Bentley Flying Spur ความหรูของแกรนด์ทัวริงก์สปอร์ตซีดาน
ก่อนหน้านี้ทาง Bentley ได้ออกมาเผยรายละเอียดบางด้านของ Flying Spur รุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ออกมา ล่าสุดทางผู้ผลิตรถหรูจากอังกฤษได้เปิดตัวรถแกรนด์ทัวริงก์ซีดานรุ่นใหม่ออกมาแล้วภายใต้คำนิยามว่าการผสานความหรูของรถลิมูซีนกับความสปอร์ตองรถทัวริงก์ เพียงแต่ว่าผู้ที่รอคอยรุ่นใหม่ของ Flying Spur อยู่อาจจะรู้สึกบ้างว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมใหม่แล้วหรือ? เนื่องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมอย่างโดดเด่นตามลักษณะของรถรุ่นใหม่จากค่ายนี้อยู่แล้ว แต่หากดูเทียบกันจริงแล้วก็จะเห็นถึงความแตกต่างระหว่างรุ่นใหม่หน้ากับรุ่นก่อนหน้า รวมทั้งยังมีระยะฐานล้อของรุ่นใหม่ยังยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิม 130 มม. พร้อมกับมีการนำหลากหลายเทคโนโลยีที่อยู่ใน Continental GT รุ่นล่าสุดรวมทั้งเทคโนโลยีใหม่มาใช้กับ Flying Spur รุ่นใหม่
Bentley Flying Spur ใหม่ถูกออกแบบเพื่อให้ตัวรถดูมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากเส้นด้านข้างที่เป็นการแสดงถึงกล้ามเนื้อของรถมากขึ้นตามความยาวของรถ และไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ Bentley ยังใช้เทคโนโลยีปั๊มอลูมิเนียมล่าสุดพร้อมด้วยเหล็กกล้าความแข็งแกร่งสูงกับ Flying Spur ใหม่เพื่อเพิ่มความทนทานให้กับรถ โดยในส่วนแชสซีส์เป็นอลูมิเนียมที่ล้ำหน้าและวัสดุผสม ร่วมกับการใช้สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 48V นอกจากนี้รถทัวริงก์ซีดานรุ่นใหม่ยังยังบ่งบอกความหรูที่ภายนอกไฟ LED Matric ที่มีรายละเอียดภายใน Crystal Effect เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ด้านหน้า และเน้นการใช้โครเมียมเพื่อเพิ่มความหรูทั้งที่กันชนหน้า ด้านข้าง และด้านหลังรถ ส่วนผู้ที่ชื่นชอบสัญลักษณ์เหนือกระจังหน้าแบบยุคเก่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ความหรูจากค่ายนี้ ทาง Bentley ได้นำเอาสัญลักษณ์ Flying B กลับมาใช้ติดเหนือฝากระโปรงของ Flying Spur ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
Bentley Flying Spur ใช้เครื่องยนต์ W12 6,000 ซีซี ทวินเทอร์โบชาร์จ ทำงานร่วมกับเกียร์ดูอัลคลัชต์ 8 สปีดเพื่อการส่งกำลังสู่ล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 อย่างรวดเร็วและราบลื่นสำหรับการถ่ายทอดกำลัง 635 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 900 นิวคัน-เมตรจากเครื่องยนต์สู่พื้น และแม้จะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่แต่ Flying Spur ใช้เวลาเพียง 3.8 วินาทีเพื่อเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งจนถึง 100 กม./ชม. โดยไปหยุดอยู่ที่ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม.
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของ Bentley ที่ใช้ระบบควบคุมทิศทาง 4 ล้อแบบอีเล็กทรอนิกเพื่อช่วยเสริมการควบคุมและความมั่นคงของรถ ในขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมีการส่งกำลังระหว่างล้อหลังและหน้าในอัตราส่วน 60:40 และสามารถเลือกที่จะให้มีการส่งกำลังสู่เฉพาะ 2 ล้อหลังได้ และเพื่อรองรับการขับทั้งแบบสปอร์ตไปจนถึงความสบายในแบบ ลิมูซีน Flying Spur จึงใช้แอร์สปริง 3-Chamber ซึ่งมีปริมาณอากาศมากขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งมีการทำงาน CDC ที่ช่วยให้สามารถปรับโช๊กอัพได้ต่อเนื่อง ในขณะที่การหยุดรถของ Flying Spur ใช้ระบบเบรกแบบเดียวกับ Continental GT ซึ่งมีดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 420 มม.
ภายในของ Flying Spur มาพร้อมกับความหรูที่เลือกได้ทั้งการใช้ไม้แบบเดียวหรือ 2 แบบกับแผงในห้องโดยสาร รวมทั้งใช้เบาะหนังดีไซน์ใหม่ Twin-Flute ที่ผ่านการตัดเย็บให้มีลายไดมอนด์จาก Mulliner Driving Specification และมีการใช้หนังลายไดมอนด์ 3 มิติที่แผงประตูเป็นครั้งแรกในโลก ส่วนคอนโซลกลางสามารถเปลี่ยนได้ 3 ลักษณะคือเป็นจอดิจิตอลทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว, การแสดงข้อมูลแบบอนาล็ก หรือเป็นแผ่นไม้กลมกลืนไปกับแดชบอร์ด โดย Flying Spur มาพร้อมกับทัชสกรีนรีโมตสำหรับการปรับควบคุมต่างๆ อย่างระบบปรับอากาศหรือระบบเสียงสำหรับผู้โดยสารที่ด้านหลังซึ่งกลมกลืนไปกับคอนโซลกลางและสามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ต้องการใช้ ในขณะที่ความบันเทิงในห้องโดยสารเต็มไปด้วยทางเลือกต่างๆ แต่จะมีลำโพง 10 ตัวพร้อมระบบเสียง 650 วัตต์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ทาง Bentley จะเริ่มรับจอง Flying Spur ใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ และจะส่งมอบรถได้ในช่วงต้นปีหน้า ส่วนราคาเริ่มต้นไม่มีการระบุออกมา
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th