้วยจอกลางขนาด 10.1 นิ้ว หรือ RS Monitor แสดงข้อมูลอุณหภูมิของระบบหล่อเย็น, เครื่องยนต์ และน้ำมันเกียร์ รวมไปถึง ค่าลมยาง, หลังคา panoramic sunroof, ระบบปรับอากาศแยกอิสระ 3 โซน, ระบบเสียงพรีเมียมจาก Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ ปิดท้ายด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวกจากระบบช่วยจอด (Park assist)
เครื่องยนต์และระบบความปลอดภัย
Audi RS 3 Sportback quattro มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ 5 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ คลัตช์คู่ 7 จังหวะ S-tronic กำลังสูงสุด 400 แรงม้า (hp) แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมเพิ่มความกระหึ่มด้วยระบบระบายไอเสีย RS Sport Exhaust ซึ่งผู้ขับสามารถเปิด-ปิดได้ ในโหมด RS Performance ซึ่งจะเรียกประสิทธิภาพของรถทั้งหมดให้เหมาะกับขับในสนามแข่งโดยเฉพาะ ทั้ง 2 โหมดนี้นับเป็นการติดตั้งเพิ่มเติมเป็นครั้งแรกในรุ่น RS 3 เพื่อตอบโจทย์นักขับสไตล์สปอร์ตโดยเฉพาะ นอกจากนี้โหมดในการขับแบบปกติยังเลือกได้อีก 5 โหมด ระหว่าง Comfort, Auto, Dynamic, Efficiency หรือ RS individualปิดท้ายด้วยระบบใหม่ Modular vehicle dynamics controller (mVDC) ซึ่งเป็นตัวกลางที่จะนำข้อมูลจากระบบ Torque splitter, Adaptive dampers และ Wheel selective torque control มาประมวลผลเข้าด้วยกัน เพื่อให้รถมีความคล่องตัวในขณะเข้าโค้งมากยิ่งขึ้น
ช่วงล่างแบบ RS sport suspension มาพร้อมระบบกันสั่นสะเทือนและวาล์วที่ออกแบบใหม่ สำหรับ RS 3 Sportback โดยเฉพาะ สามารถตั้งองศาล้อได้อย่างแม่นยำ เช่น การตั้งแคมเบอร์ให้ลบ จะทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยแม่นยำยิ่งขึ้น เข้าโค้งได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับ A3 รุ่นพื้นฐาน ล้อหน้าจะถูกตั้งค่าให้มีแคมเบอร์ลบเพิ่มขึ้น 1 องศา ขณะที่ล้อหลังจะถูกตั้งค่าให้มีแคมเบอร์ลบเพิ่มขึ้น 0.5 องศา ยังผลให้ความสูงช่วงล่างลดลง ติดตั้งระบบ RS Torque splitter ช่วยกระจายแรงบิดอัตโนมัติแบบไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายแรงบิดที่ล้อหลังได้ดียิ่งขึ้น ตัวระบบมีแผ่นคลัตช์แยกการทำงานของล้อซ้าย-ขวา ได้อย่างอิสระในช่วงที่เข้าโค้ง ลดอาการ understeer และยังสามารถช่วยให้ดริฟต์ง่ายขึ้น ด้วยการเลือกโหมด RS Torque Rear ซึ่งจะถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ทั้งหมดลงสู่ล้อหลังเพียงล้อเดียวได้ด้วย
ทั้งหมดนี้คือความพิเศษที่เหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนให้ Audi RS 3 Sportback quattro คือรถที่มีความสุดยอดในด้านการออกแบบและเทคโนโลยีมากที่สุดในกลุ่มรถ Hatchback และได้รับรางวัล Best Hatchback Under 2,500 c.c มาครองได้สำเร็จ
Audi RS 6 Avant quattro
ยังคงความดุดันในด้านการออกแบบและตอบความสนุกในด้านการขับได้อย่างครบถ้วน สำหรับ Audi RS 6 Avant quattro รถหรูในกลุ่ม E-Segment ที่เน้นการออกแบบเรียบง่าย แต่มีความหรูที่โดดเด่น และความแรงของเครื่องยนต์ในระดับ 600 แรงม้า ส่งผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro With Ultra Technology ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Audi จึงทำให้รถคันนี้ได้รับรางวัล Best Mid-size Hatchback Under 4,000 c.c. จาก Thailand Car of The Year 2023
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
Audi RS 6 Avant quattro มาในภาพลักษณ์ที่สปอร์ตเต็มที่ ด้วยกระจังหน้าแบบ Single frame สีดำเงา, ชุดแต่ง Glossy Black RS รอบคัน, ตราสัญลักษณ์ Audi Rings สีดำเงา, ล้อขนาด 22 นิ้ว อุปกรณ์มาตรฐานมีชุดไฟหน้าแบบ HD Matrix พร้อมไฟ Audi laser ให้ความสว่างมากกว่าไฟ LED แบบปกติ 2 เท่า พร้อมฟังก์ชันลด/หลบหลีกแสงรบกวนรถที่สวนทางและรถด้านหน้า, ลูกเล่นไฟวิ่งแบบ Light staging ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และท่อไอเสีย RS Sport ขนาดใหญ่ทรงรี
