Audi เดินหน้าใช้เชื้อเพลิง R33 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
Audi R33 เชื้อเพลิง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยรถยนต์ใหม่หลายคันที่ออกจากโรงงาน Audi นั้นใช้เชื้อเพลิง R33 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลังจากที่สถานีเติมน้ำมันของโรงงาน เปลี่ยนไปใช้ R33 Blue Diesel เมื่อปีที่แล้ว ได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์เสริม R33 Blue Gasoline ซึ่งเป็นแนวทางของ Audi ในการมีส่วนร่วมในการลดฟอสซิล และช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศ
R33 Blue Diesel ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีวางจำหน่ายที่สถานีเติมน้ำมัน Audi ในเมือง Ingolstadt และ Neckarsulm ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021 ในขณะนี้ R33 Blue Gasoline แทนที่น้ำมันเบนซิน E10 แบบเดิม
Audi R33 เชื้อเพลิง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สู่เป้าหมายการเป็นผู้ผลิตที่มีค่าคาร์บอนเป็นกลางในปี 2025 ด้วยหลากหลายวิธีการ โดยหนทางหนึ่งที่ทำเพื่อไปสู่จุดหมายนี้ คือ การใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซลผสมพิเศษ ที่เป็นการผสมระหว่างเชื้อเพลิงฟอสซิลมาตรฐานกับเชื้อเพลิงทดแทน เพื่อเติมลงในถังน้ำมันของรถ Audi ที่ออกไปจากโรงงานในเยอรมนี รวมทั้งรถที่ใช้งานภายในโรงงาน
เชื้อเพลิงใหม่ที่เป็นการผสมระหว่าง น้ำมันเบนซินหรือดีเซลกับเชื้อเพลิงทดแทนถูกเรียกว่า R33 เป็นการพัฒนาขึ้นมาโดยความร่วมมือระหว่าง Volkswagen Group กับ Shell และ Bosch ซึ่งมาจากแนวคิดการสร้างเชื้อเพลิง ที่สามารถช่วยให้มีคาร์บอนน้อยลง โดยที่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์ และปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ โดยทาง Audi เริ่มเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงดีเซล R33 Blue Diesel มาตั้งแต่ปี 2021 แล้ว และตอนนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันรายนี้ ก็ได้เริ่มใช้เชื้อเพลิงเบนซิน R33 Blue Gasoline
ส่วนผสมของเชื้อเพลิง R33 คือการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล 2 ใน 3 ในส่วน ขณะที่อีก 1 ใน 3 ส่วนเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพทดแทน โดยในส่วนของน้ำมันเบนซินจะเป็นการใช้เอธานอลที่ผสมกับ Bionaphtha สารตกค้างที่ดึงออกมาจากวัตถุเหลือทิ้ง ขณะที่ในส่วนของน้ำมันดีเซลจะเป็นการผสมกับเชื้อเพลิง Paraffinic ซึ่งมีน้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบสำคัญกับไบโอดีเซล
ทาง Audi บอกว่าเชื้อเพลิงเบนซิน R33 Blue Gasoline ได้มาตรฐานทั่วไปของน้ำมันเบนซิน จึงทำให้สามารถใช้ร่วมกับทุกสิ่ง ที่สามารถทำงานโดยใช้น้ำมันเบนซินที่มีเอธานอลผสม 10 เปอร์เซ็นต์ตามปั๊มน้ำมันทั่วไปได้ ในขณะที่เชื้อเพลิงดีเซล R33 Blue Diesel ยังได้มาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้งานในเครื่องยนต์ดีเซลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เก่าหรือเครื่องยนต์ใหม่ และยังมีรายงานว่าเชื้อเพลิงมีมาตรฐานความสะอาด พร้อมกับช่วยลดการกัดกร่อนด้วย
ทาง Audi ไม่ได้ระบุถึงอัตราสิ้นเปลือง จากการใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่บอกว่าจากการวิเคราะห์ ถึงปัญหามลพิษตั้งแต่ต้นทางของการผลิตพลังงาน จนถึงที่ปล่อยจากรถยนต์ เชื้อเพลิง R33 ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยในตอนนี้ทาง Audi ใช้เชื้อเพลิง R33 ที่โรงงานใน Ingostadt และ Neckarsulm ของตน
ด้วยกลยุทธ์ “Vorsprung 2030” Audi มุ่งสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ เชื้อเพลิงหมุนเวียน เสริมกลยุทธ์นี้ด้วยการทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นมิตรกับสภาพอากาศมากขึ้น และเป็นวิธีการลดฟอสซิลที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้นและหลังปี 2033 เมื่อ Audi รุ่นสุดท้าย ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะเลิกสายการผลิตในยุโรป ในอนาคต Audi และ Volkswagen Group วางแผนที่จะใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อช่วยลดคาร์บอน ของรถยนต์ที่ถูกปล่อยออกมา
Audi กำลังใช้เชื้อเพลิง R33 ที่โรงงานในเยอรมันสองแห่งเพื่อลดการปล่อย CO2 หรือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ไซต์งาน ซึ่งช่วยให้บรรลุเป้าหมายของบริษัท ในการทำให้ไซต์ผลิตของ Audi ปลอดคาร์บอนภายในปี 2025 ท้ายที่สุดแล้ว การปล่อยมลพิษจากยานพาหนะของบริษัท ก็นับรวมเป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดด้วย นอกจากนี้ การเติมเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์ของบริษัทด้วยแหล่งพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้ ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษที่โรงงานในเยอรมัน 2 แห่งใน เมือง Ingolstadt และ Neckarsulm
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th