BMW เปิดตัว i8 Roadster เซฟตี้คาร์คันใหม่สำหรับฟอร์มูล่า อี
ฟอร์มูล่าอี BMW ลูกชายรัฐมนตรี
ในคืนก่อนการแข่งขันฟอร์มูล่าร์อีรายการ Monaco E-Prix ทาง BMW ได้เปิดตัว i8 Roadster ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นรถเซฟตี้คาร์คันใหม่สำหรับการแข่งขันรายการนี้ โดยเป็นรถเซฟตี้คาร์คันแรกในแบบเปิดหลังคาให้ส่วนค็อกพิตรับอากาศภายนอก
เพื่อทำให้ i8 Roadster เป็นรถเซฟตี้คาร์สำหรับการประลองความเร็วของรถแข่งพลังงานไฟฟ้าทาง BMW ต้องมีทั้งการปรับแต่งในหลายส่วนรวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มโดยยึดตาม i8 คูเป้เซฟตี้คาร์ ซึ่ง 2 สิ่งที่สร้างความแตกต่างจาก i8 Roadster ปกติอย่างชัดเจนคือการเปลี่ยนเวาเอและกระจกหน้าใหม่ให้สั้นลง รวมทั้งเปลี่ยนสปอยเลอร์หลังใหม่ นอกจากนี้เมื่อเทียบกับรุ่นปกติแล้วรถเซฟตี้คาร์จะเตี้ยกว่า 15 มม.
สำหรับอุปกรณ์อื่นที่ถูกติดตั้งเข้าไปกับตัวรถมีทั้งโรลล์บาร์ที่ได้รับการรับรองจาก FIA ติด Splitter ที่ด้านหน้าซึ่งทำงานร่วมกับสปอยเลอร์สำหรับสำหรับเพิ่มแรงกดบนตัวรถ รวมไปถึงมีการติดแถบไฟสัญญาณที่ด้านหลังของรถโดยอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าสปอยเลอร์เพื่อความชัดเจนในการมองจากทุกมุม พร้อมกับมีการเปลี่ยนมาใช้เบรก M คาร์บอนเซรามิกแทนของเดิม นอกจากนี้เพื่อให้สามารถทำหน้าที่เซฟตี้คาร์ได้อย่างสมบูรณ์จึงมีการติดตั้งทั้งเสาอากาศสำหรับการสื่อสาร, เสา GPS, ชุดอุปกรณ์ระบบการสื่อสาร และกล้องหลังเพิ่มเข้าไปที่ i8 Roadster เซฟตี้คาร์
ส่วนภายนอกของรถมีการปรับกราฟฟิกที่ใช้แต่งมาจากรถเซฟตี้คาร์ i8 คูเป้เพื่อให้เหมาะกับรถเปิดประทุน และใช้สีฟ้ารวมทั้งสีม่วงเพื่อสื่อถึงพลังงานไฟฟ้า ส่วนภายในห้องโดยสารในส่วนของผู้นั่งใช้ค็อกพิตสีดำด้านป้องกันแสงสะท้องซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW Group Motorsport อย่างไรก็ตามทาง BMW ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของการขับเคลื่อนโดยที่ยังใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ 1,500 ซีซี 228 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 141 แรงม้า ซึ่งให้กำลังรวม 368 แรงม้าและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ e-awd เหมือนเดิม
ดร. Robert Irlinger ผู้บริหารของ BMW i พูดถึงการสร้างรถเซฟตี้คาร์เปิดประทุนว่า “ในการเตรียม BMW i8 Roadster เซฟตี้คาร์ วิศวกร นักออกแบบ และเจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารของ BMW i มีความท้าทายในการค้นหาสิ่งใหม่ และสร้างรถที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างแท้จริง ทีมพัฒนาเบื้องหลังรถเซฟตี้คาร์ร่วมมือกันตั้งแต่เริ่มต้น วิศวกรของเราสร้างสรรค์ในส่วนของพวกเขาและประกอบกันเป็นงานที่สมบูรณ์ เพื่อทำอย่างนั้นพวกเขาต้องทำสิ่งที่ใหม่จริงๆ”
BMW I เป็นพาร์ทเนอร์ด้านพาหนะอย่างเป็นทางการของ ABB FIA ฟอร์มูล่าอีแชมเปี้ยนชิพเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยนอกจาก i8 Roadster และคูเป้ที่เป็นเซฟตี้คาร์แล้ว ยังมี BMW i3s ทำหน้าที่เป็นรถอำนวยการแข่งขัน และ BMW 530r ทำหน้าที่รถสำหรับสื่อมวลชนด้วย
