Bentley Continental GT Speed มาพร้อมกับสมรรถนะทั้งทางตรงและในโค้ง

Bentley เปิดตัว Continental GT Speed ออกมา ซึ่งทางผู้ผลิตบอกว่ารถจีทีคูเป้รุ่นล่าสุดของตนนี้ไม่ได้ถูกทำออกมาเพื่อการขับด้วยความเร็วเฉพาะทางตรงเท่านั้น แต่ยังมีการทำงานเพื่อช่วยให้สามารถใช้พละกำลังของรถได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่ในโค้งด้วย

Bentley Continental GT มาพร้อมกับขุมกำลัง W12 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จที่ได้รับการปรับปรุงจากเดิมจนทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้นจากเดิม 635 แรงม้า ไปอยู่ที่ 659 แรงม้า โดยที่แรงบิดสูงสุดจำนวน 900 นิวตัน-เมตรยังคงเท่าเดิม และด้วยจำนวนแรงม้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.6 วินาที เร็วขึ้น 0.1 วินาที เมื่อเทียบกับ Continental GT W12 รุ่นปกติ ในขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 335 กม./ชม.

สำหรับการส่งกำลังสู่ล้อจากเครื่องยนต์เป็นหน้าที่ของเกียร์ดูอัลคลัตช์8 สปีด ซึ่งทาง Bentley ระบุว่าเมื่อขับในโหมดสปอร์ตจะมีการลดเกียร์ลงเร็วขึ้นและใช้เกียร์ค้างนานขึ้น ส่วนการหยุดรถที่มีกำลังมากขึ้นเป็นหน้าที่ของดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิกที่มีน้ำหนักเบาลง โดยทำงานร่วมกับคาลิเปอร์เบรก 10 ลูกสูบ

นอกจากกำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นและระบบเบรกน้ำหนักเบาลงแต่สมรรถนะสูงขึ้นแล้ว อีกสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Continental GT Speed คือการการควบคุมทิศทางการเลี้ยวที่ล้อหลังและเฟืองท้ายอีเล็กทรอนิก e-Differential ซึ่งทำให้รถจีทีคูเป้สมรรถนะสูงมาพร้อมกับการควบคุมการเลี้ยว 4 ล้อ เพื่อให้ความปราดเปรียวยิ่งขึ้นบนถนนที่คดเคี้ยวด้วยการควบคุมล้อหลังในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า และเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้นทั้ง 4 ล้อของรถจะถูกควบคุมในทิศทางเดียวกันเพิ่มความนิ่งของรถให้มากขึ้น

แม้ว่าการทำงานควบคุมการเลี้ยวทั้ง 4 ล้อจะมีใช้กับ Flying Spur อยู่แล้ว แต่ทาง Bentley ระบุว่าใน Continental GT Speed มีการทำงานที่โดดเด่นกว่า เนื่องจากใน Flying Spur ไม่มี e-Differential เหมือนใน Continental GT Speed ที่ช่วยปรับปรุงสมรรถนะของรถในการเข้าโค้ง โดยที่มี ESC เพื่อยกเลิกการทำงานได้

ในส่วนสไตล์ของรถ Continental GT Spped มาพร้อมกับความดุขึ้นด้วยกระจังหน้าและช่องดักอากาศที่กันชนสีเข้ม พร้อมกับมีป้ายระบุรุ่น Speed ที่บริเวณซุ้มล้อหน้า ในขณะที่ล้อขนาด 22 นิ้วเป็นลายเฉพาะของรุ่น Speed ส่วนภายในห้องโดยสารผู้ซื้อจะพบกับการเย็บด้วยลาย Diamond โดยที่หนังและ Alcantara สำหรับในห้องโดยสารมีให้เลือก 15 สี และ 11 คู่สีในการแต่งร่วมกัน รวมไปถึงมีอลูมิเนียม Dark Tint Engine Turned เป็นออฟชั่นให้เลือกแต่งที่คอนโซลกลางของรถ