Bentley Corniche การกลับมาของประวัติศาสตร์ที่สูญหาย

หากไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของ Bentley อาจจะไม่คุ้นกับชื่อ Corniche เพราะ Bentley ได้ทำรถรุ่นนี้ออกมาเพียงคันเดียวในช่วงปี 1939 แต่รถรถคันนี้ได้สูญหายจากการทิ้งระเบิดช่วงสงครามโลก และตอนนี้ทางผู้ผลิตรถยนต์หรูจากอังกฤษโดยฝ่าย Mulliner ซึ่งเป็นฝ่ายผลิตรถตามสั่งได้ทำ Corniche ขึ้นมาใหม่อีกครั้งเพื่อนำรอยต่อที่สำคัญในประวัติศาสตร์รถยนต์ของ Bentley กลับมาในช่วงเวลาครบ 100 ปีของบริษัท

Bentley Corniche ดั้งเดิมมาจากแนวคิดที่จะให้รุ่นที่สปอร์ตขึ้น MkV Saloon โดยรถมาจากฝีมือการออกแบบของ Geoges Paulin ซึ่งเป็นนักออกแบบชาวฝรั่งเศสที่ได้ออกแบบตัวรถให้มีความไหลลื่นดูล้ำอนาคตสำหรับยุคนั้นพร้อมความโดดเด่นด้วยซุ้มล้อทรง Tear-drop ทาง Bentley ได้ให้ Carrosserie Vanvooren ทำตัวถังรถให้โดยใช้เหล็กกล้าที่มีความบางกว่าปกติเพื่อให้รถมีน้ำหนักเบา อย่างไรก็ตามระหว่างการทดสอบรถในเดือนสิงหาคม 1939 รถได้ประสบอุบัติเหตุเสียหายอย่างหนัก [expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]
ทาง Bentley จึงแยกตัวถังและแชสซีส์ออกเพื่อนำแชสซีส์กลับมาที่สำนักงานใหญ่ใน Crew อังกฤษทันที ในขณะที่ตัวรถได้มีการกำหนดให้บริษัทในอังกฤษเป็นผู้ซ่อมแซม อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังรอขนตัวรถข้ามทะเลจากเมือง Dieppe มาที่อังกฤษ ตัวรถได้ถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดทางอากาศเนื่องจากการขยายตัวของสงครามโลก Bentley Corniche ซึ่งถูกพิจารณาว่าเป็นรอยต่อที่หายไปของ Embriricos 4 1/4 Litre และ R Type Continental รวมทั้งยังเป็นรุ่นสมรรถนะสูงของ MkV สูญหายไป

ทาง Bentley พยายามที่จะนำประวัติศาสตร์ที่หายไปของตนเองกลับมาโดยเริ่มโปรเจ็กนี้ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001 จากการอาสาของมูลนิธิ WO Bentley Memorial Foundation และมูลนิธิ Sir Henry Royce Memorial Foundation แต่ว่าได้ถูกนำเข้ามาอยู่ในการดูแลของ Bentley เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว โดยที่ Adrian hallmark ซึ่งเป็นผู้บริหารมีโจทย์ว่าต้องการให้ Mulliner ทำโปรเจ็กนี้เสร็จในปี 2019 เพื่อร่วมในการฉลอง 100 ปีของบริษัท

Bentley Corniche ที่ถูกทำขึ้นมาทันการฉลอง 100 ปีของบริษัทถูกขึ้นรูปตัวถังด้วยมือโดยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญของ Mulliner ในขณะที่แล็บสีใช้เวลานับชั่วโมงเพื่อทำตัวอย่างสี Imperial Maroon และกับสีเทา Heather Grey แบบดั้งเดิมตามคำบรรยายที่มีอยู่อย่างจำกัดเกี่ยวกับรถ ส่วนทีมออกแบบภายในห้องโดยสารใช้ CAD ในการออกแบบเบาะและประตูตามข้อมูลที่ได้จากการค้นคว้า และใช้หนัง Connolly Vaumol เพื่อให้ตรงตามที่มีการใช้ในช่วงเวลาจริง นอกจากนี้ช่างฝีมือด้านไม้ของ Mulliner ยังรับหน้าที่ในส่วนของไม้ที่ปรากฏทั้งแดชบอร์ดและประตู สุดท้ายกระจังหน้ารถซึ่งใช้ CAD ในการออกแบบถูกขึ้นรูปด้วยมือโดยใช้เวลา 3 เดือน