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
ฟอร์มูล่าอี BMW ลูกชายรัฐมนตรี
เราจะเห็นอุบัติเหตุมากมายที่เกิดขึ้นที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์จากกล้องหน้ารถ ยิ่งสมัยนี้ถ้าไม่มีกล้องติดรถอาจจะเป็นฝ่ายผิดทันที เหมือนกับเรื่องรถ BMW I8 ที่ขับมาด้วยความเร็ว ก่อนจะตัดสินใจเบี่ยงซ้าย
เพื่อมาอีกเลนที่มีรถเบนซ์อยู่ด้านหน้า แต่สุดท้ายเป็นไงล่ะ…..ก็ชนท้ายเข้าอย่างจังสิคะ จนท้ายรถเบนซ์ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อเหตุการณ์นี้ถูกแชร์คลิปบนโลกออนไลน์ ทางเจ้าของรถ BMW I8 กล่าวหาว่าผู้ขับเบนซ์เปลี่ยนเลนมาเบียด แต่โชคดีที่มีผู้บันทึกภาพไว้ได้ เพื่อนๆ ลองคิดดูสิว่า…..ถ้าไม่มีกล้องหน้ารถติดไว้ เรื่องแบบนี้จะจบแบบไหน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใครผิดใครถูก แล้วรถเบนซ์จะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ อย่างไรก็ตามกล้องติดรถก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิต เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกล้องติดรถเนี๊ยแหละจะเป็นพยานเอกให้คุณแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ถ้าเราขับรถอย่างไม่ระมัดระวัง หรือขับรถด้วยความประมาทกล้องติดรถอาจจะกลับมาทำร้ายคุณก็ได้นะคะ ขับรถควรจะใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน มีน้ำใจต่อกัน เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมามันอาจจะไม่เสียแค่ทรัพย์สินอย่างเดียว แต่มันอาจจะเสียชีวิตคนๆ หนึ่งไปอีกด้วยนะคะ
บีเอ็มดับเบิลยู i8 รถยนต์สปอร์ตแห่งอนาคตในดวงใจของแฟน ๆ กลับมาสร้างความเร้าใจอีกครั้งในสไตล์โรดสเตอร์กับ บีเอ็มดับเบิลยู i8 Roadster ใหม่ ที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพได้อย่างล้ำสมัย ขับเคลื่อนในระบบปลั๊กอิน ไฮบริด ควบคู่กับเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู eDrive ใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถวิ่งได้นานและไกลมากขึ้นโดยไร้การปล่อยมลภาวะ
บีเอ็มดับเบิลยู i8 Roadster ใหม่ มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูงที่เพิ่มความจุจาก 20 แอมป์เป็น 34 แอมป์ หรือเพิ่มความจุแบตเตอรี่โดยรวมจาก 7.1 เป็น 11.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งพลังด้วยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 105 กิโลวัตต์ / 143 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากเดิม 9 กิโลวัตต์ / 12 แรงม้า
สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัฒนาจากมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่นก่อนหน้าที่เร่งความเร็วได้สูงสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเมื่อขับขี่ด้วยโหมด eDrive โดยไม่มีการปล่อยไอเสียเลย จะสามารถส่งบีเอ็มดับเบิลยู i8 Roadster ใหม่ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเป็นระยะทางสูงสุด 53 กิโลเมตร (EU test cycle)