Maserati Grecale Folgore ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ผสานความหรูหราและเทคโนโลยีที่ทันสมัย

Maserati-GranTurismo-1024

มาเซราติ ประเทศไทย จัดแสดงยนตรกรรมล้ำสมัย โชว์ไฮไลท์
‘เกรคาเล่ โฟลกอเร’ (Maserati Grecale Folgore) ข้บเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%
ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45

Maserati Grecale Folgore

มาเซราติ ประเทศไทย นำสองยนตรกรรมรุ่นล่าสุด สะท้อนความเป็นลักชัวรีสปอร์ตสไตล์ อิตาเลียน กับ มาเซราติ ‘เกรคาเล่ โฟลกอเร่’ (Maserati Grecale Folgore) ยนตรกรรมล้ำสมัย ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มาเซราติ ‘กรันทูริสโม’ (GranTurismo) โฉมใหม่ ยนตรกรรมสไตล์จีที (GT) ที่ผสมผสานสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับทางไกล จัดแสดงภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี

ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า “มาเซราติ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ผ่านยนตรกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานความตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง ฟอร์มูล่า อี โดยภายใน งานนี้ เราภูมิใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำยุค ซึ่งสามารถสะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์ มาเซราติ ได้เป็นอย่างดี”

Maserati Grecale Folgore

++ Maserati Grecale Folgore ยนตรกรรมไฟฟ้าสุดล้ำ ตามแบบฉบับอิตาเลียนพันธุ์แท้

ยนตรกรรมคอมแพกต์เอสยูวี ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ภายใต้คอนเซปต์ ‘Everyday Exceptional’ คิดค้นและพัฒนาขึ้นด้วยสุดยอดทีมงานวิศวกรของ Maserati Innovation Lab เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ผสมผสานความหรูหรา สง่างาม เปี่ยมสมรรถนะ และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมประสิทธิภาพการขับเคลื่อนดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง อีกทั้งยังเป็นเอสยูวีที่มีความโดดเด่นและครบครันมากที่สุดในกลุ่ม High Performance Luxury ด้วยคอนเซปต์การออกแบบ ‘Masters of Italian Audacity’ หรือ ความกล้าที่จะแตกต่างในสไตล์อิตาเลียน พร้อมสะท้อนตัวตนที่แตกต่าง และมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยแรงบันดาลใจจากซูเปอร์คาร์ ‘เอ็มซี20’ (MC20) ที่ผสมผสานเทคโนโลยีจากสนามแข่งฟอร์มูลา อี

Maserati Grecale Folgore

รูปลักษณ์สไตล์คูเป้ เส้นสายโค้งมน กระจังหน้าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอน ไฟเบอร์ พร้อมไฟท้ายบูเมอแรง ที่ได้แรงบันดาลใจจาก มาเซราติ Giugiaro 3200 GT มาพร้อม ห้องโดยสารเต็มเปี่ยมความหรูหราและอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน ตกแต่งอย่างประณีตทุกรายละเอียด ด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียม ไม้แท้ และคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการใช้นาฬิกาดิจิทัล แทนนาฬิกาทรงรีแบบดั้งเดิม สามารถแสดงข้อมูลหลากหลาย ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์แบบทีเอฟที (TFT: Thin-Film Transistor) ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ พร้อมติดตั้งทัชสกรีนแบบคู่ บริเวณกลางแดชบอร์ด โดยจอบนมีขนาด 12.3 นิ้ว และจอล่างขนาด 8.8 นิ้ว ใหญ่สุดเท่าที่เคยติดตั้งในรถยนต์ มาเซราติ ครบทุกอรรถรส ของการขับ ด้วยเครื่องเสียง Sonus Faber จากอิตาลี พร้อมออปชั่นลำโพงแบบ 14 ตำแหน่ง และ 21 ตำแหน่ง

ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำกำลังได้มากกว่า 500 แรงม้า (HP) แรงบิด 800 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับ 4 โหมดการขับ คือ Comfort, GT, Sport และ Off-road ผสานระบบควบคุมการทรงตัวใหม่ล่าสุด ‘วีดีซีเอ็ม’ (VDCM-Vehicle Dynamic Control Module)

++ Maserati All-new GranTurismo

ยนตรกรรมสไตล์จีที (GT) ที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายเพื่อรองรับการขับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Others Just Travel’ ที่มอบประสบการณ์พิเศษ มากกว่าคำว่าการเดินทาง ฝากระโปรงหน้าทรงยาวและตำแหน่งผู้ขับ ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 พร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซี ที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่

ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์, นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Digital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออปชั่นพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี ‘Sonus Faber’ ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่งให้เลือก

ขุมพลังเบนซิน วี6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เน็ททูโน (V6 Nettuno) บล็อกเดียวกับที่ใช้ ในซูเปอร์คาร์รุ่น เอ็มซี20 (MC20) คันที่จัดแสดงเป็นรุ่นย่อย โมเดนา (Modena) ทำได้ 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

 

 

เรื่อง : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th