5 เหตุผลที่คุณควรเลือกซื้อ Audi Q8 e-tron
Audi Q8 e-tron รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในประเทศไทย มาลองดูกันว่ามีความพิเศษอะไรที่คุณควรตัดสินใจซื้อ
ตอนนี้มีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) หลากหลายรุ่นในบ้านเรา แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณควรตัดสินใจซื้อ Audi Q8 e-tron เอสยูวีพลังงานไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของแบรนด์รถยนต์พรีเมียมสัญชาติเยอรมัน หลังจากอาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการในราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
1. ได้ขับรถที่ใช้โครงสร้างตัวถังเดียวกับ Porsche Cayenne และ Lamborghini Urus
ทีมวิศวกร Audi พัฒนาโมเดล Q8 e-tron บนพื้นฐานแพล็ตฟอร์ม MLB Evo ซึ่งเป็นโครงสร้างตัวถังเดียวกับPorsche Cayenne (เจเนอเรชั่น 3), Lamborghini Urus และ Bentley Bentayga บรรดาเอสยูวีภายใต้เครือ Volkswagen Group
แต่ความได้เปรียบของ Q8 e-tron อยู่ตรงที่ Audi คือแกนหลักในการพัฒนา MLB Platform ตั้งแต่รุ่นแรกที่ถูกนำมาเป็นโครงสร้างตัวถังในการผลิตทั้งรถยนต์ซีดานของพวกเขาเอง (A5, A4, A6, A7, A8) ไปจนถึงเอสยูวี (Q5, Porsche Macan) และ Volkswagen Phideon ซีดานแฟล็กชิพของแบรนด์แม่
จนมาถึง MLB Evo ที่ยังคงถูกพัฒนาเพื่อรองรับโมเดลเครื่องยนต์วางหน้าตามแนวยาว (Longitudinal) เริ่มเข้าสู่สายการผลิตจริงครั้งแรกกับ Audi Q7 เจเนอเรชั่นที่ 2 เมื่อปี 2015 โดยบททสอบสำคัญคือความสามารถในการรองรับกำลังระดับ 640 แรงม้า และความเร็วที่สูงกว่า 300 กม./ชม. ของ Urus หนึ่งในเอสยูวีที่เร็วที่สุดของโลก
แค่นี้ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า Q8 e-tron มีความยอดเยี่ยมในการควบคุม และความสนุกในการขับระดับเดียวกับซูเปอร์เอสยูวีสัญชาติอิตาเลี่ยน รวมไปถึง Cayenne ที่ครองยอดขายอันดับ 1 ของ Porsche Thailand มาตลอดหลายปี และ Bentayga ที่ขายความลักชัวรี่สไตล์ผู้ดีอังกฤษ
อีกความแตกต่างระหว่าง Audi กับแบรนด์รถยนต์อื่นในเครือ Volkswagen Group คือการมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ โดย Q8 e-tron ยังได้รับการอัพเกรดสู่เจเนอเรชั่นใหม่ e-quattro พร้อมติดตั้งช่วงล่างแบบถุงลม (Adaptive Air Suspension) ที่หากคุณได้ลองขับแล้วจะสามารถรับรู้ถึงประสิทธิภาพในการเกาะถนนที่แตกต่างกว่าแบรนด์รถยุโรปค่ายอื่นในทันที
2. ลักชัวรี่เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าที่มีระยะการขับสูงสุด
ตามข้อมูลของอาวดี้ ประเทศไทย พวกเขาเคลมว่า Audi Q8 e-tron คือ “The Best Driving Range in Class” หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าที่มีระยะทางการขับสูงสุดต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง หากเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน
เริ่มต้นกับระบบขับเคลื่อนของ Q8 e-tron โดยทั้ง 4 รุ่นย่อยที่ขายในประเทศไทยจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เพื่อส่งกำลังให้ล้อหน้า และล้อหลัง ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Gear โดย Q8 e-tron 50 quattro และ Q8 Sportback e-tron 50 quattro S line แบตเตอรี่ลิเธียมไออนจะมีขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้มีกำลังสูงสุด 313 แรงม้า (340 แรงม้าใน Boost Mode) และแรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร (664 นิวตันเมตรใน Boost Mode) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7 วินาที (Boost Mode 6 วินาที)
ขณะที่ Q8 e-tron 55 quattro Black Edition และ Q8 Sportback e-tron 55 quattro S line Black edition เพิ่มความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไออนเป็น 114 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้กำลังสูงสุดเพิ่มเป็น 360 แรงม้า (408 แรงม้าใน Boost Mode) และแรงบิดสูงสุด 561 นิวตันเมตร (664 นิวตันเมตรใน Boost Mode) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 6.5 วินาที (Boost Mode 5.6 วินาที) แต่ทั้ง 4 รุ่นย่อยความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 200 กม./ชม.
สำหรับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่อง The Best Driving Range in Class ก็ไม่ยากอะไร กางสเปคออกมาเทียบกันไปเลย Q8 e-tron ที่เปิดตัวในประเทศไทย 4 รุ่นย่อยในตัวถัง SUV และ Sportback มีระยะทางการขับ/ชาร์จ ที่แตกต่างกันตามตารางด้านล่างนี้
ตัวเลขระยะทางการขับของ Q8 e-tron จะเห็นได้ว่าถ้าเป็นมาตรฐานทดสอบ NEDC จะลดหลั่นไปตามรุ่น แต่พอเป็นการทดสอบมาตรฐาน WLTP ที่ใหม่กว่าในรุ่นรองทั้งตัวถัง SUV และ Sportback ระยะทางการขับจะลดลงมาเหลือระหว่าง 404-448 กม./ชาร์จ เช่นเดียวกับรุ่นท็อปรหัส 55 จะเพิ่มเป็น 468-520 กม./ชาร์จ
ทำให้พอนำมาเปรียบเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์ Mid-size Luxury Crossover SUV ของประเทศไทย ทั้งที่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และผ่านผู้นำเข้าอิสระจะเป็นตามนี้
* มาตรฐานทดสอบ NEDC, ** มาตรฐานทดสอบ WLTP, *** Tesla Supercharger, **** ราคาโดยประมาณของผู้นำเข้าอิสระ
3. ออปชั่นพิเศษ Virtual Exterior Mirrors ติดตั้งกล้องแทนกระจกมองข้าง
การใช้กล้องมาติดตั้งแทนกระจกมองข้างอาจเป็นเทคโนโลยีที่คุณเห็นมานานแล้ว และยังไม่มีรถยนต์รุ่นใดนำเสนออย่างจริงจัง แต่ตอนนี้คุณสามารถเลือกติดตั้ง Virtual Exterior Mirrors กล้องแสดงภาพด้านข้างเป็นออปชั่นพิเศษใน Q8 e-tron ที่จะทำให้คุณเหมือนกำลังขับรถยนต์ในโลกอนาคต
การติดตั้ง Virtual Exterior Mirrors เป็นแพ็คเกจที่ทำงานร่วมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร โดยกล้องแสดงภาพด้านข้างจะแสดงผลบนหน้าจอแบบ OLED ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นแบบสัมผัสที่ติดตั้งบริเวณแผงประตูขวา-ซ้าย ช่วยเพิ่มการมองเห็นด้านข้างกับผู้ขับขี่ที่ชัดเจนมากขึ้นถึงจะอยู่ในสภาพอากาศที่เลวร้ายก็ตาม
นอกจากนี้ผลการทดสอบของ Audi ยืนยันว่ากล้องแสดงภาพด้านข้างของพวกเขาได้ผ่านการทดสอบ และรับรองว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบแอโรไดนามิกให้เอสยูวีพลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้ จากการที่ความกว้างของรถจะลดลง 15 เซนติเมตร ส่งผลให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Drag Coefficient) ดีขึ้นหากเทียบกับ Q8 e-tron ที่ติดตั้งกระจกมองข้างปกติ โดยตัวถัง SUV แรงต้านลดจาก 0.28 มาเหลือ 0.27 และ Sportback จะลดจาก 0.26 มาเป็น 0.24
»» อาวดี้ ประเทศไทย ตั้งราคาสำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตั้งออปชั่นพิเศษ Virtual Exterior Mirrors ในรถยนต์ Q8 e-tron: 150,000 บาท
4. ความลักชัวรี่ Made in EU ในราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท
ระหว่างงานแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อเล็กซานเดอร์ วอน วาลเด็นเบอร์ก เดรสเซล ผู้อํานวยการฝ่ายต่างประเทศ Audi AG รับผิดชอบกลุ่มประเทศอาเซียน, ไต้หวัน, อินเดีย และยุโรปตะวันออก เปิดเผยว่าทางสำนักงานใหญ่ที่อิงโกลสตัดท์ ตัดสินใจสนับสนุนการทำตลาดประเทศไทย ด้วยการเลือกนำโมเดลปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบในโรงงานของประเทศที่มีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับประเทศไทย เพื่อสิทธิพิเศษทางภาษีที่จะทำให้ในอนาคตโมเดลขับเคลื่อนไฟฟ้าของ Audi จะมีราคาที่ถูกลงอีกหลายแสนบาท
แต่ตอนนี้ Q8 e-tron และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ของแบรนด์สี่ห่วงยังนำเข้าจากยุโรป โดยผลิตที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นโรงงานหลักของโมเดลพลังงานไฟฟ้าของ Audi นับตั้งแต่ปี 2018 ทำให้ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงเมื่อนำเข้ามาขายในบ้านเรา หากเทียบกับประเทศที่อยู่ในข้อตกลง FTA