ห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยลาย Carbon Twill Structure ทว่า ใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ในแบบรถแวกอน เบาะพรีเมียมหุ้มหนัง Valcona แบบ RS Sports เดินด้ายสีแดง, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด, คันเกียร์หุ้มหนัง Alcantara สีดำ, ชุดพรมด้านหน้าสีดำเดินด้ายแดง พร้อมตราสัญลักษณ์ RS และหลังคาแบบพาโนรามิกรูฟ ผู้ขับสะดวกด้วยจอ Head up display, มาตรวัดฟูลดิจิทัล 3 มิติ Virtual Cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลในขณะการขับได้ง่ายๆ ด้วยปุ่ม view บนพวงมาลัย สามารถแสดงผลหน้าจอแบบ RS แบบเดียวกับมาตรวัดรถแข่ง ส่วนจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์ MMI Navigation plus เป็นแบบทัชสกรีน ขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันแสดงภาพแบบ 360 องศา
เครื่องยนต์
และระบบความปลอดภัย
Audi RS 6 Avant quattro มากับเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร TFSI จ่ายเชื้อเพลิงตรง อัดอากาศด้วยทวิน-เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์
Tiptronic 8 จังหวะ ของ ZF เสริมประสิทธิภาพด้วยระบบ MHEV หรือ mild hybrid กำลังสูงสุด 600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 81.52 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที โหมดในการขับเลือกได้ ผ่านฟังก์ชัน Audi drive select แบบอัตโนมัติ หรือเลือกขับแบบเรซซิ่งได้กับ RS MODE
ช่วงล่างจูนพิเศษแบบ RS Sports เพื่อรองรับกำลังที่เพิ่มขึ้น, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro with sports differential, ระบบบังคับเลี้ยวแบบ 4 ล้อ All-wheel steering ช่วยให้วงเลี้ยวแคบลงในขณะใช้ความเร็วต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวในช่วงความเร็วสูง, มั่นคงด้วยชุดระบบ Dynamic Ride Control และชุดเบรก RS ตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดง ชุดระบบความปลอดภัยมีแพ็กเกจระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุแบบพื้นฐาน หรือ Audi pre sense basic, ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง หรือ Rear cross-traffic assist
และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ Audi RS 6 Avant quattro ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Best Mid-size Hatchback Under 4,000 c.c ประจำปี 2023 จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
Audi RS 5 Coupé quattro
นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่มรถเซ็กเมนต์ Sport Coupe สำหรับ Audi RS 5 Coupé quattro ที่พ่วงความแรงด้วยขุมพลัง V6 ขนาด 2.9 ลิตร กำลังสูงสุด 450 แรงม้า และระบบช่วงล่างแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro With Ultra Technology ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Audi และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย จนทำให้คว้ารางวัล Car of The Year 2023 ในคลาส Best Sport Coupe Over 2,500 c.c. มาครองได้อย่างเหนือชั้น ซึ่งความโดดเด่นแบบเหนือชั้นจะมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
ภายนอกของ Audi RS 5 Coupé quattro ถูกตกแต่งในสไตล์ RS ด้วยโลโก้หน้า-หลัง สีดำ, สปอยเลอร์ท้ายแบบ Ducktail, กระจกมองข้างและกรอบหน้าต่างสีดำ, ดิฟฟิวเซอร์บริเวณกันชนท้ายพร้อมท่อไอเสีย RS, หลังคาพาโนรามิกตกแต่งหลังคาด้วยสีดำ Mythos Black Metallic, ซุ้มล้อถูกขยายความกว้างขึ้น 15 มม. พร้อมไฟหน้าแบบ Matrix LED และล้ออัลลอย EVO design ขนาด 20 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Fine Nappa สีดำ ตัดด้วยตะเข็บสีแดงลวดลาย Honeycomb พร้อมฟังก์ชันนวด, พวงมาลัยหุ้ม Alcantara, เข็มขัดนิรภัยตกแต่งด้วยสีแดง, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Audi virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้วแสดงผลแบบ RS, หน้าจออินโฟเทนเมนต์ MMI Navigation plus ขนาด 10.1 นิ้ว สามารถแสดงค่า G ได้, ระบบเสียงรอบทิศทาง Bang & Olufsen พร้อมลำโพง 19 ตำแหน่ง ให้กำลังขับรวม 755 วัตต์ และระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ 3 โซน เป็นต้น
เครื่องยนต์
และระบบความปลอดภัย
