เบื้องหลังการผลิต Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ผลิตโดยคนไทย
ฟอร์ดแจ้งข่าวดีสำหรับผู้หลงใหลการขับขี่รถออฟโรดสมรรถนะสูงที่กำลังจะได้เป็นเจ้าของรถกระบะ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ โดยโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) กำลังเร่งการผลิตอย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและนานาประเทศทั่วโลก
Ford Ranger Raptor เป็นรถกระบะในตระกูล Ford Ranger ที่ได้รับการพัฒนารูปโฉมและสมรรถนะโดยทีม Ford Performance ให้เป็นรถกระบะอันทรงพลังที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อควบคุมระบบการทำงานของรถให้ดีขึ้นไปอีกขั้น การผสานกันอย่างลงตัวของเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงและเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัย ไปจนถึงความแม่นยำในการประกอบแต่ละชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน คือส่วนผสมที่ลงตัวในการสร้างสรรค์รถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล Ranger รถในตระกูล Ford Performance รุ่นแรกที่ผลิตโดยโรงงานเอฟทีเอ็ม หลังจากที่ฟอร์ดประกาศการลงทุนเพิ่มกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.8 หมื่นล้านบาท) เพื่อยกระดับเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ฟอร์ดในประเทศไทยเมื่อปี 2564
การลงทุนดังกล่าวช่วยเสริมจุดแข็งด้านมาตรฐานการผลิตรถยนต์ระดับโลกให้กับโรงงานฟอร์ดทั้ง 2 แห่งในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพในการผลิต ความยืดหยุ่นในการผลิตรถหลากหลายรุ่นบนสายการผลิตเดียวกัน และกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มข้น ฟอร์ดยังยกระดับทักษะและฝีมือของพนักงานและซัพพลายเออร์ผู้ผลิตและส่งมอบชิ้นส่วนรถยนต์ควบคู่กัน โดยปัจจุบัน โรงงานเอฟทีเอ็มเป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวในโลกที่ผลิตรถ Ford Ranger Raptor เพื่อป้อนสู่ตลาดโลก
การลงทุนครั้งล่าสุดของฟอร์ดยังเป็นการสร้างงานในประเทศไทยเพิ่มอีกกว่า 1,250 ตำแหน่ง ควบคู่กับการเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์ในสายการผลิตอีกเกือบเท่าตัว โดยฟอร์ดได้ติดตั้งหุ่นยนต์ที่แผนกผลิตโครงสร้างตัวถังรถยนต์ แผนกพ่นสีรถยนต์ และแผนกประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้งหมด 151 ตัว ช่วยยกระดับการทำงานด้วยเทคโนโลยีออโตเมชันอันทันสมัยจากร้อยละ 34 เป็น ร้อยละ 80
ในการผลิตรถยนต์คุณภาพ ฟอร์ดควบคุมกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและแม่นยำสม่ำเสมอ โดยเอฟทีเอ็มเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ติดตั้งเครื่องตรวจวัดตัวถังรถยนต์พร้อมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีสแกนบอกซ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการตรวจสอบโครงสร้างตัวถังรถอย่างแม่นยำและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า เพื่อให้มั่นใจว่าการผลิตชิ้นส่วนและการประกอบขึ้นเป็นรถยนต์เป็นไปอย่างแม่นยำและได้มาตรฐานตลอดกระบวนการ นอกจากนี้ แผนกพ่นสีรถยนต์ยังติดตั้งหุ่นยนต์สำหรับพ่นซีลเลอร์แบบอัตโนมัติ และตรวจวัดคุณภาพสีด้วยระบบสแกนสีอัตโนมัติควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจหาแม้จุดบกพร่องที่มีขนาดเล็ก
อีกขั้นของการพัฒนาและทดสอบเพื่อสมรรถนะอันแข็งแกร่ง
บริษัทฟอร์ดและทีมงานที่โรงงานเอฟทีเอ็ม ใช้เวลานานนับปีเพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตรถ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ทีมฝ่ายผลิตที่โรงงานเอฟทีเอ็มทำงานใกล้ชิดกับทีมวิศวกรรมโรงงาน และทีมพัฒนารถของฟอร์ดที่ประเทศออสเตรเลีย ตั้งแต่ขั้นตอนการประกอบรถยนต์ต้นแบบด้วยมือ เพื่อทำความเข้าใจชิ้นส่วนของรถยนต์ในทุกมิติ รวมไปถึงกระบวนการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ในทุกขั้นตอน จนได้รถยนต์ต้นแบบเพื่อใช้ในการขับทดสอบสมรรถนะแบบสุดโหดบนสภาพถนนที่แตกต่างกัน เก็บระยะทางบนถนนจริงรวมกว่า 600,000 กิโลเมตร ก่อนเริ่มการผลิตจริง
เทคโนโลยีทันสมัย และทีมงานมากประสบการณ์
นอกจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัย เพื่อช่วยให้การประกอบรถมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ฟอร์ดยังทำงานร่วมกับผู้ผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างตัวถังรถยนต์ในการนำเทคโนโลยีไฮโดรฟอร์ม (การขึ้นรูปโลหะด้วยของเหลวโดยใช้แรงดันสูง) มาผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างด้านหน้าของรถฟอร์ดเจเนอเรชันใหม่ทุกรุ่น ชิ้นส่วนที่ผ่านการขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีไฮโดรฟอร์มมีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบากว่าชิ้นส่วนโครงสร้างรถยนต์ที่เกิดจากการเชื่อมเหล็กทีละชิ้นเข้าด้วยกัน ทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่บริเวณห้องเครื่องให้กว้างขวางมากขึ้น เพื่อรองรับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ ได้อย่างพอเหมาะ
พร้อมออกลุยทุกเส้นทางทั่วโลก
ฟอร์ดเริ่มส่งมอบ Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่ ให้กับลูกค้าฟอร์ดในประเทศไทย ควบคู่กับการส่งออกไปยังกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยราคาจำหน่ายฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ในประเทศไทยอยู่ที่ 1,869,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และการรับประกันคุณภาพจากโรงงาน 5 ปี หรือ150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากๆ ที่เริ่มเห็นลูกค้าชาวไทยขับรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ บนถนนกันแล้ว ในการเปิดตัวรถยนต์ฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ทุกรุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราให้คำมั่นว่าจะดูแลลูกค้าทุกท่านให้เหมือนคนในครอบครัว และเราก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้ด้วยการมุ่งมั่นมอบบริการแบบ ‘พร้อมเสมอ’ หรือ ‘Always-On’ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการใช้งานและช่วยให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยนวัตกรรมการบริการใหม่ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัวแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPassTM) ที่ช่วยให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับรถยนต์ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เรามอบให้กับลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เช่นกัน”
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th