Audi เตรียมส่ง E-Tron S รุ่นสปอร์ตขึ้นของเอสยูวีไฟฟ้าลุยยุโรป
ในขณะที่รถยนต์ปกติที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงของ Audi มีทางเลือกที่สปอร์ตขึ้นด้วยรุ่น RS กับรถเอสยูวีไฟฟ้า E-Tron และ E-Tron Sportback ทาง Audi ก็มีทางเลือกที่มีสมรรถนะสูงขึ้นมาเป็นทางเลือกด้วยเช่นเดียวกัน และยังคงเกี่ยวข้องกับตัว S อยู่ เพราะมาในชื่อ E-Tron S และ E-Tron S Sportback โดยทาง Audi กำลังจะส่งทำตลาดยุโรปในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้
ความสปอร์ตของ Audi E-Tron S ที่มากกว่า E-Tron รุ่นปกติมาพร้อมกับการเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ถูกผลิตแบบแมสส์โปรดักชั่นในตลาดที่ใช้มอเตอร์ 3 ตัว โดยมอเตอร์ 2 ตัวของรถจะอยู่ที่เพลาหลัง และอีกตัวที่เหลืออยู่ที่เพลาหน้า ซึ่งผลจากการมีมอเตอร์มากขึ้นทำให้ Audi อ้างว่า E-Tron S สามารถให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 503 แรงม้า และมีแรงบิดไม่น้อยกว่า 973 นิวตัน-เมตรมาให้ใช้ในเวลา 8 วินาที เมื่อใช้เกียร์ S สำหรับการทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ของรถเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นนี้ใช้เวลา 4.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กม./ชม.
อย่างไรก็ตามสำหรับการขับตามปกติขุมกำลังไฟฟ้าของ E-Tron S จะสร้างพลังขับเคลื่นอออกมา 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 808 นิวตัน-เมตร ซึ่งแบตเตอรี 95 kWh ของรถจะสามารถให้พลังงานสำหรับเดินทางได้ 364 กิโเมตรต่อการชาร์จ ในขณะที่กับ E-Tron S Sport Back อยู่ที่ 370 กิโลเมตรต่อการชาร์จ โดยที่รุ่นสปอร์ตของรถเอสยูวีไฟฟ้ามาพร้อมกับการรองรับระบบชาร์จพลังงานแบบเร็ว 150 KW ซึ่งทางผู้ผลิตระบุว่าทำให้ใช้เวลาในการชาร์จพลังงานจาก 5-80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
อีกสิ่งที่มาใน E-Tron S คือ Torque Vectoring แท้ๆ บนเพลาหลังผ่าน 2 มอเตอร์ไฟฟ้าที่จะทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนระบบช่วงล่างมาตรฐานของรถเป็นแบบ Adaptive Air Suspension พร้อมกับการปรับ S-specific ที่สามารถปรับระดับความสูงของรถได้แตกต่างกันถึง 3 นิ้ว ในขณะที่โหมดการขับ Audi Drive Select มีให้เลือก 7 โหมด รวมไปถึงมีการใช้กันโคลงที่มีความแข็งแรงขึ้น และปรับอัตราทดของพวงมาลัยเพื่อให้การควบคุมที่ดุดันขึ้น
ทาง Audi ระบุว่าลักษณะการขับเคลื่อนของ E-Tron ที่มาพร้อมกับป้าย S จะเน้นไปที่ล้อหลังมากขึ้น ส่วนการหยุดรถมีการใช้คาลิเปอร์ 6 ลูกสูบพร้อมดิสก์เบรกขนาด 400 มม. ที่ล้อหน้า
นอกจากกำลังขับเคลื่อนของ E-Tron S ที่เหนือกว่า E-Tron แล้ว ตัวรถยังมีความกว้างขึ้น 5 ซม. ด้วยจากส่วนของของบริเวณซุ้มล้อที่ขยายขึ้นมา รวมไปถึงรถยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 20 นิ้ว กันชนหน้าและหลังที่ดุดันขึ้น โดยที่กันชนหลังมาพร้อมกับ Diffuser เต็มความกว้างของรถเพื่อบ่งบอกถึงการเป็นรุ่นที่สปอร์ตขึ้น
Audi E-Tron S ที่จะเริ่มขายตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงนี้ถูกตั้งราคาในเยอรมนีไว้ที่ 91,435 ยูโร ส่วน E-Tron S Sportback อยู่ที่ 93,628 ยูโร
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th