เตรียมอำลา Bentley Speed เรือธงขุมพลัง W12 ที่ทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์
บริษัทเอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bently อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ขอพาทุกคนไปทำความรู้จัก Bentley Speed ยนตรกรรมรุ่นที่ทรงสมรรถนะที่สุดของแบรนด์กับขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ที่มอบประสิทธิภาพ และสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือชั้น ขับเคลื่อนยนตรกรรมระดับเรือธงตั้งแต่ปี 2003 อันประกอบไปด้วย Continental GT Convertible Speed, Continental GT Speed, Flying Spur Speed และ Bentayga Speed ส่งท้ายสายการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 ที่ทรงพลังและประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งยุค สร้างอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ความสำเร็จด้านวิศวกรรมยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สมากว่า 20 ปี
Bentley Speed ได้แสดงให้เห็นถึงจุดเด่นด้านการตกแต่งแบบสปอร์ต และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับจากสมรรถนะของเครื่องยนต์รุ่น W12 ซึ่งการตกแต่งในรุ่น Bentley Speed ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสปอร์ตและความโฉบเฉี่ยวที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพในการขับขี่ อาทิ โลโก้และงานปักคำว่า ‘Speed’ พร้อมกับการเย็บตะเข็บบนเบาะโดยสารแบบเฉพาะรุ่น ‘Speed’ เป็นต้น
รูปลักษณ์ที่สง่างามและโฉบเฉี่ยว
รุ่น Speed โดดเด่นด้วยชุดแต่ง Styling Specification รอบคันเพื่อความโฉบเฉี่ยวและเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักอากาศพลศาสตร์ ตัวชุดแต่งผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนมันวาวสีดำ น้ำหนักเบา พร้อมกับลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ผนวกกับการตกแต่งด้วยกระจังหน้าและกระจังกันชนด้านล่างเฉดสีเข้มแบบ Dark Tint รวมถึงกาบประตูห้องโดยสารแบบ ‘Speed’ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่องระบายอากาศสีเข้ม และโลโก้ ‘Speed’ แบบโครเมียมตกแต่งบริเวณบังโคลนด้านหน้า
คุณลักษณะที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งของรุ่น ‘Speed’ คือ ล้ออัลลอยด์ออกแบบเฉพาะรุ่น ขนาด 22 นิ้วที่มีเอกลักษณ์ในเฉดสีเงินสว่าง พร้อมกับตัวเลือกในโทนสีเข้มหรือเฉดสีดำเงาที่ดูดุดัน หรูหราด้วยฝาปิดช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ ‘Jewel’ กาบบันไดประตูห้องโดยสารแบบเรืองแสงตกแต่งด้วยคำว่า ‘Speed’ และปลายท่อไอเสียรูปทรงรีที่สื่อถึงขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 สำหรับรุ่น Bentayga Speed อัดแน่นความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่น บ่งบอกถึงคุณลักษณะด้านสมรรถนะของรุ่น ‘Speed’ ได้อย่างชัดเจน
สำหรับในรุ่น Flying Spur Speed อุปกรณ์ชุดแต่งภายนอกจะมาในรูปแบบของ Blackline Specification เฉดสีดำ อันได้แก่ Flying ‘B’ มาสคอตอันโด่งดัง กระจังหน้าแบบเมทริกซ์ กรอบหน้าต่างห้องโดยสาร กรอบประตูด้านล่างและกันชนหลัง เช่นเดียวกับกรอบไฟหน้าและไฟท้าย มือจับประตู และช่องระบายอากาศในโทนสีเข้ม
ลูกค้ายังสามารถรังสรรค์เฉดสีภายนอกได้ด้วย 17 เฉดสีมาตรฐาน และอีก 47 เฉดสีพิเศษและเฉดสีจากมูลินเนอร์ พร้อมตัวเลือกเฉดสีแบบดูโอโทนอีก 24 เฉดสี หรือสามารถรังสรรค์ด้วยเฉดสีใหม่ด้วยการเทียบงานสีเข้ากับเฉดสีของวัสดุอื่นๆ ที่ต้องการ
สัมผัสแห่งความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสารของรุ่น Speed มีการนำวัสดุหนัง Alcantara® แบบที่ใช้ในรถแข่งมาใช้ในการตกแต่งห้องโดยสาร ทั้งเบาะรองนั่งและแผงพนักพิงหลัง คันเกียร์ พวงมาลัย และแผงบุหลังคา พร้อมงานปักคำว่า ‘Speed’ บนเบาะโดยสาร
ร่วมถึงการออกแบบการเย็บแบบตัดกันแบบใหม่ผ่านงานควิลท์เป็นลวดลายเพชรในแบบ Mulliner Driving Specification ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Speed โดยเส้นเย็บแต่ละเส้นที่ลากผ่านงานควิลท์จะถูกแยกออก โดยเส้นหนึ่งเพื่อให้เข้ากับหนัง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีที่ตัดกัน พร้อมการตกแต่งด้วยโลโก้ ‘Speed’ บริเวณคอนโซลหน้าและกาบบันไดห้องโดยสารแบบเรืองแสง
การตกแต่งภายในที่หรูหรายังสามารถปรับแต่งในแบบเฉพาะตัวได้ด้วยตัวเลือกเฉดสีหลัก 15 เฉดสีและเฉดสีรอง 11 เฉดสี รวมถึงการใช้หนังแบบ Alcantara ในการตกแต่งส่วนอื่นๆ พร้อมกับตัวเลือกวัสดุวีเนียร์ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ อาทิ Piano Black เป็นตัวเลือกมาตรฐาน Crown Cut Walnut, Dark Burr Walnut, Dark Fiddleback Eucalyptus และ Koa เป็นต้น
ยนตรกรรมที่ทรงสมรรถนะที่สุด
Continental GT Speed ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 TSI 6.0 ลิตรที่ถูกพัฒนาขึ้นในรุ่น Speed มอบพละกำลังกว่า 650 แรงม้า เพิ่มขึ้น 4% จากเครื่องยนต์รุ่น W12 แบบมาตรฐาน ในขณะที่ยังคงรักษาแรงบิด 900 นิวตันเมตร และการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ สามารถทำความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระยะเวลาเพียง 3.6 วินาที โดยทำเวลาได้ดีขึ้น 0.1 วินาที