RS 5 Coupé quattro ใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 2.9 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงตรง อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์ tiptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro กำลังสูงสุด 450 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 61.1 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที
สำหรับโหมดในการขับ Audi drive select เพิ่มโหมดใหม่ 2 โหมด ประกอบด้วย RS 1 และ RS 2 เมื่อผู้ขับตั้งค่าโหมดทั้งสองให้เหมาะกับความชอบส่วนตัวแล้วและบันทึกค่าเอาไว้ จะสามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม RS MODE บนพวงมาลัย โดยไม่ต้องสั่งงานผ่าน MMI touch response ส่วนระบบช่วงล่างของ Audi RS 5 Coupé เป็นแบบ RS Sports suspension เน้นประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนมากขึ้น พร้อมด้วยระบบเบรก RS ตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดงทั้งหน้าและหลัง
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ Audi RS 5 Coupé quattro ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล Best Sport Coupe Over 2,500 c.c. มาครองได้สำเร็จ
Audi RS 4 Avant quattro
นับเป็นหนึ่งในรถ Station Wagon ที่เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและนวัตกรรมยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์ จนทำให้ Audi RS 4 Avant quattro เป็นรถที่ได้รับเลือกว่าดีที่สุดในกลุ่มรถ Station Wagon ซึ่งเหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนอย่างท่วมท้นว่า นี่คือ Best Sport Hatchback ใน Thailand Car of The Year 2023
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
Audi RS 4 Avant quattro มากับดีไซน์ที่เป็นสปอร์ต ชุดแต่ง RS ดูดุดันในทุกมุมมอง ด้านหน้ากระจังหน้าแบบรังผึ้งสามมิติ โลโก้อาวดี้สีดำเงาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 275/30R20 ใหญ่เต็มซุ้ม ชุดไฟหน้าแบบ Matrix LED และหลังแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยว Sequential Light
อุปกรณ์ตกแต่งภายใน เบาะนั่งหนัง Fine Nappa โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบ RS Sports ลายรังผึ้ง พร้อมฟังก์ชันนวดและปรับดันหลังได้ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังอัลคันทารา เช่นเดียวกับหัวเกียร์ หน้าจอความบันเทิงระบบสัมผัส MMI Touch ใหม่ล่าสุด ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ เครื่องเสียงเป็น Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ พร้อมหลังคาพาโนรามิกแก้ว เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
เครื่องยนต์
และระบบความปลอดภัย
Audi RS 4 Avant quattro ถูกสร้างมาด้วย DNA ของรถแข่ง เครื่องยนต์ V6 สมรรถนะสูง 2.9 ลิตร เบนซิน เทอร์โบคู่ มั่นใจยิ่งขึ้นกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro all-wheel drive ให้กำลังสูงสุด 450 แรงม้า ที่ 5,700-6,700 รอบ/นาที และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,900-5,000 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ tiptronic 8 จังหวะ จึงเป็นรถยนต์สเตชันแวกอนที่มีสมรรถนะเร่งเร้าใจเป็นที่สุด ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.1 วินาที
ระบบช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้รองรับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นมา โดยเป็นแบบ RS Sport 5-Links supports มีระบบ Dynamic Ride Control เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมระบบช่วงล่างทั้งหมด เพื่อช่วยสร้างความแตกต่างอย่างสมดุล เวลาที่ผู้ขับปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุพื้นฐาน (Audi Pre sense basic), ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ ด้านหลัง (Audi Pre sense Rear), ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist), ระบบเตือนสภาพแวดล้อมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit Warning) และกล้องแสดงภาพด้านหลัง เป็นต้น
ทั้งหมดนี้คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ Audi RS 4 Avant quattro ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Best Sport Hatchback ประจำปี 2023 จากคณะผู้ทรงคุณวุฒิในการทดสอบครั้งนี้
