เทรนด์แต่งบ้าน Bidirectional Charge

เทรนด์ของการสร้าง และตกแต่งบ้านที่อยู่อาศัยยุคใหม่เริ่มขยายวงมากขึ้น นอกจากเรื่องโทนสี รูปทรง การจัดการพื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้งาน และรสนิยมของเจ้าของบ้านแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องการออกแบบ และตกแต่งที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านมากยิ่งขึ้น เมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคของโลกสีเขียว และการรักษาสิ่งแวดล้อม เทรนด์การตกแต่งบ้านที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่จึงเริ่มมีเรื่องของความยั่งยืนเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ

เทรนด์ของการตกแต่งบ้านที่ใช้แนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อมนั้น มักจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เน้นการใช้งานอุปกรณ์ และข้าวของเครื่องใช้ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้จิปาถะภายในบ้านอย่างหุ่นยนต์ทำความสะอาดทรงเก๋ ระบบสมาร์ทโฮมที่ใช้สมาร์ทโฟน และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในการควบคุมระบบไฟฟ้า หรือระบบทำความเย็นในบ้าน ไปจนถึงยานพาหนะอย่างรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์ชาร์จ

รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ชาร์จไฟ เริ่มกลายมาเป็นอีกไอเทมหนึ่งที่ให้ภาพจำ และสะท้อนวิถีชีวิตที่ทันสมัยของคนรุ่นใหม่ ด้วยดีไซน์ของรถยนต์ไฟฟ้า และแท่นชาร์จที่มีรูปทรงทันสมัย อีกทั้งนวัตกรรมจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำอย่างนิสสัน ที่ยกระดับประสบการณ์ของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไปอีกขั้น เพราะรถยนต์ไฟฟ้าอย่างนิสสัน ลีฟ เป็นรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีการชาร์จแบบสองทาง (Bidirectional Charge) ทำให้สามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันของเราได้ด้วย

เทคโนโลยีชาร์จไฟแบบสองทางนี้ ทำให้เจ้าของรถยนต์ใช้ระบบไฟบ้านมาชาร์จรถยนต์ และนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ก็ทำหน้าที่เสมือนแบตเตอรี่สำรองที่กักเก็บไฟฟ้า และยังสามารถส่งพลังงานไฟฟ้าจากรถยนต์คืนกลับไปยังโครงข่ายไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในกรณีที่เกิดเหตุภัยพิบัติทำให้ไฟฟ้าดับในชุมชน เช่น  เมืองโคโตฮิระ ในจังหวัดคากาวะ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ได้มีการทำข้อตกลงกับร่วมกับนิสสัน ในการนำรถไฟฟ้านิสสัน ลีฟ มาใช้นำจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังศูนย์อพยพ และสถานที่สำคัญอื่นๆ ในเมือง เมื่อพลังงานในเมืองหมดลงจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์ ทำให้นิสสัน ลีฟ สามารถจ่ายไฟฟ้าให้แก่หนึ่งครัวเรือนขนาดทั่วไปได้ประมาณ 2-3 วัน

นอกจากการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าสำหรับครัวเรือน อุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสองทางยังสามารถจ่ายพลังงานสำรองกลับเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยในช่วงพีคหรือช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้  รถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพในการสนับสนุนการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศด้วย

เทรนด์ในเรื่องความยั่งยืนที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของทุกคนในปัจจุบัน ตั้งแต่เรื่องที่อยู่อาศัยไปจนถึงยานพาหนะ และจะยังคงมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต เมื่อมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายมากขึ้น ระบบการจัดการไฟฟ้าภายในบ้านก็จะกลายมาเป็นวิถีชีวิตใหม่ สร้างแนวคิดใหม่ด้านการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อหลายๆ เรื่อง รวมทั้งการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย การกำหนดดีไซน์การตกแต่งบ้าน, อาคาร และสถานที่ต่างๆ มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ในอนาคต และบริบทของเมือง

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: บริษัทนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย)

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

เทรนด์แต่งบ้าน Bidirectional Charge ตามข้อมูลอีโคสติกเกอร์ Nissan Leaf 2023 เพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนำเข้าจากโรงงานนิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 8 เปอร์เซ็นต์ มีอัตราการใช้ไฟฟ้า 171 วัตต์ต่อ 1 กิโลเมตร 

New Leaf 2023 มีการปรับดีไซน์ทั้งภายนอก-ภายใน โดยกระจังหน้าถูกออกแบบให้มีความล้ำสมัยมากขึ้นพร้อมติดตั้งโลโก้ใหม่ของ Nissan เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังใหม่ที่เพิ่มความปอร์ต และเปลี่ยนล้อใหม่เป็นอัลลอย 17 นิ้ว สีดำปัดเงา 

ภายในห้องโดยสารของ New Leaf 2023 มีความกว้างขวาง ทั้งที่นั่งด้านหน้า และด้านหลัง สามารถเลือกได้ 2 แบบ ทั้งสไตล์สปอร์ตเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีฟ้า หรือจะลักชัวรี่ขึ้นมากับเบาะหนังโทนสีเทาอ่อน ตกแต่งด้วยด้ายสีฟ้า

ในส่วนของเสียงรบกวนในห้องโดยสาร Nissan ระบุว่าด้วยการผสานการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่เดินเงียบ และฉนวนที่ช่วยดูดซับเสียงทุกจุดรอบคันจะช่วยลดเสียงรบกวนลงได้มากกว่าเดิม

ความอเนกประสงค์ในห้องโดยสารของ Leaf ยังคงเหมือนเดิมกับตอนเปิดตัวครั้งแรก เบาะนั่งแถวสองสามารถเลือกปรับแบบ 60:40 หรือพับลงทั้งแถวก็จะรองรับสัมภาระได้สูงสุด 435 ลิตร เรียกว่าใส่ถุงกอล์ฟ 3 ใบเข้าไปได้อย่างสบายๆ 

ขุมกำลังของ New Nissan Leaf 2023 ไม่แตกต่างจากตอนที่เปิดตัวเจเนอเรชั่นนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2017 โดยยังคงเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมงเหมือนเดิม และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC3 Synchronous ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์หรือ 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร 

ทำให้ระยะทางการขับต่อการชาร์จจะอยู่ที่ 311 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) โดยระยะเวลาการชาร์จแตกต่างตามกำลังไฟฟ้า Normal Charge กระแสไฟ 3.6 กิโลวัตต์ จะใช้เวลา 12 ชั่วโมง* และ Double Speed Charge กระแสไฟ 6.6 กิโลวัตต์ จะใช้เวลา 6 ชั่วโมง