ในขณะที่คู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน BMW iX นำเข้าจากโรงงานดินโกลฟิงต์ ประเทศเยอรมัน, Jaguar I-Pace ผลิตที่โรงงานของแม็กน่า สเตียร์ บริษัทรับจ้างผลิตรถยนต์รายใหญ่ของประเทศออสเตรีย และ Tesla Model X ถูกส่งมาจากโรงงานผลิตที่ฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
หากวิเคราะห์จากข้อมูลล่าสุดตามนโยบายใหม่ของ Audi AG หมายความว่ากลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาที่จะนำเข้ามาขายในประเทศไทย โมเดลที่ประกอบในประเทศจีนมีความเป็นไปได้มากที่สุด ด้วยความพร้อมจากการที่ Volkswagen บริษัทแม่เข้าไปจับมือลงทุนร่วมกับ FAW Group ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ปี 2009 ทำให้พวกเขาเข้าไปดำเนินธุรกิจแบบเต็มรูปแบบมีทั้งศูนย์วิจัย และพัฒนา, การผลิตชิ้นส่วน และโรงงานผลิต 4 แห่ง
ขณะที่อินเดีย อีกหนึ่งประเทศที่มีข้อตกลง FTA กับประเทศไทย โดย Audi มีการเปิดโรงงานประกอบแบบ CKD ภายใต้การดูแลของ Skoda Auto VW India บริษัทย่อยของแบรนด์รถยนต์ในเครือ Volkswagen มาตั้งแต่ปี 2007 แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าพวกเขาจะเพิ่มการลงทุนเพื่อตั้งไลน์ประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้
ทำให้มีอีกความเป็นไปได้ว่า Audi อาจตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานประกอบรถยนต์เพิ่มในภูมิภาคอาเซียนหรือแถบเอเชียแปซิฟิก โดยหากไม่ใช่ประเทศไทยอาจเป็นมาเลเซีย ที่มีโรงงานประกอบของ Volkswagen อยู่แล้ว หรืออินโดนีเซียที่ทางรัฐบาลของพวกเขาสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์เข้ามาตั้งฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมา
5. รองรับชาร์จไฟฟ้า DC สูงสุด 170 KW และ AC 22 KW
สุดท้ายเป็นปัญหายอดฮิตของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าเจ้าของ Q8 e-tron 8’ไม่ได้ซื้อเอสยูวีไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นรถคันแรกหรือคันเดียวในบ้าน แต่เทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้หลายคนคงอยากขับบ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และอุปสรรคเดียวของรถยนต์ไฟฟ้าคือเรื่องการชาร์จที่ไม่อาจสะดวกเท่ากับรถยนต์น้ำมัน
แต่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ล้ำสมัยของ Audi ทำให้ Q8 e-tron รองรับกำลังไฟฟ้าแรงสูง ชาร์จด้วยไฟกระแสตรง (DC) ทั้งหัวชาร์จที่จ่ายกำลังไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ และ 170 กิโลวัตต์ ทำให้ลดระยะเวลาในการชาร์จลงได้หลายนาที โดยหากเป็น Q8 e-tron 55 quattro ใช้เวลา 31 นาทีชาร์จจาก 10-80%
เช่นเดียวกับชาร์จด้วยกระแสไฟสลับ (AC) หรือ Wallbox ที่ติดตั้งตามบ้านเจ้าของรถ Q-8 e-tron สามารถเลือกได้ว่าจะติดตั้งกำลังไฟฟ้าสูงสุด 22 กิโลวัตต์ที่จะใช้เวลา 4 ชั่วโมง 50 นาทีชาร์จจาก 0-100% (Q8 e-tron 55 quattro) หรือจะใช้เครื่องชาร์จขนาด 11 กิโลวัตต์ หรือ 7.4 กิโลวัตต์ ทำให้บางคนที่มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่ม
เรื่องชาร์จที่เหนือกว่า Audi คงมีแค่ Tesla ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันเพียงรายเดียวเท่านั้น หลังจากเข้ามาสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการพวกเขาเดินหน้าติดตั้งสถานี Supercharger ที่มีกำลังไฟฟ้าสูงถึง 250 กิโลวัตต์ เพื่อให้บริการเฉพาะลูกค้าของพวกเขาทันที โดยเริ่มขยายสู่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ ที่สำคัญคือช่วงนี้ยังเปิดให้ชาร์จฟรีอีกด้วย
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Audi Media/อาวดี้ ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Audi Q8 e-tron รถยนต์ไฟฟ้า