Audi e-tron GT
ชั่วโมงนี้ต้องบอกว่า Audi e-tron GT คือรถไฟฟ้า Supercar ที่คนต้องการมากที่สุด เพราะรถรุ่นนี้คือนวัตกรรมยานยนต์แห่งโลกอนาคต ที่มีเอกลักษณ์ และความประหยัดคุ้มค่า กลายเป็นรถ Supercar พลังงานไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความใช้งานได้ดีที่สุด ซึ่งทำให้เหล่าคณะกรรมการต่างลงคะแนนอย่างท่วมท้นว่า นี่คือ Best EV Supercar ใน Thailand Car of The Year 2023
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
Audi e-tron GT เป็นรถซาลูนหรู ตัวถัง 4 ประตู ในกลุ่ม Executive car (E-Segment) ที่ใช้แพลตฟอร์ม J1 Performance Platform ในการผลิต ปัจจุบันรถในเครือโฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ที่ใช้งานแพลตฟอร์มนี้ก็คือ Porsche Taycan ทำให้มีมิติความยาวตัวรถ 4,990 มม. กว้าง 1,960 มม. สูง 1,410 มม. ฐานล้อ 2,900 มม. น้ำหนักตัวประมาณ 2,200 กก. Audi e-tron GT มาพร้อมชุดไฟหน้า Matrix LED with Laser light, ชุดไฟท้ายแบบ LED พร้อมฟังก์ชัน Light staging เมื่อปลดล็อกรถ, หลังคาพาโนรามิกพร้อมเทคโนโลยีกรองแสง ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร, ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว, คาลิเปอร์เบรกสีดำ
ห้องโดยสารตกแต่งแบบสปอร์ต, พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Optimized Progressive ทรงสปอร์ต ท้ายตัด หุ้มหนัง, ชุดระบบ Virtual cockpit plus มาตรวัด
ฟูลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว จับคู่จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบ MMI Navigation plus ขนาด 10.1 นิ้ว, ระบบ Audi smartphone interface รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth, ชุดซาวด์ซิสเต็มของ Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ, ชุดไฟแอมเบียนท์ 30 สี, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยกอิสระ 3 โซน พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 85 ลิตร ด้านหลัง 405 ลิตร
มอเตอร์ไฟฟ้า
และระบบความปลอดภัย
Audi e-tron GT ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว วางบนเพลาหน้า-หลัง จ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาด 93.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังรวมกันสูงสุด 476 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 530 แรงม้า ด้วย boost mode ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro เร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.5 วินาที (และ 4.1 วินาที ด้วย boost mode) ความเร็วสูงสุด 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะทางวิ่ง 540 กิโลเมตร (523 กิโลเมตร ในรุ่น
Performace) ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC
นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยพื้นฐาน Audi e-tron อาทิ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง หรือระบบควบคุมการทรงตัว เบรก ABS ยังมีระบบช่วยขับขี่อย่างชุดระบบช่วยขับในกลุ่ม ADAS มี อาทิ ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน, ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านหน้ารถเมื่ออยู่บนทางแยก, ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ และระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง เป็นต้น และในทุกรุ่น Audi e-tron GT มีเทคโนโลยี e-sound สำหรับสร้างเสียงสังเคราะห์แบบ Sports, ระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรก/ยกคันเร่ง สามารถเลือกระดับการเก็บเกี่ยวพลังที่สูญเปล่าได้ผ่านฟังก์ชัน Predictive efficiency assist (PEA) ในระบบ MMI
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความสุดยอดของ Audi e-tron GT ที่เหล่าคณะกรรมการเทคะแนนให้ จนทำให้สามารถคว้ารางวัล Best EV Supercar ใน Thailand Car of The Year 2023 มาครองได้สำเร็จ
Audi RS Q3 Sportback quattro
