Audi RS Q e-Tron ห้องทดลองเทคโนโลยีขั้นสูงในสนามแข่งแรลลี
นอกจาก Audi กำลังขยายทางเลือกรถยนต์ของตนในแบบใช้พลังงานไฟฟ้ากับ e-Tron รุ่นต่างๆ แล้ว ยังเตรียมการสำหรับขยายการใช้พลังงานไฟฟ้าไปสู่มอเตอร์สปอร์ตทางฝุ่นรายการโหดแรลลีดาการ์ด้วยการเปิดตัวรถแข่ง RS Q e-Tron ออกมาสำหรับการแข่งขันในปี 2022 โดยระบุว่านี่คือห้องทดลองเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเผชิญกับหนึ่งในการแข่งรถที่มีความท้าทายมากที่สุด
อย่างไรก็ตามเพื่อทำให้ Audi RS Q e-Tron ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าสามารถร่วมแข่งขันแรลลีดาการ์ในแต่ละสเตจซึ่งอาจมีระยะทางไกลถึง 800 กิโลเมตรได้ครบโดยไม่มีสถานีชาร์จไฟในทะเลทราย รถแข่งแรลลีจึงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร TFSI ที่มีความประหยัดเชื้อเพลิงสูงสำหรับทำหน้าที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อชาร์จพลังงานให้กับแบตเตอรี ซึ่งในส่วนของแบตเตอรีเองมีความจุ 50 kWh และมีน้ำหนักประมาณ 370 กิโลกรัมสำหรับให้พลังงานแก่มอเตอร์ที่มีอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถ
สำหรับมอเตอร์ที่ใช้ในรถแข่งแรลลีจะเหมือนกับมอเตอร์ในรถแข่งฟอร์มูลาอี e-Tron FE07 แต่มีการปรับปรุงบางส่วนเพื่อให้เหมาะสำหรับการแข่งแรลลี โดยให้กำลังรวมจากทุกมอเตอร์ 680 แรงม้า และทาง Audi ระบุว่าสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาน้อยกว่า 4.5 วินาทีบนพื้นถนนที่ทำให้รถมีการควบคุมที่ไม่ดี ในขณะที่ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดที่ 170 กม./ชม.
ทาง Audi ระบุว่าการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามีจุดเด่นหลายด้าน อย่างสามารถทำให้มีการควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าที่แม่นยำ เพื่อให้ความมั่นใจความสามารถในการขับเคลื่อนที่ดี เนื่องจากทั้งเพลาหน้าและเพลาหลังไม่ได้เชื่อมต่อกันด้วยเมคานิค ดังนั้นจึงทำให้การกระจายแรงบิดมีความแปรผันและปรับได้ตามที่ต้องการ นอกจากขับเคลื่อนแล้ว RS Q e-Tron ยังถูกระบุว่าถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเหิรได้ดีในระหว่างการแข่งแรลลี โดยที่มีช่วงล่างด้านหน้าและส่วนหน้าสุดของรถที่รองรับการลงพื้นของรถ
Audi เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ลุยแรลลีดาการ์กับรถแข่งที่ใช้พลังงานไฟฟ้า โดยมี 3 ทีมที่รับผิดชอบในการพารถไปสู่ชัยชนะคือคู่หู Mattias Ekstrom และ Emil Bergkvist จากสวีเดน, Stephane Peterhansen และ Edouard Boulanger จากฝรั่งเศส รวมทั้ง Carlos Sainz และ Lucas Cruz จากสเปน
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th