Audi e-Tron Sportback สปอร์ตเอสยูวีไฟฟ้า
ปัจจุบันดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้ผลิตรถยนต์มักจะต้องทำรถเอสยูวีรูปทรงสปอร์ตที่มีแนวเส้นหลังคาลาดลงด้านหลังเหมือนรถคูเป้ออกมาเป็นทางเลือกนอกเหนือจากรถเอสยูวีเวอร์ชั่นปกติ และก็เป็นเรื่องปกติที่งานมอเตอร์โชว์ใหญ่ๆ ในปัจจุบันมักจะต้องมีรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ถูกเปิดตัวออกมาให้เห็น สำหรับงานแอลเอ ออโตโชว์ซึ่งเป็นงานใหญ่ปลายปีทาง Audi เลือกใช้เป็นสถานที่เปิดตัว e-Tron Sportback ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสปอร์ตของรถเอสยูวีไฟฟ้าที่เปิดตัวออกมาเมื่อปีที่แล้ว
ภายนอกของ Audi e-Tron Sportback แน่นอนว่าด้านหน้าของรถยังคงเด่นด้วยกระจังหน้าซิงเกิลเฟรมขนาดใหญ่ในสไตล์ของ Audi โดยมาในสี Platinum Grey พร้อมมีช่องดักอากาศขนาดใหญ่เสริมความสปอร์ต แต่สิ่งที่โดดเด่นและใหม่จริงๆ ที่ด้านหน้าของรุ่น Sportback คือไฟหน้า Digital Matrix LED ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ไฟลักษณะนี้กับรถที่ถูกผลิตจำนวนมากสำหรับจำหน่าย โดยไฟจะถูกฉายออกมาจากในลักษณะพิกเซลขนาดเล็กจำนวนมากซึ่งสามารถควบคุมให้ไฟมีความละเอียดได้มากกว่าไฟ LED ทั่วไป นอกจากนี้ทาง Audi ยังระบุว่าไฟหน้าประกอบด้วยกระจกขนาดเล็กหรือ Micromirror ที่สามารถเอียงได้ถึง 5,000 ครั้ง/วินาที จึงทำให้สามารถให้แสงหรือบังแสงบางส่วนได้อย่างแม่นยำ รวมไปถึงสามารถฉายภาพเคลื่อนไหวบนกำแพงหรือพื้นเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ตรงหน้ารถให้เป็นเวทีแสงได้
แน่นอนว่าด้านหลังของรถมาในดีไซน์แบบรถคูเป้ตามชื่อ Sportback พร้อมกับมีสปอยเลอร์เพิ่มความสปอร์ตบนฝากระโปรงหลัง ในขณะที่ส่วนอื่นที่โดดเด่นภายนอกของ e-Tron Sportback คือบริเวณซุ้มล้อหลังที่ถูกออกแบบให้ใหญ่ดูเป็นมัดกล้ามในสไตล์รถสปอร์ต และรถมาพร้อมกับคิ้วซุ้มล้อที่เลือกได้ระหว่างสีเทาหรือสีเดียวกับตัวรถ โดยที่มีล้อ 19 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
แต่หากต้องการรูปลักษณ์ที่สปอร์ตขึ้นทาง Audi มีทางเลือกด้วยรุ่น S Line ที่เพิ่มความดุดันภายนอกของ e-Tron Sportback ขึ้นกันชนหน้า สปอยเลอร์หลัง และล้อขนาด 20 นิ้วที่มีดีไซน์สปอร์ตขึ้น รวมไปถึงมาพร้อมกับการปรับช่วงล่าง Air Suspension ให้สปอร์ตขึ้น และแผ่นป้ายพร้อมไฟส่องสว่างและสัญลักษณ์ S ที่ขอบประตู
ด้านสมรรถนะของ e-Tron Sportback มี 2 ทางเลือกคือ e-Tron Sportback 55 Quattro ที่ใช้แบตเตอรี 95 kWh ให้พลังงานแก่มอเตอร์คู่กำลัง 360 แรงม้า แรงบิด 561 นิวตัน-เมตร สำหรับการเดินทางได้สูงสุด 466 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ในขณะที่อัตรเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ของรุ่นนี้อยู่ที่ 6.6.วินาที และมีความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. แต่หากเลือกขับในโหมด S มอเตอร์ของรถจะสามารถสร้างกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 664 นิวตัน-เมตร รวมไปถึงมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ดีขึ้นเป็น 5.7 วินาทีได้เป็นเวลา 8 วินาทีต่อครั้ง
นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกที่ประหยัดลงด้วย e-Tron Sportback 50 ซึ่งความจุแบตเตอรีลดลงเหลือ 71 kWh รวมทั้งมีกำลังลดลงเป็น 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 540 นิวตัน-เมตร โดยมีระยะการเดินทางต่อการชาร์จแบตเตอรี 347 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม. อย่างไรก็ตามระบบขับเคลื่อนของ e-Tron Sportback จะเป็นแบบใช้ล้อหลังเป็นหลักเพื่อช่วยในด้านการประหยัดพลังงาน แต่จะมีการใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเมื่อจำเป็น
สำหรับการชาร์จทาง Audi ระบุว่า e-Tron จะสามารถชาร์จพลังงานได้ 80 เปอร์เซ็นต์โดยใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีเมื่อใช้เครื่องชาร์จแบบเร็ว 150 kW กับ Sportback 55 และเครื่องชาร์จ 120 kW กับ Sportback 50 ส่วนราคาของ e-Tron Sportback ในเยอรมนีจะเริ่มต้นที่ 71,350 ยูโรโดยหลังเริ่มรับจองในช่วงปลายเดือนนี้แล้วจะมีกำหนดส่งมอบรถในยุโรปประมาณไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th