Audi Q8 พรีเมียมเอสยูวีที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคุณ
Flagship โมเดลใหม่ในกลุ่มเอสยูวี Audi Q8 ครบเครื่องทั้งความหรูหราสไตล์เยอรมัน, สมรรถนะความแรงระดับ 340 แรงม้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่เป็นเอกลักษณ์มายาวนานเกือบ 40 ปี
ในช่วงแรกที่บริษัท Meister Technik เปิดตัวในฐานะผู้นำเข้า-จำหน่ายรถยนต์ Audi รายใหม่ของประเทศไทย เมื่อราว 3 ปีที่แล้ว Q7 นับเป็นโมเดลเอสยูวีแรกที่รับหน้าที่หัวหอกหลักของพวกเขาในการสร้างชื่อเสียงของแบรนด์สี่ห่วงแห่งเมืองอิงโกลสตัดท์ ประเทศเยอรมัน ก่อนที่ Q8 จะเข้ามาช่วยเสริมทัพ เพื่อเป็นอีกทางเลือกของคนที่มองหาพรีเมียมเอสยูวีที่มีความสปอร์ต
พื้นฐานของ Audi Q8 ผลิตบนแพล็ตฟอร์ม MLBevo ที่ไม่ได้ใช้งานเพียงแค่ในแบรนด์ของตัวเอง แต่รวมไปถึงบรรดาเอสยูวีร่วมเครือ Volkswagen Group ตั้งแต่พรีเมียมเอสยูวียอดฮิตของคนไทย Porsche Cayenne ทั้งตัวถังปกติ และ Coupe, Bentley Bentayga แบรนด์หรูสัญชาติอังกฤษที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาดรถอเนกประสงค์ จนถึง Lamborghini Urus ซูเปอร์เอสยูวีสัญชาติอิตาเลี่ยน
แต่อะไรที่ทำให้เอสยูวีของ Audi แตกต่างจากแบรนด์ในกลุ่ม Volkswagen อันดับแรกคงจะต้องยกให้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โดยพวกเขาเริ่มนนำมาติดตั้งกับรถยนต์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นครั้งแรกใน Audi Quattro ที่เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการคว้าแชมป์แรลลี่ WRC ในปี 1982 และ 1984 จนกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์โมเดลอื่นๆ หลังจากนั้น
เจาะรายละเอียด Audi Q8
Audi Q8 เป็นรถที่ผ่านการออกแบบโดยสะท้อนแนวคิดใหม่ของ Audi Design Language อย่างชัดเจนหลังจากเริ่มใช้ครั้งแรกในรุ่น A8 ด้วยการออกแบบให้รถมีรูปทรงที่ดูแข็งแกร่งตามแบบฉบับของเอสยูวี, กระจังหน้าขนาดใหญ่รูปทรง 8 เหลี่ยม ช่วยให้รถดูมีพลัง เสริมความหรูหราด้วยเส้นขอบโครเมียมแนวตั้ง 6 เส้น ตัดด้วยเส้นแนวนอนสีเทาเข้ม รับกับกันชนหน้าที่มีช่องรับอากาศ (Air inlets) ขนาดใหญ่ เพิ่มความรู้สึกน่าเกรงขาม, ดุดัน และแสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง
ความโดดเด่นสะดุดตาของ Q8 ที่ถือเป็นเอกลักษณ์คือไฟหน้าแบบ HD Matrix LED พร้อมไฟสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Light) ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวจากการออกแบบในลักษณะเส้นแนวตั้ง เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนยามค่ำคืน และลดการรบกวนเพื่อนร่วมทางจากระบบ Matrix LED ที่ไฟแต่ละดวงทำงานเป็นอิสระเลือกจุดตกกระทบได้อย่างเหมาะสม
Audi Q8 มาพร้อมกับไฟเลี้ยวแบบไดนามิกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เมื่อมีการล็อกหรือปลดล็อกรถ ไฟทั้งด้านหน้า-ด้านหลังจะติดสว่างในรูปแบบไฟอนิเมชั่นหรือ Light Staging นวัตกรรมแห่งการออกแบบ Algorithm การควบคุมการส่องสว่างรูปแบบใหม่
ขณะที่เส้นสาย และรูปทรงต่างๆ ออกแบบได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นแนวหลังคาที่ลาดลงตามแบบฉบับของรถคูเป้ให้อารมณ์สปอร์ต และหรูหรา เส้นสายรอบตัวรถที่เป็นไปตามหลักการอากาศพลศาสตร์ ทำให้ Q8 ดูเหมือนพร้อมที่พุ่งทะยานไปยังข้างหน้าตลอดเวลา เติมเต็มด้วยหลังคาพาโนรามิกเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ขณะที่ตัวถังด้านข้างของรถยนต์รุ่นนี้ใช้พื้นฐานตัวถัง MLBevo ร่วมกับ Audi Q7 และโมเดลอื่นๆ ในเครือVolkswagen Group มีรูปทรงที่โดดเด่นสวยงาม ยังเพิ่มเติมสิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด ด้วยการดึงอารมณ์ของรถคูเป้มาใช้กับกระจกหน้าต่างแบบไร้ขอบ ให้ความรู้สึกหรูหราและสปอร์ตยิ่งขึ้น
Audi Q8 โดดเด่นท้าทายทุกสายตาด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่ 1 ในอัตลักษณ์ของ quattro DNA ของ Audi มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ที่จะทำให้ทุกการเดินทางเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของรถยนต์เอสยูวีขนาดใหญ่ได้อย่างแท้จริง
ด้านท้ายสวยงามลงตัวกับการออกแบบไฟท้ายแบบแนวนอนพร้อมไฟ LED เชื่อมต่อกันระหว่างด้านซ้าย-ขวา ทำให้ท้ายรถดูเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีเอกลักษณ์ที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล โดยแถบสีดำเชื่อมต่อไฟท้ายยังได้รับแรงบันดาลใจจาก Audi Ur quattro
