Bentley Bentayga ปรับโฉมเพิ่มภาษาการออกแบบล่าสุดของแบรนด์
ช่วงนี้ Bentley ไม่ได้มีแต่ข่าวยุติการผลิตรถยนต์รุ่นเรือธงอย่าง Mulsanne และเครื่องยนต์ 6.75 ลิตรเท่านั้น แต่ยังมีการปรับโฉมให้กับรถที่ทำตลาดอยู่ด้วย โดยรุ่นที่ถูกเพิ่มความสดเป็นรถเอสยูวีหรู Bentayga ซึ่งเป็นการปรับโฉมในช่วงกลางอายุการทำตลาด พร้อมกับเพิ่มความหรูยิ่งขึ้นในห้องโดยสาร
จุดเด่นที่สำคัญในการปรับโฉมภายนอกให้กับ Bentley Bentayga คือการเปลี่ยนมาใช้ไฟท้าย LED ทรงไข่ที่ดูเหมือนกับใน Continental GT เพื่อให้ Bentayga รุ่นใหม่มีเส้นสายของภาษาการออกแบบใหม่ของ Bentley ที่เริ่มใช้กับ Continental GT และ Flying Spur เจนเนอเรชั่นปัจจุบัน ขณะที่ในส่วนด้านหน้าของรถที่แม้จะมีการปรับไม่มากแต่ก็มีการออกแบบใหม่ที่ทำให้ Bentayga ดูสดใหม่ขึ้นด้วยการใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่และตั้งตรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้า ส่วนไฟหน้าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี LED Matrix มาพร้อมกับความหรูที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งออกแบบมาจากเครื่องแก้วคริสตัล รวมไปถึงมีการออกแบบกันชนหน้าให้ดูดุดันขึ้น และยังมาพร้อมกับล้อลายเฉพาะสำหรับรุ่น
ในห้องโดยสารมีการใช้พวงมาลัยใหม่เหมือนกับ Continental GT และ Flying Spur รวมไปถึงมีการแต่งแผงประตูและเปลี่ยนเบาะนั่งใหม่ โดยที่เบาะหลังในแบบ 5 ที่นั่งมาพร้อมกับระบบระบายอากาศ นอกจากนี้ทาง Bentley ยังบอกว่าผู้โดยสารจะมีความสบายขณะเดินทางมากขึ้นด้วยพื้นที่ส่วนขาที่เพิ่มขึ้นถึง 100 มม. ซึ่งในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของเบาะ
สำหรับระบบ Infotainment ของจอทัสกรีนขนาด 10.9 นิ้วที่คอนโซลกลางซึ่งได้รับการออกแบบใหม่เป็นเจนเนอเรชั่นล่าสุด นอกจากมีระบบนำทางจากแผนที่ดาวเทียมแล้ว ยังมี Ap ple CarPlay และ Android Auto ไร้สายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมเพิ่มความสะดวกแก่ผู้นั่งที่เบาะหลังขึ้นด้วยแท็บเล็ตรีโมตคอนโทรลบนจอทัชสกรีนใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมกับมีช่องต่อ USB-C และระบบชาร์จไร้สายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ทาง Bentley ระบุว่าลูกค้าที่ต้องการความหรูเพิ่มขึ้นในห้องโดยสารมีทางเลือกด้วยอลูมิเนียมขัดสีเข้มพื้นผิวลาย Diamond สำหรับการแต่ง รวมทั้ง 2 แผงไม้ใหม่คือ Bentayga Koa และ Crown Cut Walnut รวมไปถึงลายเย็บใหม่จาก Mulliner Driving Specification
อย่างไรก็ตามในช่วงแรกของ Bentayga รุ่นปรับโฉมมีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 550 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตัน-เมตร ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดส่งกำลัง สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของรถเท่านั้น ส่วนรุ่นไฮบริดและเครื่องยนต์ W12 6.0 ลิตรจะตามมาภายหลัง
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th