Autopilot ของ Tesla คืออะไร ดีจริงหรือ มีข้อจำกัดหรือไม่
Tesla เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ใหม่ที่พุ่งแรงสร้างชื่อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเพราะคำพูดและการทวีตที่สร้างประเด็นในข่าวของอีลอน มัสก์ซีอีโอบริษัทเท่านั้น แต่ยังมาจากการที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในอนาคตของวงการยานยนต์จากการที่ทำแต่รถไฟฟ้าออกมาขาย รวมทั้งยังใส่หลากหลายเทคโนโลยีใหม่เข้ามาในรถซึ่งไม่ต่างกับเป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลติรถยนต์รายใหญ่ทั้งหลายต้องเร่งปรับตัวไปด้วย โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่สร้างชื่อให้กับ Tesla คือชุดระบบช่วยขับ Autopilot ที่ถูกจัดเป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเลเวล 2
อย่างไรก็ตามหลายคนที่เคยได้ยินระบบ Autopilot ของ Tesla อาจสงสัยว่าระบบขับขี่อัตโนมัติที่สามารถควบคุมรถได้บางส่วนนี้ทำอะไรได้บ้าง มีประโยชน์อย่างไร และมีข้อจำกัดหรือจุดอ่อนหรือไม่
Autopilot คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง
Autopilot ของ Tesla เป็นระบบช่วยขับที่ทางผู้ผลิตรถไฟฟ้าจากแคลิฟอร์เนียระบุว่ามีความล้ำหน้าสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกให้กับผู้ที่อยู่หน้าพวงมาลัยได้ หากมีการใช้งานอย่างเหมาะสมจะช่วยลดภาระของผู้ขับ โดยระบบ Autopilot จะใช้กล้องนอกรถ 8 ตัว, เรดาร์, 12 เซ็นเซอร์อุตร้าโซนิก และคอมพิวเตอร์สำหรับการทำงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและแนะนำผู้ขับขณะเดินทาง
ระบบ Autopilot จะประกอบด้วยการทำงาน Traffic-Aware Cruise Control ซึ่งควบคุมความเร็วของรถตามลักษณะของการจราจรโดยรอบ และ Autosteer ซึ่งช่วยควบคุมรถในเลนที่มีเส้นแบ่งชัดเจนและทำงานร่วมกับ Traffic-Aware Cruise Control หรือพูดง่ายๆ ก็คือ Autopilot ของ Tesla จะควบคุมความเร็วของรถตามสภาพการจราจรพร้อมกับควบคุมให้รถอยู่ในเลน
โดยรถยนต์ของ Tesla ที่ผลิตตั้งแต่ตุลาคมปี 2016 เป็นต้นมาจะมาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับ Autopilot ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อระบบซึ่งมีการเพิ่มซอฟต์แวร์เข้าไปในรถได้ ขณะที่รถยนต์ของ Tesla ที่ผลิตตั้งแต่เดือนเมษายน 2019 เป็นต้นมาจะมีระบบ Autopilot เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ข้อดีของ Autopilot
แม้ว่าคนทั่วไปจะมองระบบ Autopilot ของ Tesla ในลักษณะของการเพิ่มความสบายในขณะเดินทางที่มีระบบมาช่วยควบคุมรถให้แม้ว่าผู้ขับยังคงต้องมีความระมัดระวัง มีสมาธิ รวมทั้งมือต้องอยู่ที่พวงมาลัยตลอดเวลาก็ตาม แต่จริงๆ ประโยชน์ของระบบช่วยขับที่เป็นระบบขับขี่อัตโนมัติเลเวล 2 นี้ยังมีด้านอื่นๆ อีก
ข้อดีที่ถูกมองเป็นสิ่งสำคัญของระบบ Autopilot คือการเพิ่มความปลอดภับนถนน เพราะด้วยการใช้ระบบช่วยขับนี้จะทำให้มีการใช้ความเร็วโดยที่มีการปรับตามสภาพการจราจรซึ่งทำให้มีการรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า รวมทั้งยังลดความผิดพลาดของผู้ขับที่อาจพลั้งเผลอหรือเหม่อจนลดความเร็วของรถช้าเกินไปเมื่อการจราจรเริ่มช้าลง หรือเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน รวมทั้งรถที่ถูกควบคุมด้วย Autopilot จะไม่มีการตัดหน้า แทรกเลน หรือขับเร็วเกินกำหนดซึ่งทำให้เกิดอันตราย
นอกจากนี้อีกข้อดีของ Autopilot คือไม่เพียงช่วยให้ผู้ขับมีความสบายมากขึ้นในขณะเดินทางเท่านั้น แต่ลดความอ่อนล้าของผู้ขับเมื่อไปถึงจุดหมาย เพราะระบบจะช่วยควบคุมความเร็วของรถตามการจราจรและช่วยควบคุมพวงมาลัยเพื่อให้รถอยู่ในเลนให้ ซึ่งเป็นการลดการทำหน้าที่ของผู้ขับไปส่วนหนึ่งแม้จะยังคงต้องมีสมาธิและระมัดระวังตล
อดการใช้งานระบบ รวมทั้งพร้อมที่จะควบคุมรถเมื่อมีการเตือนก็ตาม
ข้อจำกัดของ Autopilot
ทาง Tesla ได้ระบุหลายปัจจุบัยซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบ Autopilot ซึ่งจะมีผลให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะทำ ไม่ว่าจะเป็นสสภาพที่จำกัดหารมองเห็นอย่างฝน หิมะ และหมอกที่หนัก, แสงที่สว่างจ้าอย่างไฟหน้าของรถและแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมาที่รถโดยตรง การรบกวนและบดบังจากโคลน, น้ำแข็ง, หิมะ และของที่ติดอยู่บนรถอย่างแร็กจักรยาน หรือการบดบังจากสิ่งที่ทำเพิ่มเติมบนตัวรถอย่างการติดสติ๊กเกอร์ การแรปตัวรถ รวมไปถึงกันชนที่ผิดตำแหน่งหลังเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้แม้แต่การรบกวนจากอุปกรณ์ที่สร้างคลื่นอุลต้าโซนิก และสภาพอากาศที่ร้อนหรือเย็นจัดมากเกินไปก็ยังส่งผลต่อการทำงานได้
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th