การออกแบบตัวถังไม่เพียงแต่เน้นให้มีความสวยงาม หรูหราเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญในด้านวิศวกรรมด้วยการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมในรูปแบบของ Multi-material Construction โดยอลูมิเนียม และเหล็กชนิดต่างๆ จะถูกเลือกใช้ในชิ้นส่วน และตำแหน่งที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมของการใช้งาน
Audi Q8 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั้งในเมือง และนอกเมือง หนึ่งในเป้าหมายคือความนุ่มนวลภายในห้องโดยสารจะต้องได้รับการพัฒนาเพื่อให้ถูกใจผู้โดยสาร ช่วงล่างระบบถุงลมแบบสปอร์ตสามารถปรับระดับความสูงของตัวถังได้สูงสุดถึง 90 มิลลิเมตร เพื่อใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามสภาพการขับขี่ในแต่ละสถานการณ์ ทำให้ทุกการเดินทางเต็มเปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์สปอร์ต
และถึงแม้ว่า Q8 จะมีแนวเส้นหลังคาที่ลาดลงตามแบบฉบับของรถยนต์แบบคูเป้ แต่ยังคงมีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่มากถึง 605 ลิตร พร้อมแผ่นปิดสัมภาระแบบไฟฟ้าหนึ่งเดียวในตลาดเดียวกัน และสามารถขยายพื้นเพิ่มสูงสุด 1,755 ลิตร เมื่อพับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง ทำให้รองรับสำหรับทุกกิจกรรมที่ท้าทาย
เปรียบเทียบสมรรถนะเครื่องยนต์พรีเมียมเอสยูวี
โมเดล เครื่องยนต์ กำลังสูงสุด (แรงม้า)
BMW X6 xDrive30d M Sport ดีเซล TwinPower Turbo V6 3.0 ลิตร 265
Mercedes-Benz GLE 350 d 4MATIC Coupe ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 258
Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe เบนซินเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 367
Volvo XC90 D5 AWD ดีเซลคอมมอนเรล ทวินเทอร์โบ V4 2.0 ลิตร 235
Volvo XC 90 T8 Twin Engine AWD ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์ Drive-E 2.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ 407
สำหรับระบบขับเคลื่อนของ Audi Q8 55 TFSI quattro S line จะกระจายแรงบิดไปยังล้อหน้า และล้อหลังในรูปแบบ 40:60 ในการขับปกติ แต่สามารถปรับการกระจายแรงบิดสู่ทั้ง 4 ล้ออย่างอิสระตามสภาพการขับขี่จริง ทำให้มั่นใจในการควบคุมรถยนต์ในทุกสถานการณ์ เรียกว่าหากคุณได้ลองขับเอสยูวีคันนี้เข้าโค้งยากๆ หรือขับบนถนนที่ฝนตกน้ำเจิ่งนองจะรู้สึกได้ถึงความมั่นใจกว่ารถคันอื่นๆ ที่เคยได้ขับมา ตามปรัชญาที่พวกเขาตั้งเอาไว้ว่า “พละกำลังจะไร้ค่าโดยสิ้นเชิงหากขาดการควบคุม”
ในส่วนของขุมกำลังตอนนี้บ้านเรามีตัวเลือกเดียวเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร V6 พร้อมระบบ MHEV ที่มีกำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 250 กม./ชม. เรียกว่าขับสนุกทั้งในเมือง และออกต่างจังหวัด โดยเกียร์ Tiptronic 8 สปีดของพวกเขาทำงานยอดเยี่ยมเปลี่ยนได้ไหลลื่นแบบไร้รอยต่อ
การออกแบบภายในห้องโดยสารเน้นความสะดวกสบาย เบาะนั่งคู่หน้าแบบ S Sports หุ้มหนัง Valcona คุณภาพสูงตัดเย็บตกแต่งแบบไดมอนด์คัตพร้อมสัญลักษณ์ S line โดยมีการแบ่งพื้นที่ชัดเจนทำให้คนขับรู้สึกเหมือนอยู่ในค็อกพิตของเครื่องบินด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual Cockpit ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัดว่าต้องการให้แสดงข้อมูลอะไรระหว่างการเดินทาง
แนวทางดีไซน์ของ Audi ต้องการนำเสนอความหรูหราที่ล้ำสมัยติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยี Haptic ให้ความรู้สึกเหมือนจริงในการสัมผัสแบบเดียวกับที่ใช้งานในสมาร์ตโฟนอย่าง iPhone 11 เพื่อให้บริเวณคอนโซลกลางมีสวิตช์ควบคุมน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยระบบเสียงจะมีความพรีเมียมจาก Bang & Olufsen 3D Sound พร้อมลำโพง 17 ตำแหน่ง กำลังขับรวม 730 วัตต์ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยกอิสระ 4 โซน และม่านบังแดดด้านข้างประตูสำหรับผู้โดยสารด้านหลังควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
นับเป็นเอสยูวีระดับพรีเมียมที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ทั้งความหรูหรา และอารมณ์เร้าใจแบบสปอร์ต แต่ไม่อยากเหมือนใคร โดยอาวดี้ ประเทศไทย ตั้งราคาของ Audi Q8 55 TFSI quattro S line ไว้ที่ 6,799,000 บาท ที่หากคุณได้ลองขับสักครั้งจะรู้ได้เลยว่าคุ้มเกินราคาแน่นอน
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Audi Thailand
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th