Audi เผยภาพและสมรรถนะ e-Tron S และ e-Tron S Sportback ที่มาพร้อม 3 มอเตอร์
ตามปกติ Audi มักใช้รหัส S กับรุ่นสมรรถนะสูงในรถของตนอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงรถไฟฟ้า รหัส S ก็ยังคงใช้อยู่กับรุ่นสมรรถนะสูงของรถเอสยูวีไฟฟ้า e-Tron และเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า e-Tron Sportback โดยมาในชื่อ e-Tron S และ e-Tron S Sportback ซึ่งล่าสุดทาง Audi ได้มีการเผยแพร่ภาพและรายละเอียดด้านสมรรถนะ รวมไปถึงราคาของของรถไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นออกมา
Audi e-Tron S และ e-Tron S Sportbcak ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่มีการผลิตสำหรับขายจำนวนมากที่มาพร้อมกับการใช้ 3 มอเตอร์ โดย 2 มอเตอร์ถูกติดตั้งที่เพลาหลัง ขณะที่อีกมอเตอร์ติดตั้งที่ด้านหน้า ส่งผลให้มีกำลังรวมจากระบบ 503 แรงม้า แรงบิด 973 นิวตัน-เมตร ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจด้านกำลังของรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงทั้ง 2 รุ่นคือแรงบิดสูงสุดมีมาให้ใช้ในเวลา 8 วินาที และยังทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 4.5 วินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 209 กม./ชม.
สำหรับพลังงานของมอเตอร์ทั้ง 3 ใน e-Tron S และ e-Tron S Sportback มาจากแบตเตอรีแรงดันสูง ความจุ 95 kWh โดยสามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรีได้ 91 เปอร์เซ็นต์หรือ 86 kWh ซึ่งทำให้เดินทางได้ 359 กิดลเมตรในรุ่นปกติ และ 363 กิโลเมตรในรุ่น Sportback
ทาง Audi ระบุว่าทั้ง e-Tron S และ e-Tron S Sportback มาพร้อมระบบควบคุมการขับอัจฉริยะที่ “นำความปลอดภัยในการควบคุมและความคล่องตัวไปสู่ระดับใหม่” และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานจะมีเฉพาะมอเตอร์ที่เพลาหลังเท่านั้นที่ทำงานในการขับตามปกติ โดยที่มอเตอร์ด้านหน้าจะร่วมทำงานด้วยเมื่อผู้ขับต้องการสมรรถนะที่มากขึ้น หรือก่อนจะสูญเสียการยึดเกาะถนน ขณะที่มอเตอร์ด้านหลังแต่ละตัวจะส่งแรงบิดไปที่ล้อหลังแต่ละฝั่งผ่านระบบส่งกำลังสปีดเดียวทำให้ไม่จำเป็นต้องมีเฟืองท้ายเมคานิก
เมื่อเทียบกับ e-Tron รุ่นสมรรถนะปกติ รุ่นที่มี S ต่อท้ายจะเน้นในการขับเคลื่อนที่ล้อหลังมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถควบคุมรถเพื่อดริฟต์ได้ด้วยการปรับการทำงาน ESC ไปที่ Sport และโหมดการขับเลือกที่ Dynamic นอกจากนี้ยังมีการปรับจูนช่วงล่างถุงลมแบบอแดปทีฟซึ่งปรับระดับความสูงของรถเพิ่มได้มากสุดถึง 76 มม. เพื่อให้ผู้ขับควบคุมรถได้มากขึ้น
Audi e-Tron รุ่น S ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับล้อขนาด 21 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งมีดิสก์เบรกขนาดใหญ่และคาลิเปอร์ 6 ลูกสูบที่ล้อหน้า โดยคาลิเปอร์มาในสีดำและตัวหนังสือ S เพื่อบ่งบอกรุ่นสมรรถนะสูง
นอกจากสมรรถนะแล้วความแตกต่างจาก e-Tron รุ่นปกติยังอยู่ที่ตัวรถภายนอกซึ่งมีความกว้างขึ้น 50 มม. จากบริเวณซุ้มล้อที่กว้างขึ้น กันชนมีความดุดันขึ้นพร้อมด้วยการใช้โครเมียมแต่ง กระจังหน้าเฉพาะพร้อมป้าย S และด้านหลังมี Diffuser ขนาดใหญ่ ส่วนภายในห้องโดยสารเน้นการใช้สีดำ โดยเบาะสปอร์ตหนัง Fine Nappa ปักสัญลักษณ์ S และใช้อลูมิเนียมขัดหรือคาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุสำหรับแต่งภายในห้องโดยสาร
ราคาของ Audi e-Tron S เริ่มต้นที่ 87,000 ปอนด์ และ 88,700 ปอนด์สำหรับ e-Tron S Sportback ในอังกฤษ โดยที่ Audi เปิดรับจองตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th