Bentley Bentayga S Black Edition สไตล์เข้มของรถเอสยูวีหรู
รถเอสยูวีหรู Bentley Bentayga S ได้รับการเพิ่มทางเลือกสไตล์ดุเข้มในชื่อ Black Edition ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนส่วนต่างๆ ที่เคยเป็นโครเมียมเป็นสีดำ พร้อมเพิ่มความโดดเด่นด้วยสีที่มีให้เลือกถึง 7 สี สำหรับผู้นิยมความเข้มดุมากกว่าความแวววาวของโครเมียม
Bentley Bentayga S Black Edition ถูกทางผู้ผลิตรถยนต์หรูจากสหราชอาณาจักรระบุว่าเป็นรถเอสยูวีที่น่าประทับใจที่สุดในการผลิตจนถึงปัจจุบัน มีความโดดเด่นจากเวอร์ชันอื่นด้วยรายละเอียดต่างๆ บนตัวรถสีดำ ล้อสีดำขนาด 22 นิ้ว รวมทั้งป้ายโลโก้และตัวหนังสือสีดำ ติดฟิล์มดำที่กระจก พร้อมด้วยชุดแต่ง Styling Specification
นอกจากการใช้สีดำกับส่วนต่างๆ ภายนอกรถแล้ว ทางผู้ผลิตยังมีสีให้เลือกสำหรับแต่งเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถทั้งในส่วนของกันชนหน้า สเกิร์ตข้าง Diffuser หลัง และสปอยเลอร์หลัง รวมทั้งใช้แต่งในห้องโดยสารถึง 7 สีระหว่างสีส้ม Mandarin สีเหลือง Signal Yellow สีฟ้า Klein Blue สีแดง Pillar Box Red สีเงิน Ice สีเขียว Hyper Green และสีดำ Beluga พร้อมมีป้ายระบุรุ่น Black Edition ที่เสา D-Pillar ของรถ
ห้องโดยสารของรถใช้หนังสีดำ Beluga โดยเย็บด้ายและมีขอบสีตัดกันที่เบาะของรถ พร้อมกับใช้คาร์บอนไฟเบอร์ลายใหม่ที่แผงหน้าและคอนโซลกลางของรถ รวมทั้งยังใช้ชุดแต่ง Dark Chrome เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมี 3 ระบบเสียงให้เลือกสำหรับห้องโดยสารของทั้งจาก Nam
ด้านขุมพลังของรถเป็นเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบมีกำลัง 542 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตัน-เมตร สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 4.5 วินาทีและทำความเร็วได้สูงสุด 290 กม./ชม. โดยรถยังมาพร้อมกับระบบเลี้ยวทุกล้ออีเล็กทรอนิกและช่วงล่างสปอร์ต รวมไปถึงมาพร้อมกับระบบ Bentley Dynamic Ride และเทคโนโลยี Electronic Active Roll Control
นอกจากเครื่องยนต์ V8 แล้ว ทางผู้ผลิตยังมีระบบไฮบริดเป็นทางเลือกใน Bentayga S Hybrid Black Edition ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร 462 แรงม้า พร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 kW ทำให้รถใช้เวลา 5.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วได้สูงสุด 254 กม./ชม.
นอกจากความเข้มของรูปลักษณ์แล้ว ทางผู้ผลิตยังเพิ่มโหมดขับ Sport ใหม่ให้กับรถ ที่ถูกระบุว่าให้ความรู้สึกในการควบคุมพวงมาลัยดีขึ้น ลดการโคลงของตัวรถ พร้อมกับให้การตอบสนองดีชึ้น รวมทั้งยังปรับตั้ง Torque Vectoring จากระบบเบรกใหม่ และมีระบบระบายไอเสียสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยที่รถเอสยูวีหรูยังคงความสามารถในการลุยเส้นทางต่างๆ ด้วยโหมดการขับออฟโรดต่างๆ อย่าง Snow, Wet, Grass, Dirt and Gravel, Mud and Trail และ Sand รวมทั้งสามารถลุยน้ำได้ลึก 500 มม.
ในส่วนราคาของรถและรายละเอียดด้านการขายทางผู้ผลิตรถยนต์หรูจากสหราชอาณาจักรยังไม่เปิดเผยออกมา รวมทั้งไม่ได้ระบุว่าเป็นรถผลิตจำกัดด้วยหรือไม่
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th