หนึ่งในรถ SUV ที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาและสมรรถนะที่เพียบพร้อม ทำให้สร้างความแตกต่างเหนือระดับกว่า SUV ทั่วไป ซึ่งเป็นเหตุผลให้ Audi RS Q3 Sportback quattro สามารถคว้ารางวัล Best Petrol SUV Under 2,500 c.c มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความยอดเยี่ยมจะมีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้ใน Car of The Year 2023
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
การออกแบบ
Audi RS Q3 Sportback quattro ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกผสมผสานความเป็นคูเป้ในสไตล์ RS มีความโฉบเฉี่ยวที่ซ่อนไว้ด้วยความแรงและความหรูหราในหลายๆ ส่วน ไล่ตั้งแต่ชุดแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS ที่ปรับแต่ง Audi Ring เป็นสี Glossy Black กระจังหน้าลายรังผึ้งขนาดใหญ่ สีดำเงา กันชนรูปทรงบูมเมอแรง ไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED ที่ให้แสงสว่างคล้ายแสงธรรมชาติในเวลากลางวัน ขณะที่ด้านหน้ารถยังติดตั้งเซ็นเซอร์และกล้องไว้ด้วย ส่วนล้ออัลลอยเป็นขนาด 21 นิ้ว ลาย 5-V-spoke polygon เพิ่มอารมณ์ของความแรงด้วยคาลิเปอร์เบรกสีแดง
ภายในห้องโดยสารของ Audi RS Q3 Sportback quattro ตกแต่งชุดลาย Carbon Twill เบาะนั่งสีดำคู่หน้า แบบ RS Sports ตกแต่งในสไตล์ honeycomb หุ้มหนัง Fine Nappa พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Alcantara แบบสปอร์ตท้ายตัด เพิ่มความไฮเทคล้ำสมัยด้วย Audi Virtual Cockpit plus มีจอ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้จากปุ่มบนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หน้าจอรูปแบบ RS ที่แสดงผลในแบบสปอร์ตเหมือนมาตรวัดของรถแข่ง มาพร้อมกับหน้าจอ MMI Navigation plus with MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว เติมเต็มสุนทรียภาพด้วยระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ ลำโพง 15 ตำแหน่ง กำลังขับ 680 วัตต์ บวกกับหลังคาพาโนรามิกเลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า เบาะด้านหลังสามารถพับเพื่อขยายพื้นที่การใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ พื้นที่เก็บสัมภาระจุได้ถึง 1,400 ลิตร
ขุมพลัง RS
ต้นกำเนิดจากสนามแข่ง
Audi RS Q3 Sportback quattro มาพร้อมกับความแรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบชาร์จ 5 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร รีดกำลังสูงสุดได้ 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 จังหวะ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro เพิ่มแรงดึง แรงฉุดกระชาก ผ่านล้อทั้ง 4 ล้อโดยอิสระ ทำให้เสถียรภาพในการขับขี่ยึดเกาะถนนมากยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถแบบไดนามิก เสริมสร้างความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10.8 กิโลเมตร/ลิตร การปล่อย CO2 214 g/km เท่านั้น
นอกจากนี้ Audi RS Q3 Sportback quattro ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มไปด้วยความสนุก แต่มีความปลอดภัยในการใช้งาน ไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED ที่ให้แสงสว่างคล้ายแสงธรรมชาติในเวลากลางวัน ผสานการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และกล้องด้านหน้ารถที่จะตรวจจับ ความเคลื่อนไหวของรถคันอื่นบนท้องถนน และพร้อมที่จะปรับลดการส่องสว่างของหลอดไฟ LED แต่ละดวงเพียงเสี้ยววินาที เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนสายตาผู้ขับขี่รถยนต์คันที่อยู่ด้านหน้าหรือคันที่วิ่งสวนมา เสริมสร้างความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีไฟท้ายแบบ LED นวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยีแสงสว่างที่มีประสิทธิภาพความแม่นยำสูง ไม่เกิดเงาและแสงสะท้อน ออกแบบในลักษณะ 3 มิติ เห็นได้อย่างชัดเจน ไฟหน้า-หลัง เพิ่มระบบไฟวิ่งแบบไดนามิก ทำให้ดูโดดเด่น สะดุดตา เมื่อเวลาเปิดไฟเลี้ยวหรือไฟฉุกเฉิน
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือเหตุผลที่ทำให้ Audi RS Q3 Sportback quattro เป็นรถที่ดีที่สุดในเซ็กเมนต์ SUV เครื่องยนต์ขนาด 2,500 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2023