แม้เดือนมีนาคมที่ผ่านมารถแข่ง Audi RS Q e-tron จะประสบความสำเร็จชนะการแข่งแรลลีทะเลทรายในอาบู ดาบี แต่ทาง Audi ก็ยังคงมีการพัฒนารถแข่งทางฝุ่นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น RS Q e-tron E2 สำหรับการแข่งแรลลีที่โมรอกโก และดาการ์แรลลี 2023

Audi RS Q e-tron E2 มีตัวรถใหม่ที่มีน้ำหนักเบาลงและเน้นแอโรไดนามิกมากขึ้น รวมทั้งใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยการถอดสิ่งต่างๆ บนตัวถังโดยเฉพาะที่ด้านหลังของรถแข่งคันเดิมออกไป พร้อมกับใช้วัสดุ Composite สิ่งทอหลายชั้นกับตัวรถ นอกจากนี้ยังใช้โครงสร้างรถที่มีน้ำหนักโดยรวมเบาลง และลดจุดศูนย์ถ่วงของรถให้ต่ำลงกว่าเดิม พร้อมกับทำให้เข้าถึงล้ออะไหล่ของรถได้ง่ายขึ้นจากการตัดสิ่งต่างๆ บนตัวรถออกไป โดยรถแข่ง RS Q e-tron E2 มีความยาว 4,670 มม. กว้าง 1,950 มม. สูง 2,300 มม. ซึ่งทำให้มีตัวรถความยาวมากกว่ารถรุ่นก่อน 170 มม.

รถแข่งทางฝุ่นรุ่นใหมาใหม่ยังได้รับการปรับปรุงจนมีแอโรไดนามิกดีขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ซึ่งทางหัวหน้านักออกแบบรถเอสยูวีของ Audi ระบุว่าเป็นผลมาจากการที่รถแข่งรุ่นใหม่ไม่ได้ใช้แผงตัวถังร่วมกับรุ่นก่อนแม้แต่จุดเดียว โดยแอโรไดนามิกที่ดีขึ้นของรถจะให้ประโยชน์ในด้านการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของรถ

นอกจากนี้อีกสิ่งที่ได้รับการปรับปรุงใน RS Q e-tron E2 คือชุดระบบปรับอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการแข่งรถในทะเลทราย ซึ่งทาง Audi พบว่าคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศในรถแข่งรุ่นแรกมีการทำงานที่มากเกินไปจนอาจทำให้ Coolant เป็นน้ำแข็งเมื่อรถแล่นเป็นเวลานาน จึงมีการโปรแกรมชุดระบบปรับอากาศใหม่เพื่อไม่ให้ทำงานต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากทำให้มีประสิทธิภาพในการให้ความเย็นแก่รถดีขึ้นแล้วยังช่วยให้ประหยัดพลังงานด้วย

แน่นอนว่าขุมกำลังของรถแข่งรุ่นใหม่ยังคงเป็นระบบขับเคลื่อน Range-Extender ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบเพื่อชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี 50,0  kWh สำหรับให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่แยกอยู่ที่เพลาหน้าและเพลาหลังของรถ โดยให้กำลังออกมาประมาณ 400 แรงม้า แม้ว่าทางเทคนิกแล้วจะสามารถสร้างกำลังขับเคลื่อนออกมาได้เกือบ 670 แรงม้าก็ตาม

การแข่งขันที่จะเปิดตัวรถแข่งออฟโรดรุ่นใหม่จาก Audi คือ Rally du Maroc ที่โมรอกโกต้นเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นก็เป็นรายการดาการ์แรลลีปี 2023

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th