Audi e-tron GT มาอีกหนึ่งสปอร์ตซีดานไฟฟ้าสมรรถนะสูง
Audi ขยายทางเลือกรถไฟฟ้า e-tron ของตนด้วยการเปิดตัว e-tron GT รถซีดานในสไตล์ 4 ประตูคูเป้สมรรถนะสูงออกมา โดยนอกจากจะเป็นรถไฟฟ้ารุ่นสูงสุดของ Audi ทั้งในด้านเทคโนโลยีและราคาแล้ว ทางผู้ผลิตยังหวังให้เป็นคู่ต่อกรในตลาดของรถซีดานไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่มีอยู่แล้วอย่าง Porsche Taycan และ Tesla Model S ด้วย
Audi e-tron ซึ่งใช้แพลตฟอร์ม J1 Performance ของ Volkswagen Group ซึ่งออกแบบโดย Porsche มี 2 ทางเลือกของสมรรถนะให้เลือกคือรุ่นพื้นฐานในชื่อ e-tron GT Quattro และรุ่นสมรรถนะสูงขึ้น RS e-tron GT โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ซึ่งมอเตอร์แต่ละตัวแยกอยู่ที่ด้านหน้าและด้านหลังเหมือนกัน แต่รุ่นพื้นฐานจะมาพร้อมกับกำลัง 476 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 630 นิวตัน-เมตร ในขณะที่รุ่นสมรรถนะสูงกว่ามีกำลัง 598 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 830 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นผลมาจากที่มอเตอร์หลังของรุ่น RS มีกำลัง 335 kWh ในขณะที่รุ่นพื้นฐานมีกำลัง 320 kWh ส่วนมอเตอร์หน้าของทั้ง 2 รุ่นมีกำลัง 175 kWh เหมือนกัน
e-tron GT ทั้ง RS และรุ่นพื้นฐานมาพร้อมกับระบบส่งกำลังสู่ล้อ 2 สปีด เพื่อให้อัตราเร่งที่รวดเร็ว รวมทั้งยังมีฟังก์ชั่น Over-Boost ให้ใช้อีก 2.5 วินาที จึงส่งผลให้ RS e-tron GT ใช้เวลา 3.1 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ขณะที่ e-tron GT Quattro ใช้เวลา 3.9 วินาทีในการทำอัตราเร่งเท่ากัน และมีความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. ในขณะที่รุ่น RS มีความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 255 กม./ชม.
ในส่วนของแบตเตอรีของ e-tron ทั้ง 2 รุ่นมีขนาด 86 kWh ซึ่งให้ระยะการเดินทางได้ถึง 488 กิโลเมตร นอกจากนี้ทาง Audi ยังใช้สถาปัตยกรรมไฟฟ้าใหม่ 800V จึงทำห้มีการชาร์จพลังงานเร็วกว่าที่เคย และสามารถรองรับการชาร์จได้สูงสุด 270 kW สำหรับการชาร์จพลังงาน e-tron GT มี 2 ช่องชาร์จแยกอยู่ที่บริเวณ 2 ฝั่งของซุ้มล้อหน้า โดยที่ทั้ง 2 ช่องชาร์จไฟสามารถชาร์จไฟ AC ได้ ขณะที่ช่องชาร์จฝั่งผู้โดยสารจะรองรับการชาร์จไฟ DC ด้วย โดยเมื่อชาร์จกับระบบชาร์จแบบเร็วไฟ DC ใช้เวลา 22.5 นาทีเพื่อชาร์จพลังงานจาก 5-80 เปอร์เซ็นต์ และหากชาร์จในระดับสูงสุดจะใช้เวลา 5 นาทีเพื่อเดินทางได้ 100 กิโลเมตร หากชาร์จไฟตามบ้านจะรองรับได้ถึง 11 kW ซึ่งสามารถชาร์จพลังงานจนเต็มได้เมื่อชาร์จข้ามคืน
นอกจากให้สมรรถนะที่เร้าใจแล้ว Audi ยังระบุว่า e-tron มาพร้อมกับเสียงที่เร้าใจด้วยแม้จะเป็นรถไฟฟ้า จากการใช้เวลานานเพื่อสร้างสรรค์เสียงที่มีเอกลักษณ์ให้กับรถ พร้อมกับมี 2 ชุดควบคุมเสียงและระบบขยายเสียงในพื้นที่เก็บของด้านหลังของรถ ซึ่งจะสร้างเสียงที่แตกต่างกันระหว่างภายนอกและภายในของรถออกมาผ่านลำโพง 2 ตัวทั้งภายนอกและภายใน โดยทาง Audi ระบุว่าข้อมูลด้านความเร็วในการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า น้ำหนักบรรทุกของรถ และความเร็วของรถ รวมทั้งการปรับตั้งอื่นๆ จะถูกใช้เป็นพื้นฐานในการสร้างเสียงดิจิตอล เพื่อให้เสียงที่มีความสมจริงและน่าประทับใจตามระบบขับเคลื่อน
เพื่อให้สมกับเป็นรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในขณะเดินทาง Audi จึงมีทางเลือกที่ไม่ใช้หนังภายในห้องโดยสารมาให้เลือก รวมทั้งมีเบาะที่ถูกผลิตเพื่อความยั่งยืนจากการรีไซเคิลขวดเพ็ต อย่างไรก็ตามเพื่อการสร้างประสบการณ์ของรถสปอร์ตให้กับผู้ขับ จึงมีการออกแบบให้เบาะของรถอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ ส่วนจอตรงกลางทำมุมเข้าหาผู้ขับ พร้อมกับการออกแบบในลักษณะที่เรียกว่า Lightweight ในส่วนของคอนโซลกลางและแผงแดชบอร์ดเพื่อสร้างความรู้สึกที่กว้างของพื้นที่ในห้องโดยสาร
e-tron ถูกระบุว่ามีระบบช่วงล่างและควบคุมรถที่เป็นอีกจุดเด่น โดยช่วงล่างของรุ่นพื้นฐานเป็นแบบดับเบิลวิชโบนซึ่งเพิ่มการใช้อลูมิเนียมให้มากขึ้น ในขณะที่ระบบควบคุมรถเป็นแบบ E;ectro-mechanical Steering เพื่อหลีกเลี่ยงการควบคุมที่ไม่ต่อเนื่อง แต่ก็ให้ความสปอร์ตและความรู้สึกของการควบคุม ในรุ่น RS ยังมาพร้อมกับช่วงล่างอแดปทีฟ ระบบช่วงล่าง 3-Chamber Air Suspension ทำงานร่วมกับโช๊กอีเล็กทรอนิก พร้อมกับสามารถปรับความสูง-ต่ำของรถได้
สำหรับราคาของ Audi e-tron GT ในเยอรมนีจะเริ่มต้นที่ 99,800 ยูโรสำหรับ e-tron GT Quattro และเริ่มต้น 138,200 สำหรับรุ่น RS
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th