Audi TT ปรับโฉมเพิ่มความสปอร์ตให้ภายนอก
แม้จะมีอายุครบ 20 ปีนับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวออกมาครั้งแรก แต่ Audi TT รุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ก็เพิ่งอยู่ในช่วงกลางอายุของการทำตลาดยังไม่ถึงระยะเวลาของการปรับโฉมซึ่งที่ผ่านมาจะมีอายุทำตลาดประมาณ 8 ปีจึงจะเปลี่ยนโฉมใหม่ ทาง Audi จึงเลือกใช้การปรับโฉมให้กับ TT ทั้งเพื่อเพิ่มความสดให้แก่รูปลักษณ์ในช่วงกลางอายุและฉลองครบรอบ 20 ปีของ TT ไปพร้อมกันด้วย
การปรับโฉมของ TT มีทั้งที่ด้านหน้าและด้านหลังของรถ โดยที่ด้านหน้าเปลี่ยนกระจังหน้าเป็นแบบเฟรมเดียวลายใหม่ที่ให้ความรู้สึก 3 มิติจากลวดลาย รวมทั้งเปลี่ยนกันชนซึ่งมีช่องรับอากาศรูปทรงใหม่พร้อมกับมีพื้นที่รับอากาศที่มีความกว้างมากขึ้น โดยไฟหน้ามีให้เลือกทั้งแบบ LED หรือ Matrix LED ขณะที่ด้านหลังยังคงเส้นเส้นแนวนอนบนตัวรถเพื่อให้รู้สึกถึงความกว้างของรถเข้ากับ Diffuser ที่กว้างขึ้นใต้กันชน
หากต้องการความสปอร์ตมาขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐาน TT มีทางเลือกกับแพ็กเกจ S line ที่เน้นความสปอร์ตมาขึ้นด้วย Splitter ที่มีความยาวมากขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานจนเกือบเต็มความยาวของกันชนหน้า ช่องรับอากาศที่กันชนหน้าถูกเพิ่มช่องแนวตั้งเข้าไป กระจังหน้าเปลี่ยนเป็น Titanium Black รวมทั้งด้านข้างรถเสริมขอบล่างของประตูให้ดูสปอร์ตมากขึ้น ส่วนด้านท้ายเสริมทั้งภาพลักษณ์ที่สปอร์ตและแอโรไดนามิกด้วย Diffuser ที่กว้างขึ้นพร้อม 3 ครีบแนวตั้งเพื่อจัดอากาศด้านท้าย และเพิ่มช่องระบายอากาศใต้ไฟท้ายเข้ามา
Audi TT ออกมาจากโรงงานมาพร้อมล้อขนาด 17 นิ้ว แต่ก็มีทางเลือกเสริมกับขนา 18, 19 และ 20 นิ้วจากทั้ง Audi และ Audi Sport โดยใน TT รุ่นปรับโฉมถูกเพิ่ม 3 สีใหม่เป็นทางเลือกคือ Cosmos Blue, Pulse Orange และ Turbo Blue
ในส่วนเครื่องยนต์ของ TT มีหลากหลายทางเลือกของเครื่องยนต์เบนซินโดยทำงานร่วมกับเกียร์แมนนวล 6 สปีดหรือ 7 สปีดเกียร์คลัตช์คู่เป็นทางเลือก และทุกรุ่นเครื่องยนต์มาพร้อมกรองอนุภาคไอเสียที่มีความละเอียด ส่วนระบบช่วยในการขับมีการทำงาน Electronic Stabilization Control (ESC) สำหรับควบคุมแรงบิดไปยังล้อบางล้อเพื่อให้เข้าโค้งได้เร็วขึ้นและควบคุมรถได้ดีขึ้นในโค้ง
ภายในของ TT มาพร้อมเบาะนั่งแบบสปอร์ต โดยที่ในรุ่น S Line จะเป็นเบาะ S SPort ส่วนแผงแดชบอร์ดโค้งในลักษณะปีกเครื่องบินและช่องแอร์ทรงกลมเหมือนเทอร์ไบของเครื่องบินที่เป็นเอกลักษณ์ยังคงเหมือนเดิม ขณะที่การแสดงข้อมูลหลังพวงมาลัยสำหรับผู้ขับยังคงเป็นแบบดิจิตอลด้วยการใช้จอ 12.3 นิ้ว ซึ่งเลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลได้ 2 แบบคือแบบคลาสสิคที่แสดงมาตรวัดความเร็ว และ วัดรอบตรงกลาง หรือแสดงข้อมูลแบบ Infotainment โดยเน้นการแสดงระบบนำทางขนาดใหญ่ รวมไปถึงเลือกให้แสดงการถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์รวมทั้งแรงบิดและแรงจีได้
Audi TT Roaster จะมีหลังคาอ่อนสีดำหรือสีเทาซึ่งทำจากวัสดุที่สามารถป้องกันเสียงได้ดี โดยระบบเปิด-ปิดหลังคาสามารถทำงานได้ในขณะเคลื่อนที่คด้วยวามเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. สำหรับกำหนดการออกสูตลาดของ Audi TT อยู่ในช่วงควอเตอร์ที่ 4 ของปี
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th