Flying Spur Speed มาพร้อมกับพละกำลัง 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมงภายใน 3.8 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 333 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง
Bentayga Speed ก้าวข้ามสมรรถนะอันเหนือชั้นของ Bentayga ไปอีกขั้นด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตร มอบพละกำลังสูงสุด 626 แรงม้าด้วยแรงบิด 900 นิวตันเมตร และด้วยสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และการควบคุมที่ดีเยี่ยมจึงสามารถทำความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 306 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ในขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาทีเท่านั้น
รุ่น Speed ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบในความเร็ว แต่ยังคงต้องการความสบายและความมั่นใจในการขับขี่ผ่านประสิทธิภาพและความแม่นยำในการควบคุมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแอคทีฟขั้นสูง ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ และ ระบบ Bentley Dynamic Ride
ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มทั้งเสถียรภาพในการขับขี่ในย่านความเร็วและมอบความคล่องตัวในการขับขี่ โดยในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ระบบจะบังคับล้อหลังในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ส่งผลให้ระยะฐานล้อสั้นลง ลดวงเลี้ยว เพิ่มความคล่องตัว ส่งผลให้สามารถจอดรถได้ง่ายขึ้น โดยในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะบังคับล้อหลังไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเพื่อเพิ่มความเสถียรและทำให้การแซงหรือการเปลี่ยนเลนทำได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์จึงทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในการขับขี่ด้วยการใช้ความเร็วสูง แต่ยังคงมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ
Bentley Dynamic Ride System คือ เทคโนโลยีควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าตัวแรกของโลกที่ใช้ระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยระบบจะโต้ตอบแรงหมุนด้านข้างทันทีเมื่อเข้าโค้งเพื่อให้ยางยึดเกาะพื้นถนนให้มากที่สุด เพิ่มความเสถียรในห้องโดยสาร ความสะดวกสบายในการขับขี่ และการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ โดยมีระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งช่วยควบคุมแรงบิดให้ล้อสัมพันธ์กับความเร็วเพื่อให้รถทรงตัวบนถนนได้อย่างสมดุลและตอบสนองต่อการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
ปิดฉากสุดยอดขุมพลังเครื่องยนต์ W12
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ได้ประกาศเตรียมยุติการผลิตเครื่องยนต์รุ่น W12 ในเดือนเมษายน 2024 โดยขุมพลังกว่าทั้งหมด 100,000 เครื่องจะสิ้นสุดลง ณ โรงงานเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
นับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องยนต์รุ่น W12 เป็นครั้งแรกในปี 2003 ทีมวิศวกรได้พัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านพละกำลัง แรงบิด การปล่อยไอเสีย และ การปรับแต่ง
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์รุ่น W12 ได้ผลิตพละกำลังเพิ่มขึ้นกว่า 37% และ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 54% ในขณะที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 25% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบควบคุม การพัฒนาการออกแบบระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและการระบายความร้อน เทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ ระบบหัวฉีดและการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในการเปิดตัว Bentayga ในปี 2015 เครื่องยนต์รุ่น W12 ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด และยังเป็นรุ่นของเครื่องยนต์ที่ยังคงอยู่ในสายการผลิต ณ ปัจจุบัน โดยมีการติดตั้งระบบการปิดการทำงานของกระบอกสูบ ระบบไดเรคท์และพอร์ตอินเจคชั่น และระบบเทอร์โบคู่
เอเอเอสฯ เปิดรับคำสั่งจอง Continental GT Convertible Speed ราคาเริ่มต้นที่ 27.2 ล้านบาท Continental GT Speed ราคาเริ่มต้นที่ 24.8 ล้านบาท และ Flying Spur Speed ราคาเริ่มต้นที่ 23.1 ล้านบาท พร้อมการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิตและบริการผู้ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม พร้อมรับตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันโดยโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เบนท์ลีย์ แบงค็อก
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th