B-Quik ชู 6 กลยุทธ์สำคัญ รุกตลาด Fast Fit
B-Quik ชู 6 กลยุทธ์สำคัญ รุกตลาด Fast Fit ตั้งเป้า 200 สาขาในปี 2565
B-Quik ชู 6 กลยุทธ์สำคัญ รุกตลาด Fast Fit ตั้งเป้า 200 สาขาในปี 2565 และยังมุ่งมั่นขยายสาขาออกไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ต
ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ที่ดูแลรถยนต์ในประเทศไทย มานานกว่า 25 ปี มากกว่า 190 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ อย่างB-Quik ฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) อย่างรุนแรงในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) อย่างเคร่งครัด ทุกคนพร้อมที่จะปรับวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่ปรับเปลี่ยนไปจากเดิม เพื่อให้บริษัทสามารถที่จะดำเนินไปได้ในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด
แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว B-Quik ไม่ได้มีการลดเงินเดือนพนักงาน หรือแม้แต่ลดจำนวนพนักงานลง ในทางกลับกัน ยังคงลงทุนขยายสาขาอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด B-Quik จึงสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดศูนย์บริการรถยนต์แบบครบวงจร
ปี 2565 นี้ นับเป็นย่างก้าวใหม่ของ B-Quik คือการผันตัวเข้าสู่วงการ Motor Sport อย่างเต็มตัว ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักของรายการแข่งขันรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อย่าง Thailand Super Series โดยใช้ชื่อรายการแข่งขันว่า “B-Quik Thailand Super Series”
มร. เฮงก์ โจฮัน คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด ได้เล่าถึงการเข้ามาเป็น ผู้สนับสนุนหลักของรายการแข่งขันรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อย่าง Thailand Super Series ไว้ว่า
“ที่มาในการเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของรายการ Thailand Super Series นั้น ต้องย้อนไปก่อนว่า บี-ควิก เองได้คลุกคลีในวงการ Motorspor มามากกว่า 8 ปีแล้ว โดยส่งนักขับลงแข่งขันภายใต้ชื่อทีม B-Quik Racing ซึ่งช่างที่ให้บริการรถในทีม รวมไปถึงนักขับในทีม ล้วนแล้วแต่เป็นพนักงานของ บี-ควิก ทั้งหมด วันธรรมดาทุกคนจะทำงานอยู่ที่สาขาที่ตนเองประจำอยู่ แต่เมื่อถึงฤดูกาลเปิดสนามแข่งขัน พนักงานเหล่านี้ก็จะมารวมตัวกันเพื่อคว้าชัยชนะในสนามให้กับทีม B-Quik Racing ซึ่งการเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักในรายการแข่งขันนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่า B-Quik ต้องการที่จะพัฒนาทักษะของพนักงาน ให้มีความชำนาญในเรื่องของการซ่อมให้มากยิ่งขึ้น การที่รถแข่ง 1 คัน จะลงเข้าแข่งขันในสนามนั้น ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย ที่ต้องใช้ในเรื่องของ ความแม่นยำ ทักษะที่ชำนาญ ในการเนรมิตรถแข่งให้มีศักยภาพในการลงแข่งขันและคว้าชัยชนะมาให้ได้ ซึ่งทักษะต่างๆ เหล่านี้ หากพนักงานของเราได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝน ก็จะช่วยพัฒนาในเรื่องของความชำนาญ และความแม่นยำ เพื่อนำกลับไปใช้ในการบริการลูกค้าที่สาขาได้เป็นอย่างดี”
แน่นอนว่า การที่ B-Quik ฝ่าฟัน ทำการตลาด จัดกิจกรรม และเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องการให้บริการเป็นที่สุด จนก้าวข้ามผ่านเวลาอันยากลำบากเหล่านั้นมาได้นั้น เหล่าทีมผู้บริหาร นำโดย มร. เฮงก์ โจฮัน คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด รวมถึงพนักงาน ได้ทำการบ้าน ทำงานอย่างหนัก จนตกผลึกออกมาเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างแบรนด์ B-Quik ให้กลับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งที่ครองใจผู้บริโภคในธุรกิจ Fast Fit โดยชู 6 กลยุทธ์สำคัญ รุกตลาด Fast Fit พร้อมตั้งเป้าครบ 200 สาขาในปี 2565 นี้ เราจะพามาดูกันว่า 6 กลยุทธ์สำคัญของ B-Quik นั้น มีดังนี้
- โปรแกรมการจัดเก็บข้อมูล และใช้ข้อมูลในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
- จัดทำระบบ “B-Member” ระบบการสมัครสมาชิก เป็นโปรแกรมในการสะสมคะแนนจากยอดใช้จ่าย โดยสามารถนำเอาคะแนนนั้นมาแลกรับสิทธิประโยชน์ จาก B-Quik และพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ อีกมากมาย
- ลงทุนพัฒนาระบบ Software ที่ใช้ในการทำงานหลักภายในสาขา เพื่อให้พนักงานสามารถที่จะทำงานได้ง่ายขึ้น และสามารถที่จะเชื่อมต่อกับระบบ B-Member นี้ได้ โดย B-Quik ได้มองในเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) ในการทำธุรกิจด้วยเช่นกัน หาก Software นี้เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้ช่วยลดในเรื่องของการใช้กระดาษได้มากขึ้นอีกกว่า 50% พนักงานไม่จำเป็นต้องพิมพ์เอกสารออกมาเพื่อให้ลูกค้าอ่านรายละเอียด พนักงานสามารถเสนอขายสินค้าผ่าน Tablet โดยไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษอีกต่อไป รวมไปถึงขั้นตอนการอนุมัติของลูกค้า การเบิกสินค้า การปิดการขายในระบบ สามารถทำได้ผ่าน Software นี้เป็นหลัก นอกจากจะเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการสร้างความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการให้กับลูกค้าอีกด้วย
- ลงทุนสร้าง Training Center ศูนย์ฝึกอบรมที่เราได้พัฒนาหลักสูตรให้เหมาะกับธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ และได้มีการนำเอาระบบ e-Learning เข้ามาร่วมใช้ในการฝึกอบรมพนักงานด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้พนักงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถที่จะอบรม หรือเข้าถึงบทเรียนของแต่ละคนได้ โดย B-Quik มีการพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้กับพนักงานอยู่ตลอดทั้งปี
- จัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดงานเปิดสาขาใหม่ (Grand Opening) ด้วยโปรโมชั่นที่คุ้มค่า หรือแม้กระทั่งการจัดงาน B-Quik Expo ที่ได้กลายเป็นงานประจำปีของ B-Quik ที่ลูกค้าหลายๆ ท่านรอคอย และสอบถามเข้ามาตลอดเวลา รวมถึงโปรโมชั่นประจำเดือน ที่ B-Quik ได้จัดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
- ลงทุนในการขยายสาขาใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่กำลังดำเนินการขยายสาขาที่ 3 เพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งในประเทศอินโดนีเซีย ก็มีการ ขยายสาขาอยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับในประเทศไทยเอง B-Quik คาดว่าจะมีสาขาครบ 200 สาขาภายใน ไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 นี้
เมื่อเราเห็นกลยุทธ์ทั้ง 6 ของ B-Quik แล้ว ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมวันนี้ B-Quik จึงได้ครองใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน เพราะเขามุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอย่างดี โดยที่ไม่เคยมองว่าใครคือคู่แข่ง แต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องบริการของตัวเองเป็นหลัก เพื่อที่จะทำให้ผลงานของตัวเองนั้นได้รับการพัฒนา และออกมาอย่างดีที่สุด
คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/36CUZtF